พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทย เข้า พรรคพลังปวงชนไทย เผย ไปอยู่พรรคเล็กแทนพรรคใหญ่ จะได้ทำงานช่วยชาวบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรเต็มที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2561 ที่บ้านพักพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ภายในสวนทวดจีบ หมู่ 2 ถนนรังสิต-นครนายก ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยภายในบ้านพักมีกลุ่มมวลชนของพรรคพลังปวงชนไทย ต่างพากันนำกระเช้าปีใหม่ และของขวัญเข้ามอบให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ร่วมแสดงความยินดี และแสดงเคารพ เข้าอวยพรในวาระช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมทั้งมีกลุ่มสมาชิกพรรค และมวลชนจากต่างจังหวัด ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ร่วมแสดงความยินดีและอวยพร และนำผ้าขาวม้าที่ทอมือจาก จ.น่าน มาผูกคาดเอวให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ พร้อมทั้งบันทึกภาพที่บริเวณหน้าบ้านไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งมีการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันในเต็นท์เล็กๆ ที่ข้างบ้าน

จากนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้เป็นการนัดพบปะสังสรรค์ กับสมาชิกภายในพรรคพลังปวงชนไทย ในกลุ่มเล็กๆ แบบครอบครัว ก็ไม่มีอะไรมาก และตนเองก็ต้องการจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนเองได้ตัดสินใจ และตั้งใจแล้วว่า จะลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่า ตัวเองทำงานกับพรรคใหญ่มานานแล้ว ก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เพราะเป็นพรรคใหญ่ และตนเองก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้พรรคเพื่อไทยสักเท่าไร โดยตัดสินใจจะเข้าร่วมกับ พรรคพลังปวงชนไทย ซึ่งเป็นพรรคเล็กๆ ซึ่งมี นายนิคม บุญวิเศษ เป็นหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เพราะต้องการให้การเมืองเจริญขึ้น อีกอย่างตนเองต้องการจะทำงานเพื่อคนไทย ดูประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้อยากทำงานเพราะเรื่องอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ทำงานอยู่ในพรรคเล็กๆ ก็ได้ อีกอย่างตนก็มีความตั้งใจมานานแล้วว่า ต้องการช่วยเหลือประชาชนชาวรากหญ้าให้มากๆ ก็เลยตัดสินใจว่า อยู่พรรคเล็กๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคใหญ่ และตนมีการพูดคุยกันถึงการทำงานที่ตนเองกับทางพรรคบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเท่าไร ต้องรอให้ถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยก่อน ก็จะเดินหน้ากันต่อไป แต่ขณะนี้ เพียงมอบนโยบายของพรรค ให้มีไปในทางการช่วยเหลือประชาชนรากหญ้าเป็นหลัก ซึ่งก็มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันกับ นายนิคม หัวหน้าพรรค ที่มีความคิดที่สอดคล้องกันให้มีการพัฒนาประเทศไทย จึงได้มอบนโยบายให้พรรคไปแล้ว และในส่วนของประชาชนรากหญ้า ที่มีอาชีพเกษตรกรรม สวนยางพารา นาข้าว จะดำเนินการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ให้มีอาชีพมีรายได้ที่ดีขึ้น

...

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของประชาชนรากหญ้าที่มีอาชีพเกษตรกรรม เพราะว่าเมืองไทยเป็นเมืองอาชีพเกษตรกรรม อย่างสวนยาง ตนเองก็ได้มีการให้นโยบายไปว่า ยางพารา ถ้าได้เข้าไปร่วมรัฐบาล หรือมีอำนาจที่จะดูได้ ก็จะเอายางพาราในเมืองไทยให้รัฐบาลซื้อ เอาไปซีนบ่อน้ำทางภาคอีสาน ที่แห้งแล้งให้สามารถกักเก็บน้ำได้ นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นนโยบายที่มอบให้ไป ก็จะทำให้ประชาชนชาวอีสานมีน้ำไว้ใช้ทำเกษตรกรรม สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ไม่ขาดแคลน อีกทั้งจะได้สามารถทำเกษตรกรรม ทั้งเกษตรเล็ก เกษตรน้อย อาทิ ปลูกกล้วย ทุเรียน ให้ประชาชนสามารถปลูกพืชที่สามารถส่งขายออกต่างประเทศได้ หรือปลูกมันเทศ แทนการปลูกมันสำปะหลัง ส่งขายญี่ปุ่นที่มีความต้องการ เพื่อให้สินค้าเกษตรมีมูลค่าขึ้น สร้างรายได้ให้เกษตรกรรมมากยิ่งขึ้น และบริหารเรื่องน้ำที่ใช้ในการเกษตรให้ได้ดี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีส่งขายได้ เกษตรกรก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะสงสารประชาชนชาวรากหญ้ามาก และอีกโครงการ คือ ซื้อที่ให้ประชาชน 10 ครอบครัว 10 ไร่ เพื่อให้ประชาชนรากหญ้าได้มีพื้นที่ทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ประชากรมีรายได้ มีกิน มีใช้ ต่อไป ประชาชนมีรายได้มากก็จะทำให้ระบบเงินหมุนเวียนดีขึ้น มีการเสียภาษีให้ประเทศได้มีพัฒนากันต่อไป