ชักจะเริ่มเพลินไปกับโลกโซเชียลแล้ว

ปรับภาพอัปเลเวลจาก “ลุงตู่ เบบี้บูมเมอร์” มาเป็น “ตู่ดิจิทัล” เปิดหน้าวอลล์เข้าสู่โลกเสมือนจริง ทั้งในเพจเฟซบุ๊ก-ไอจี และเว็บไซต์ นี่เปิดมาแค่ไม่กี่วันยอดคนกดไลค์ กดติดตาม ทะลุไปกว่า 3.6 แสนแล้ว

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งขยันโพสต์วันละสามเวลา

แม้แต่ช่วงที่ต้องเดินทางไปร่วมประชุมในเวทีผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 12 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ก็ยังโพสต์ภาพในชุดลำลองสบายๆ ขณะนั่งทานมื้อเช้ากับ “อาจารย์น้อง” นราพร จันทร์โอชา ภริยา โชว์หวานกระตุกยอดไลค์กันซะหน่อย

ยอมรับว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในพวกที่เข้าไปแอบส่องเฟซของ “ลุงตู่” แกเหมือนกัน

บอกได้เลยว่าแต่ละคอมเมนต์ที่กระหน่ำกันเข้ามา ถ้านายกฯประยุทธ์แก “จิตไม่แข็ง” จริง อาจต้องม้วนเสื่อปิดเพจกันเร็วๆนี้

แต่ยังเชื่อว่าก่อนกระโดดลงมาเปิดเกมรุกด้านข้อมูลข่าวสารแบบทุ่มทุนสร้างนี้ “บิ๊กตู่” คงประเมินแล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง และต้องทำใจให้ได้

ในเมื่อการโหมประโคมข่าวผลงานในรูปแบบ Propa-ganda แบบเดิมๆ ผู้คนเริ่มเบือนหน้าหนี จะมีก็แต่โครงการประชารัฐ ในการกำกับของ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเท่านั้น ที่ยังปั่นเนื้องานเป็นชิ้นเป็นอันออกมาต่อเนื่อง

ขณะที่นโยบายไทยนิยมยั่งยืนที่ “บิ๊กตู่” หมายมั่นปั้นมือให้เป็นโครงการไล่เก็บแต้ม ตุนไว้เป็นต้นทุนในสนามเลือกตั้ง

ทุ่มงบประมาณนับแสนล้านบาท ปูพรมกันมาตั้งแต่ต้นปี ส่งทีมขับเคลื่อน 7 พันกว่าทีมลงพื้นที่ระดับตำบล เก็บข้อมูลความต้องการของประชาชนรายครัวเรือน ครอบคลุมใน 10 เรื่อง คือ 1.สัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็นหนึ่ง จัดทำข้อตกลงร่วมกันของทุกฝ่าย 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน ดูแลผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐ หรือผู้ถือบัตรคนจน 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข มุ่งพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพคนในชุมชน

...

4.วิถีไทยวิถีพอเพียง นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้กฎหมาย 6.รู้กลไกการบริหารราชการ 7.รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี 9.ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 10.งานตามภารกิจของส่วนราชการและหน่วยงาน

แต่ดูเหมือนว่ารัฐมนตรีหลายคนที่ร่วมกันรับผิดชอบโครงการนี้จะเครื่องสะดุด หยุดเดินงานกันไปซะดื้อๆ จนตัว “บิ๊กตู่” เอง เริ่มจะออกอาการหงุดหงิด เพราะโดนกระทุ้งเช้ากระทุ้งเย็น ทั้งจากบรรดาฝ่ายการเมืองขั้วต่างๆ รวมไปถึงนักวิชาการที่พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์

ว่างบประมาณที่ทุ่มลงไปหมู่บ้านละสองแสน ส่วนใหญ่ไปทำโครงสร้างพื้นฐาน ถนน หนทาง ซึ่งเงินมันไปเข้ากระเป๋าผู้รับเหมาซะเป็นส่วนใหญ่

ขณะที่จุดมุ่งหมายของรัฐบาลคือ การสร้างความยั่งยืนในการดำรงชีพ กลับตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้น้อยมาก

ซ้ำร้ายยังถูกมองว่า โครงการไทยนิยมฯเป็นการอุ้มรัฐบาลหาเสียง เอื้อนายทุน

ต้องวัดใจท่านนายกฯ แล้วละว่า จะตีตั๋วให้ รมต.พวกนี้ได้ไปต่อหรือไม่!

เพลิงสุริยะ