สนช.มีมติ 149 เสียง ผ่าน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญา ตัดสิทธิคนหนีคดีห้ามฟ้องคดีอาญาอื่นต่อ ชี้หากไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจากกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.61 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จำนวน 5 มาตรา ในวาระ 2 และ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่มี นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในมาตรา 5 การห้ามประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องคดีผู้อื่นโดยไม่สุจริตหรือเพื่อกลั่นแกล้งกันนั้น กรรมาธิการฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมสนช.ว่า หากพบว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลั่นแกล้งเอาเปรียบจำเลย ถือเป็นการฟ้องโดยไม่สุจริต ศาลมีอำนาจยกฟ้องหรือไม่รับฟ้องได้ และห้ามมิให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีในเรื่องเดียวกันอีก ซึ่งจะครอบคลุมถึงกรณีผู้ปฏิเสธคำสั่ง คำพิพากษาศาลในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เช่น ศาลตัดสินลงโทษจำคุกหรือปรับ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม เช่น หลบหนีไป บุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิไม่ให้ฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้อีก เพราะกฎหมายไม่ควรให้สิทธิผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม การตัดสิทธิการฟ้องคดีอาญาดังกล่าวไม่รวมถึงกรณีการไปดำเนินคดีผ่านช่องทางตำรวจและอัยการ 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ประชุม สนช.อภิปรายกันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมจึงลงมติในวาระ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 149 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง.

...