คสช. เชิญร่วมรำลึกวันคล้ายวันสวรรคต ร.9 พร้อมให้เดินหน้าช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร รักษาบรรยากาศการเมืองให้เหมาะสม พร้อมกำชับหน่วยในภาคใต้ให้ประเมินคัดแยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สังคมเห็นความชัดเจน...
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ต.ค. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.เป็นประธานการประชุมสำนักงานเลขาธิการคสช.โดยให้ความสำคัญกับการจัดงานเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งรัฐบาลและทุกภาคส่วน ได้จัดกิจกรรมเพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2561 ทั้งนี้ เลขาธิการคสช.มอบหมายให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนการจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ทั้งในเรื่องการเตรียมงาน การประชาสัมพันธ์ การอำนวยความสะดวกให้กับพสกนิกรที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในทุกพื้นที่โดยเฉพาะการเดินทาง โดยการประสานงานกับส่วนราชการประจำจังหวัด ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลืองในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ เลขาธิการ คสช.ได้ขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งทุกส่วนจะดำรงการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป รวมถึงจะสนับสนุนโครงการล่าสุดที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคือ โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิก ซึ่งเลขาธิการ คสช.ได้ตั้งข้อสังเกตและให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยไปสำรวจและรวบรวมข้อมูลเชิงลึกถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกษตรกรมีปัญหาหนี้สิน เพื่อเป็นข้อมูลให้ภาครัฐนำไปพิจารณาป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินในลักษณะดังกล่าวให้หมดไปอย่างแท้จริง
...
สำหรับการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะการคลี่คลายเหตุการณ์ก่อความไม่สงบนั้น เลขาธิการคสช.กำชับให้หน่วยในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการประเมินพร้อมคัดแยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อความไม่สงบและคดีอาชญากรรมทั่วไป เพื่อทำให้สังคมเห็นภาพรวมที่แท้จริงของสถานการณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การที่หน่วยงานด้านความมั่นคง และกองทัพภาคที่ 4 มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซีย ถือเป็นเรื่องที่ดี จะทำให้เกิดความมั่นคงและการพัฒนาร่วมกันในพื้นที่ชายแดน อันจะส่งผลเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไป
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมของประเทศในขณะนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการเตรียมการเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งนั้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะยังคงรักษาบรรยากาศในการเดินหน้าของแต่ละส่วนให้อยู่ในแนวทางที่เหมาะสม มีการประเมินข้อมูลที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินงานตามแนวทางและระยะเวลาที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่นต่อไป