4 รัฐมนตรีไปแน่ รออีกนิด

เชื่อเถอะว่าคงไม่กล้าดึงดันจนทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค

ทั้ง 4 ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ “ลาออก” เพื่อแสดงสปิริตเพื่อความโปร่งใส ถูกต้อง ชอบธรรม เพียงแต่กรณีนี้กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้

พูดง่ายๆคือ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจนักการเมืองคู่แข่ง

ทว่าพิจารณาจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง 4 รัฐมนตรี ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขารู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร เมื่อถึงเวลาหนึ่งจากนี้ไปจะลาออกพร้อมกันทั้ง 4 คน

ความเป็นไปได้ในการลาออกจากตำแหน่งนั้น น่าจะสอดรับกับความเป็นจริงทางการเมืองมากกว่า

นั่นคือขั้นตอนที่จะไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศวันเลือกตั้งหลังจากที่กฎหมายลูกมีผลบังคับใช้เมื่อครบ 90 วัน คือวันที่ 10 ธันวาคม และมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมเป็นต้นไป ตรงนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด

เพราะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว

ว่าไปแล้วรัฐบาลลุงตู่คงไม่อยากให้มีการปรับ ครม. เพราะเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว หากต้องเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดปัญหาในรัฐบาลขึ้นมาอีก

นอกจาก 4 คนนี้แล้วจะเอาใครออกจะเอาใครเข้าก็มีปัญหาไม่ต่างกัน แต่เมื่อมีความจำเป็นก็มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้

หากเอาคนอื่นออกเอาคนอื่นเข้า อาจจะเกิดปัญหาขัดแย้งกันได้ เพราะความไม่พอใจร้องหาเหตุผลจนยุ่งกันไปหมด

อีกด้านหนึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตัดสินใจปรับ ครม. เพราะความจำเป็นแล้วเอารัฐมนตรีที่มีปัญหา ไม่มีผลงานเท่าที่ควรออก

...

“สังคม” ไม่ให้การยอมรับ...โดยเฉพาะในส่วนที่มาจากเพื่อนพ้องน้องพี่ออกไปจาก ครม. น่าจะทำให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นแน่

ใครเป็นใครที่พูดถึงนี้สังคมรู้กันดีและตัวนายกฯเองก็คงรู้ด้วย

เพราะเท่ากับว่านายกฯรู้ความต้องการของประชาชนซึ่งพอจะรู้ใครทำอะไร มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่บริหาร

ฟังความเห็นของสังคม ไม่ว่าจะมาจากส่วนไหน พ่อค้า นักธุรกิจ เอกชน ต่างพูดตรงกันว่ารัฐมนตรีท่านหนึ่งดูเหมือนจะมีปัญหาค่อนข้างมาก

ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครชม มีแต่รังเกียจ

และยังต้องการบอกไปถึงนายกฯด้วยว่า หากมีโอกาสและเป็นไปได้ที่จะเป็นนายกฯต่อไปหลังเลือกตั้ง

ขออย่าให้มีชื่อรัฐมนตรีท่านนี้กลับเข้ามาอีก

เอาไว้ค่อยดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะยังมีเวลาอีกนาน สถานการณ์การเมืองทุกอย่างดูจะกระชับฉับไวและเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้น

การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวล้วนส่งผลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ว่าไปแล้วที่จะสนุกที่สุดก็คือ ยุทธการแยกกันเดิน รวมกันตีระหว่างขั้วอำนาจใหญ่ ทั้งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ
เพราะกลเกมการเมืองไม่ต่างกันเท่าใดนัก.

“สายล่อฟ้า”