สุเทพ พร้อมด้วยผู้สมัคร พรรครวมพลังประชาชาติไทย เดินคารวะแผ่นดินอ่างทอง ชาวบ้านแห่คุยทักทายถ่ายรูป เผย ตัดชื่อ-โลโก้พรรคการเมือง ไม่เคยยึดติด ขอแค่ กกต.คุมเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 1 และตลาดสดเทศบาล 2 ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในฐานะประธานคณะทำงาน พร้อมด้วย นางอภิพร ศรีพยัคฆ์ อายุ 50 ปี ว่าที่ผู้สมัครของพรรค ได้เดินออกทำการแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคของพรรค และการรับสมาชิกของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไปตามห้างร้านและบริเวณตลาดสด โดยทั่วบริเวณในตลาดอ่างทอง ซึ่งประชาชนให้การต้อนรับนายสุเทพและคณะที่เดินคารวะแผ่นดิน วันที่ 40 ที่อ่างทอง พร้อมมีชาวบ้านได้เข้าไปทำการพูดคุย พร้อมขอถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก 


ด้าน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องการตัดชื่อ-โลโก้พรรคการเมือง ในบัตรเลือกตั้ง ทางพรรคพลังประชาชาติไทยไม่เคยยึดติดในเรื่องของโลโก้พรรคการเมือง หากทาง กกต.กำหนดกฎเกณฑ์กติกามาอย่างไรก็ปฏิบัติได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ข้อสำคัญก็คือว่า ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ กกต.ต้องควบคุมการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนในเรื่องโลโก้พรรคการเมืองหรือหมายเลข ไม่ใช่เรื่องใหญ่ กติกาตั้งมาอย่างไร ทางพรรคเราก็ยอมรับได้ทั้งหมด จะใส่ชื่อพรรคหรือใส่หมายเลขก็ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น ขอให้ กกต.ดูแลไม่ให้มีการทุจริตการเลือกตั้ง อย่าให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และการใช้อิทธิพลเข้าไปกดดันผู้ใช้สิทธิ์ใช้เสียง

...

ส่วนเรื่อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เบื้องต้นตนเองยังไม่ได้ดูในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเดินคารวะแผ่นดินทุกวัน แต่เห็นในสื่อทางโซเชียล และได้มีผู้ใหญ่ได้ติดต่อเข้ามาว่าจะขอให้นายธาริตเข้ามาขอขมา โดยนำธูปเทียนแพขอขมา เบื้องต้นตนเองได้แจ้งว่าไม่ต้องการให้คุณธาริต เข้ามาขอขมา เพราะผมเห็นว่านายธาริตได้กระทำการผิดวิสัยของผู้ที่สมควรดำรงความยุติธรรม คือมีหน้าที่ที่ดูแลความยุติธรรมและตั้งใจทำความผิดเสียเอง คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยได้ และเป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรให้อภัย

เบื้องต้นได้ปรึกษากับทางทนายฝ่ายกฎหมาย ได้ประชุมกันพร้อมได้ให้ทราบว่า ในกรณีที่มีคดีความอยู่กับคุณธาริต นั้นไม่ใช่กรณีนี้กรณีเดียว แต่มีหลายเรื่อง โดยไม่ควรจะไปยอมความ เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องสังคม โดยทางที่ปรึกษาทางกฎหมายทนายความของผมตัดสินใจว่า ยังไงก็จะไม่ยอมความและดำเนินงานตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.