จากงานโมโตจีพี 2018 ที่เถียงกันว่า มีเสียงโห่ไล่ หรือโห่ต้อนรับกันแน่ แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่พี่ใหญ่คสช.คนนี้ คิดบวก

โห่ต้อนรับที่โมโตจีพี

ยังสนั่นโซเชียล เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนบุรีรัมย์ ร่วมงานโมโตจีพี 2018 เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.)​ บางคนบอกว่าได้ยินเสียงโห่ไล่ แต่บิ๊กป้อมบอกว่าเป็นเสียงโห่ต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ถือได้ว่าคิดบวกสุดๆ จากคำให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ในเช้าที่ผ่านมา (8 ต.ค.) ว่า “เขาโห่ต้อนรับ ไม่ได้โห่ไล่ โห่ให้รองนายกฯ ถ้าโห่ไล่ก็ต้องถูกขว้างสิ่งของใส่ เขาจะมาโห่ไล่ทำไม ไปทำงานให้เขา ก็ได้ยินเพราะเสียงดัง ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร ก็รู้สึกปกติ ส่วนที่โซเชียลระบุว่าเป็นการโห่ไล่นั้น ยืนยันว่าเขาต้อนรับอย่างดี”

4 รมต.ตั้งพรรคไม่ลาออกเพราะมีงานค้างอยู่

เรื่องที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันที่ผ่านมา คือกรณี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลคสช.ตั้งพรรคพลังประชารัฐ พร้อมเลือกตั้ง ท่ามกลางคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่

...

พล.อ.ประวิตร กล่าวชี้แจงแทนไว้เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องของ 4 รัฐมนตรี และเขาก็ทำตามกฎหมาย ซึ่งทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ถามว่าจะมาสร้างมาตรฐานอะไรกันตอนนี้ การที่ 4 รัฐมนตรียังไม่ลาออก เนื่องจากจะต้องทำงานให้เสร็จก่อน เพราะงานที่ค้างคายังมีอยู่อีกมาก


นักท่องเที่ยวจีนลด เพราะโลว์ซีซั่น

อีกเรื่องที่บิ๊กป้อมคิดบวก หาเหตุผลได้ในอีกมุม คือหลังจากเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตจนนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก และล่าสุดยังเกิดเหตุ รปภ.สนามบินดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน จนยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาระบุว่ารู้สึกเหมือนจีนให้ใบเหลืองการท่องเท่ียวไทย

แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ว่า เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุทั้งนั้น …เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ปัญหากันไป ทางการจีนพอใจกับการแก้ปัญหาของเรา และช่วงนั้นเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ต่อไปนี้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นก็คงจะดีขึ้น

ไม่โมโห ถูกทักษิณทิ้งบอมบ์ เกาะโต๊ะขอเก้าอี้ผบ.ทบ.

ประเด็นนี้กลายเป็นบอมบ์กลางโลกโซเชียล เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาทวีตวันที่ 19 ก.ย.ว่าตอนนี้ขึงขัง ต่างจากที่เคยอ่อนหวานมาเกาะโต๊ะ ขอเก้าอี้ผบ.ทบ. หลังจากบิ๊กป้อมบอกให้นายทักษิณไปเคลียร์คดี เมื่อเห็นนายทักษิณโพสต์ในวาระครบ 12 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.2549

พล.อ.ประวิตร เจอบอมบ์นี้บดขยี้ และได้แต่ยิ้มเมื่อเจอสื่อ มีคำสั้น ๆ ที่พูดจากปากแค่ว่า “เขาก็พูดไปเอง” หลังจากที่ให้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาให้ความเห็นแทนว่า พล.อ.ประวิตร เห็นข่าวแล้วไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหอะไร เพราะทราบว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นเหตุมาจากอะไร ดังนั้นอย่าไปพูดแค่เพียงปลายเหตุ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน

นาฬิกาหรูของเพื่อน ความจริงคือความจริง

และเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และยังต้องมีเหตุผลที่เป็นบวก เพื่ออธิบายได้อย่างหนักแน่น คือเรื่องนาฬิกาที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำบิ๊กป้อมไม่แจงบัญชีทรัพย์สิน เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร มีวิธีคิดและวิธีการชี้แจงกับสาธารณชน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่บ่งบอกความบริสุทธิ์ใจและคิดบวกของพี่ใหญ่ในรัฐบาลคสช.อย่างดีว่า “ผมบริสุทธิ์ใจ ใครจะคิดยังไง จะตามกระแสก็คิดไป เพราะความจริง คือความจริง ไม่มีวันหนีความจริงไปได้”

และยังได้พูดถึงเพื่อนผู้ล่วงลับที่ให้ยืมนาฬิกามาใส่อีกว่า “ปัฐวาทเขารวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาก็เอานาฬิกามาให้ผมใส่มา 20-30 ปีแล้ว ใส่แล้ว เก่าเบื่อก็ส่งคืนไป เวียนเรือนใหม่มาใส่ ผมก็ทำแบบนี้มานานมาแล้ว เขาไม่ได้ให้ แค่เอามาให้ใส่” เรื่องนี้บิ๊กป้อมจึงย้ำเสมอว่า นาฬิกาหรูคืนไปหมดแล้ว