ตามธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆก็ต้องหัวร้อนกันเป็นธรรมดา
กับผลการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ที่เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการลงราชกิจจานุเบกษา ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกจากค่ายการเมืองไม่แฮปปี้การจัดโซนพื้นที่ใหม่ ทำให้ได้รับผลกระทบ ตกที่นั่งลำบากในสนามเลือกตั้ง
หลายพื้นที่ตกเป็นขี้ปากนักการเมืองแบ่งเขตตามใบสั่ง วิจารณ์สูตร กกต. ซอยเขต
แบ่งพื้นที่สุดพิสดาร อำเภอเดียวถูกแยกออกไปหลายเขตเลือกตั้ง
เรียกอารมณ์หงุดหงิดจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ว้ากสื่อ “จะตายห่าหรืออย่างไร ถามแต่เรื่องแบ่งเขตซังกะบ๊วย”
แต่ทั้งนี้ท่าทีของฝ่ายการเมืองก็ทำได้ดีสุด แค่ต่อว่ากันพอหอมปากหอมคอ ทำอะไรไม่ได้ถนัด เพราะคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2562 ให้การพิจารณาแบ่งเขตของ กกต.ถือเป็นที่สุด
ต่อให้เสียงดังยังไงก็เปลี่ยนแปลงผลการชี้ขาดของ กกต.ไม่ได้
แต่หากมองในแง่ดี อย่างน้อยก็ได้เห็นสัญญาณทางบวกเรื่องโรดแม็ปเลือกตั้งคืบหน้าชัดเจนขึ้นตามลำดับ
นักการเมืองอาชีพได้กลิ่นอายเลือกตั้งชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามไทม์ไลน์ที่วงใน คสช.จะตัดริบบิ้นปลดล็อกการเมืองวันที่ 11 ธ.ค.นี้ จากนั้นประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งวันที่ 26 ธ.ค.2561 และประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธ.ค.2561 ก่อนจะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระหว่างวันที่ 14-28 ม.ค.2562
ทุกอย่างปรากฏเป็นรูปร่างชัดเจน จากที่เคยคลุมเครือกลับมาลงล็อก ณ นาทีนี้สังเวียนคืนประชาธิปไตยจะมีขึ้นวันที่ 24 ก.พ.2562 ชัวร์เกือบ 100% แล้ว
สิ้นข้อสงสัยเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งกันอีกต่อไป
ถนนทุกสายมุ่งเข้าสู่คูหาลงคะแนน แต่ละพรรควอร์มอัปรอข้างสนามอย่างใจจดใจจ่อ อย่างที่ผู้นำ คสช.ให้คำมั่นสัญญาต่อเวทีทั้งในและต่างประเทศ จะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม พร้อมคืนอำนาจให้ประชาชน
...
“บิ๊กตู่” มาถึงจุดที่มีความพร้อมสูงสุด สามารถคอนโทรลความได้เปรียบไว้ได้ทั้งหมด
แบรนด์พรรคพลังประชารัฐว่าที่ผู้สนับสนุนหลักของ “บิ๊กตู่” เพียบพร้อมทั้งกระแส กระสุนและขุมกำลัง มีไพร่พลเกรดเอ เกรดรองในสังกัดมากมาย
เป้าหมายการกวาดที่นั่ง ส.ส.พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมก่อนออกสตาร์ตคาดหวังไว้ในระดับหลักสิบ พุ่งทะลุเกินร้อย ไม่รวมต้นทุนเดิม ส.ว. 250 ที่นั่งที่เป็นหลักประกัน
โตขึ้นเรื่อยๆรับกับผลโพลที่ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ เจ้าพ่อผลสำรวจ การันตีคะแนนนิยม “ลุงตู่” ทะยานหนี “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ออกไปเรื่อยๆ
และกำลังจะสร้างปรากฏการณ์พายุกวาดพรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคแรก จากนโยบาย “บัตรคนจน” ที่กำลังขึ้นหม้อ ตีตลาดนโยบาย 30 บาท แตกกระจุย
ล่าสุดขยายแคมเปญไปไกลถึงขั้นให้รูดปรื๊ดซื้อสินค้าในห้างขนาดใหญ่ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ซื้อสินค้าจากเฉพาะร้านค้าที่ร่วมโครงการ
ชาวบ้านร้านตลาดติดอกติดใจกันถ้วนหน้า เพราะผูกติดใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอด โดยมีผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านเสียง ที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นฐานเสียงหลักในมือ
แม้แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่กล้าปูพรมถล่มโครงการบัตรคนจนหนักๆเพราะกลัวเป็นศัตรูกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
เพื่อไทยถึงจุดขาลง ถูกทุบสลายพลังไปมาก ขณะที่แม่ทัพคนใหม่อย่าง “เจ๊หน่อย” บารมียังไม่มากพอจะรั้งอดีต ส.ส.ไม่ให้ตีจากพรรค
กระทั่งตัวเองยังตกที่นั่งลำบาก จะลง ส.ส.เขต หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ยังต้องลุ้นหนัก
ทัพหลักอาการป้อแป้น่าห่วง มีสิทธิถูกตีแตกเหมือนที่นายสังศิตระบุ
อีกค่ายที่ออกอาการป้อแป้คือ “อนาคตใหม่” ที่ล่าสุดแกนนำคนรุ่นใหม่ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ถูกขับไล่ออกจากพรรคหลังถูกตั้งข้อสงสัยมีพฤติการณ์ใช้จ่ายงบประมาณในทางไม่เหมาะสม
ระส่ำกันทั้งพรรคกับปัญหาความขัดแย้งที่เริ่มเกิดถี่ขึ้น ระดับแกนนำที่ถูกไล่ออก ประกาศตัดขาดกันรุนแรง ถึงขั้นเอ่ยปากไม่อยากได้ยินชื่อพรรค
บรรดาแนวร่วมก่อหวอดผสมโรงถล่มธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ตั้งท่าซัดกันนัวเนีย เริ่มเห็นร่องรอยความแตกแยกในพรรคชัดเจนมากขึ้น
ขึ้นต้นตั้งท่ารูปทรงดูดี ไปๆมาๆกลับออกอาการเป๋ ยืนระยะไม่อยู่.
ทีมข่าวการเมือง