อดีต ส.ส.กทม.เพื่อไทย มองหลัง สนช.ผ่านร่าง ก.ม.เรียกเก็บภาษีผู้ขายสินค้าออนไลน์ หวั่นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล วอนรัฐฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง เพื่อปรับแก้กฎหมายให้รัดกุมที่สุด
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.61 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ที่ตั้งเป้าเรียกเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ว่า การเรียกเก็บภาษีเป็นเรื่องดีถือเป็นหน้าที่ของคนไทย แต่เนื้อหาที่กำหนดให้สถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลของบุคคลและนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปี และมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ให้กรมสรรพากรตรวจสอบนั้น เกรงว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ ปกติข้อมูลเหล่านี้เป็นความลับที่ธนาคารต้องปกปิด และจากการอภิปรายของสมาชิก สนช. เห็นชัดว่าทุกคนเกรงกลัวการถูกตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน การแยกแยะบุคคลธรรมดากับผู้ค้าออนไลน์ จะมองเพียงแค่ธุรกรรมทางการเงินอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีข้อมูลอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความสม่ำเสมอของการทำธุรกรรมว่า ต้องทำกี่ครั้งภายในระยะเวลาเท่าใด ถึงประเมินว่าเป็นผู้ค้าออนไลน์ทุกวันนี้ รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้สังคมไทยเป็นสังคมไร้เงินสด หากจะดูการทำธุรกรรมเพียงเท่านี้ เชื่อว่าหลายคนที่ใช้แอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ คงเข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายดังกล่าวจะผ่าน สนช.ไปแล้ว แต่อยากให้รับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เพื่ออาจจะได้ปรับแก้กฎหมายให้รัดกุมที่สุดต่อไป