ความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหมู่พี่น้องชาวประมงจากการให้ข้อมูลที่ว่า การทำประมงนอกเขตชายฝั่ง ถ้าเกิดมรสุม เรือประมงกลับเข้ามาในชายฝั่งทะเลทันทีจะมีความผิด ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว การไหลเข้ามาเพื่อหลบมรสุม เรือทั่วไปสามารถที่จะทำได้ แต่ที่มีปัญหากับเรือบางลำที่ถูกจับเพราะสัญญาณ VMS ที่ปรากฏขึ้นบนจอภาพ ในระบบเฝ้าระวังของกรมประมง ฟ้องว่าเรือลำนั้น เข้าไปทำประมงในเขตที่ไม่มีสิทธิ์ทำประมง และเรื่องนี้สามารถที่จะชี้แจงเจ้าหน้าที่ให้ทราบได้เช่นกัน โดยปกติแล้วหากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเข้าไปจับเรือประมง เนื่องจากจะถูกฟ้องกลับเอาได้
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของเรือประมงไม่สบายใจหรือยังไม่พอใจก็ สามารถที่จะติดอุปกรณ์รุ่นใหม่ ที่ติดตามเรือประมงโดยการส่งสัญญาณได้ละเอียดกว่าแบบ VMS ที่ชื่อว่าระบบ Pelagic ราคาไม่แพงแต่สามารถส่งสัญญาณภาพได้ทุกนาที ในกรณีสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายหรือแบตเตอรี่หมดระบบยังสามารถเก็บภาพและสัญญาณทั้งหมดเอาไว้ยืนยันได้ ซึ่งเจ้าของเรือสามารถที่จะขอให้กรมประมงติดสัญญาณดังกล่าวเพิ่มเติมได้
ระบบนี้สามารถดึงข้อมูลที่บันทึกเอาไว้มาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการทำประมงได้ละเอียดมาก เช่น สามารถบันทึกได้ว่า ขณะที่เรือไหลเข้ามาในทะเลชายฝั่ง ได้มีการยกอวนเพื่อทำการประมงหรือไม่
แน่นอนว่าความผิดในกรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ตามกฎหมายมีการระบุโทษไว้คือปรับตั้งแต่ 5 ล้านบาทจนถึง 25 ล้านบาท ซึ่งถูกโจมตีว่าค่อนข้างจะไม่เป็นธรรมกับเจ้าของเรือประมง อย่างไรก็ตาม ทั้งอัยการและศาลจะให้ความสำคัญกับประเด็นที่ว่า ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หมายถึงมีเจตนาจะกระทำผิดหรือไม่ หลบมรสุมเข้ามาก็ไม่มีความผิด และในทางคดีแล้วกระบวนการยุติธรรมได้ระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อรับสารภาพ ศาลมักจะกรุณาลดหย่อนโทษให้ในหลายกรณีที่เป็นเหตุให้มีการบรรเทาโทษ
...
อย่างไรก็ตาม มีการอ้างว่าการพิจารณาความผิดทำได้โดยเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด เพราะ คดีประมงไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐสั่งการได้ตามอำเภอใจและไม่ได้ตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว แน่นอน ในทางตรงข้ามเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการออกคำสั่งเตือนเท่านั้น แต่ถ้าจะเอาความผิดจะต้องมีพยานหลักฐานเข้าสู่การพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนเช่นเดียวกับคดีทั่วไป
กรณีที่การบันทึกชื่อแรงงานประมงผิดก็เช่นกัน จะต้องพิจารณาจากการเริ่มต้นของกระบวนการตั้งแต่แรงงานต่างด้าวเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย เอกสารต้นทาง ผ่าน ตม.ขออนุญาตมหาดไทยและขออนุญาตทำงานกับกรมจัดหางาน ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเอกสารราชการ ที่กล่าวว่าการสะกดชื่อแรงงานผิดก็จะถูกจับกุมจึงเป็นความคลาดเคลื่อนเพราะที่ถูกดำเนินการตามกฎหมายเกิดจากสาเหตุเดียวคือเป็นแรงงานผิดกฎหมาย
สาเหตุใหญ่ที่แรงงานไม่อยากทำงานในเรือประมงเพราะสภาพการทำงานที่ย่ำแย่มากกว่า ความเสียหายกับธุรกิจประมงที่เกิดขึ้นเบื้องต้นเป็นการกล่าวอ้างของผู้ประกอบการบางรายที่เสียผลประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะรัฐโดยกระทรวงแรงงานพยายามแก้ปัญหาประมงให้ถูกต้องและเป็นธรรมตลอดเวลา.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th