แล้วคดีมหากาพย์ ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ตั้งแต่ปี 2555 ก็จบลงแบบ "แฮปปี้แลนด์ดิ้ง" เมื่อ วันนี้ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทนายความและสามี เดินทางมาที่ศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.2493/56 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.มัลลิกา เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 326, 328 จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ. 55 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แถลงข่าวหมิ่นประมาทใส่ความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย คดี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ จนทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่า ผู้เสียหายมีพฤติการณ์ และความประพฤติผิดจริยธรรม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเห็นว่า การแสดงความเห็นของจำเลยเป็นลักษณะเชิงตั้งคำถามมากกว่ายืนยันข้อเท็จจริง อีกทั้งเมื่อโจทก์ร่วมเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมเป็นบุคคลที่ประชาชนสามารถตั้งข้อสงสัย ติดตามพฤติกรรมและแสดงความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วยความเป็นธรรม การกระทำจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้อง
...
จากยังจำกันได้ เรื่องเดียวกัน 'ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ' นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายศิริโชค โสภา และนายเทพไท เสนพงศ์ 3 พิธีกร รายการ "สายล่อฟ้า" แห่งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย โดยเฉพาะ นายศิริโชค ได้ออกมาขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ที่ใจกว้าง ยอมถอนฟ้องหมิ่นประมาท คดี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ทำให้จำเลยทั้ง 3 รอดพ้นโทษจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท และที่สำคัญกว่านั้นคือ รอดพ้นการถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมายไปได้แบบ "เส้นยาแดงผ่าแปด" หากศาลฎีกาตัดสินให้มีความผิดจริง
"ข้าพเจ้านายศิริโชค โสภา กับพวกอีกสองคน เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า “ข้อความและการกระทำของพวกข้าพเจ้าดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ และในฐานะส่วนตัวจริง ข้อความและป้ายดังกล่าวที่นำมาประกอบนั้นไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง
บัดนี้ ข้าพเจ้ากับพวกรวมสามคน ได้สำนึกผิดแล้ว ขออภัยต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ให้อภัยต่อข้าพเจ้า และได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาให้กับข้าพเจ้ากับพวก ทำให้ข้าพเจ้ากับพวก หลุดพ้นจากคดีนี้ ข้าพเจ้ากับพวกทั้งสามคนขอขอบคุณ และถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป” นายศิริโชค โพสต์เฟซฯ ก่อนจะลบไป
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนโด่งดังไปทั่วทั้งแผ่นดินในช่วงนั้น จึงน่าจะเป็นตัวอย่างให้กับนักการเมือง ว่า ไม่ควรที่จะคะนองปาก จัดรายการจนเกินพอดีไป เพราะนั้นจะกลายเป็นดาบสองคมที่กลับมาทิ่มแทงใส่ในเวลาต่อมา หากไม่มีหลักฐานว่าเป็นเรื่องจริง เพราะมันเสี่ยงทั้งโดนโทษตามกฎหมาย เสี่ยงทั้งทำให้อาจไม่ได้ลงเลือกตั้ง และสุดท้ายเสี่ยงเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไม่จำเป็นอีกด้วย.