นายกรัฐมนตรี พอใจคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทยดีขึ้น ติด 1 ใน 30 ประเทศแรก จาก 190 ประเทศทั่วโลก ย้ำเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อลดช่องว่างมาตรฐานของไทยกับมาตรฐานระดับสูงของโลก...

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2561 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พอใจผลคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจไทย หรือ Doing Business 2019 ที่รายงานโดยธนาคารโลกล่าสุด โดยประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้วยคะแนน 78.45 จากคะแนนเต็ม 100 เพิ่มจากปีที่แล้ว ที่ได้คะแนน 77.39 แม้ว่าอันดับจะตกลงไป 1 อันดับ จากอันดับที่ 26 เป็น 27 แต่ยังคงเป็น 30 ประเทศแรกจาก 190 ประเทศทั่วโลก

“นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกฎระเบียบตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อลดช่องว่างของมาตรฐานประเทศไทยกับมาตรฐานระดับสูงของโลก ซึ่งจากรายงานระบุว่า ประเทศไทยปฏิรูปได้ดีใน 4 ด้านสำคัญ คือ

1. การเริ่มต้นธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนลดลง

2. การขอใช้ไฟฟ้า หรือการเข้าถึงไฟฟ้า มีความสะดวกสบายมากขึ้น ปรับลดขั้นตอนการขอเชื่อมไฟฟ้า และเพิ่มความโปร่งใสในการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมไฟฟ้า

3. การชำระภาษี มีการปรับปรุงระบบการคำนวณและยื่นแบบภาษีรายได้นิติบุคคลทางระบบออนไลน์

4. การค้าระหว่างประเทศ ได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Matching System) มาใช้ในการควบคุมตู้สินค้า ช่วยลดระยะเวลาในการขนถ่ายสินค้าข้ามแดนได้”

...

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่มีการปฏิรูปด้านการขอใช้ไฟฟ้ามากที่สุด โดยได้คะแนนสูงถึง 98.57 คะแนน ใกล้เคียงกับแนวปฏิบัติที่ดีเลิศของโลก ส่วนตัวชี้วัดด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลาย ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายของโลกนั้น ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 75.64 เมื่อปีก่อน เป็น 76.64 ในปีนี้

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ชื่นชมธนาคารโลกที่ได้สะท้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้ทั่วโลกเห็นความก้าวหน้าของประเทศ ส่วนเรื่องใดที่ไทยยังมีจุดอ่อนก็จะเร่งปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้งฝากขอบคุณที่เห็นว่าไทยมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอกชน ซึ่งจะช่วยให้คนไทยมีงานที่ดีขึ้นและนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งการสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ที่ธนาคารโลกมีต่อประเทศไทย.