เขาว่ากันว่า "สูตรสำเร็จของพรรคการเมือง" ทุกยุคทุกสมัย คือ ต้องแสดงจุดยืนว่าอยู่ฝั่งประชาธิปไตย อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายเผด็จการ จริงหรือ?
ยิ่งเข้าใกล้วันศุกร์ 7 ธ.ค. 2561 การเมืองไทย ก็ยิ่งกระเพื่อมหนัก ยิ่งเมื่อ ผู้นำรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกปากนัดพรรคการเมืองประชุมหารือ เพื่อเตรียมที่ปลดล็อกการเมืองเต็มรูปแบบ ตามโรดแม็ป คสช.ที่ประกาศไว้ แน่นอนว่า มีหลายพรรคการเมืองที่เล่นแง่ อ้าง ไม่ขอเข้าร่วมประชุม เพราะเป็นรัฐบาลเผด็จการ อย่างพรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่
กระแสการแสดงจุดยืน "ไม่เอาเผด็จการ ต้องการเป็นประชาธิปไตย" ไหลไปจนถึงพรรค ”ไม้เบื่อไม้เมา” กับพรรคเพื่อไทยตลอดกาล อย่างพรรค”พระแม่ธรณีบีบมวยผม” ค่ายสีฟ้า อย่าง ประชาธิปัตย์ ที่ก็ต้องแสดงจุดยืนเป็นประชาธิปไตย เช่นกัน
...
ไม่นับรวม พรรคภูมิใจไทย,ชาติไทยพัฒนา หรือแม้แต่พรรคชาติพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่า อาจแสดงออกไม่เข้มข้นเหมือน พรรคเพื่อไทย หรือ พรรคอนาคตใหม่ ก็ตาม
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ความจริงมันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจ สำหรับแวดวงการเมืองไทย เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งถูกรัฐประหาร แต่ที่ต้องเร่งออก "แอ็กชั่น" ในช่วงนี้ เอาจริงเพราะเลือกตั้งใหญ่มันใกล้เข้ามา ทุกพรรคการเมืองก็ต้องโปรโมตกันทุกทาง ว่า พรรคของเราเป็นประชาธิปไตย อยู่ตรงข้ามกับเผด็จการ แม้อาจมีบางพรรคการเมืองอาจพูดได้ไม่เต็มปากกับการหาเสียงประเด็นนี้
แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะหากหันไปอีกข้างที่อยู่ตรงข้ามกับนักเลือกตั้ง ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า มีการปล่อยโปรโมชั่นกันขนานใหญ่จากรัฐบาล คสช. ช่วงใกล้เลือกตั้งชนิดจัดเต็ม ทั้งโครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน บ้านล้านหลัง ช่วยค่าน้ำมันวิน จยย. ช็อปช่วยชาติ ฯลฯ" ซึ่งแน่นอนว่า นโยบายทั้งหลายที่ปล่อยออกมาถี่ในช่วงนี้ ก็หมิ่นเหม่เหมือนเป็นการหาคะแนนเสียง แต่อาจต้องยกประโยชน์ให้รัฐบาล คสช. เพราะที่ผ่านมาในอดีต ช่วงการเมืองปกติ ใครเป็นรัฐบาลก็จะชิงความได้เปรียบนี้มาโดยตลอด
ฉะนั้นคนที่ติดตามการเมืองมาตลอด จะรู้ว่ามันถือก็เป็นเรื่องปกติ ที่ทุกฝ่ายก็พยายามชิงความได้เปรียบกัน ยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไร ทุกฝ่ายจะงัดเอาทุกกลเม็ดออกมาสู้กัน อย่างตอนนี้ฝ่ายนักเลือกตั้งอาชีพ ก็ออกมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพื่อตีกินกระแส และเอาคะแนนเสียง ไล่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเลือก ส.ว. แบ่งเขตเลือกตั้งไม่เป็นธรรม มาจนถึงสืบทอดอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ไปเราก็จะได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้มากยิ่งขึ้น จนถึง 24 ก.พ. 2562
เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน....