ในยามที่เศรษฐกิจยังหนืดๆ การส่งออกยังอืดๆ การทำมาหากินยังฝืดๆ เรายังมีธุรกิจท่องเที่ยวที่ปั๊มรายได้เข้าประเทศเป็นกอบเป็นกำ

ปีนี้ (2561) เดิมทีรัฐบาลตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทย 39 ล้านคน เพิ่มจากปีที่แล้ว (2560) 8 เปอร์เซ็นต์

ฟันรายได้เนื้อๆ เน็ตๆ 2 ล้านล้านบาทสบายๆ

แต่กลับมีแนวโน้มจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทยเพียง 37 ล้านคน

ต่ำกว่าเป้าราว 2 ล้านคน

หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์

“แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่า การที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้ามาทัวร์ไทยแลนด์ปีละ 37 ล้านคน ยังถือว่ามากอักโขมโหฬารบานตะไท

แต่...แต่การที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดจากเป้าไป 2 ล้านคน ทำให้รายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นเส้นเลือดใหญ่เลี้ยงเศรษฐกิจไทยหดหายไปด้วยก้อนโต!!

ทำให้ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ เครียดจนท้องผูกมาแล้ว 2 เดือน

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าขาใหญ่ที่หลั่งไหลมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นๆทุกปีๆ

ปี 2560 กองทัพทัวร์จีนเดินทางมาทัวร์ไทย 9.8 ล้านคน

ปีนี้ 2561 ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนทะลุ 10 ล้านคน

แต่หลังจากเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก ข่าวไข้เลือดออกระบาดในเมืองไทย และล่าสุดข่าว รปภ.สนามบินดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน

ข่าวเน่าๆแบบนี้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยเห็นผลทันตา

2 เดือนล่าสุด นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบจากปีก่อน 12 เปอร์เซ็นต์

นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนเป้าหมายไปเที่ยวญี่ปุ่นกันระเบิดเถิดเทิง

ทำให้ญี่ปุ่นแซงหน้าประเทศไทย กลายเป็นเป้าหมายยอดนิยมอันดับหนึ่งของทัวร์จีน

...

แถมยังโดน “พม่า เวียดนาม” แอบเจาะยางแย่งตลาดทัวร์จีนกันสุดลิ่มทิ่มประตู

ปัญหาทัวร์จีนหายไปจึงน่ากังวลทั้งระยะสั้นและระยะยาว

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า สาเหตุสำคัญที่กองทัพทัวร์จีนหดตัวลง ไม่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยหัวกระไดเป็นมันอย่างเดิม

อาจไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุเรือล่มภูเก็ต

อาจไม่ใช่ข่าวไข้เลือดออกระบาดในเมืองไทย

อาจจะไม่ใช่เรื่อง รปภ.สนามบินทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน

แต่ปัญหาสำคัญที่ส่งผลให้ทัวร์จีนเกิดอาการไม่แฮปปี้จะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยคือ พฤติการณ์เรียกเก็บค่าเก๋าเจี๊ยะจากนักท่องเที่ยวจีน ที่ขอวีซ่าเข้าเมืองชั่วคราวที่สนามบิน

มีข่าวฉาวโฉ่ว่า มีขบวนการเรียก “เก็บเงินใต้โต๊ะ” หรือพูดอย่างสุภาพ เป็น “ค่าอำนวยความสะดวก” จากกลุ่มทัวร์จีน

คิดค่าหยอดน้ำมันเป็นรายหัว หัวละ 300 บาท ถึง 400 บาทต่อคน

คำนวณอย่างเบาะๆ ถ้ามีทัวร์จีนขอวีซ่าที่สนามบิน 3 แสนคนต่อเดือน จะฟันค่าเก๋าเจี๊ยะถึง 90 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 1,000 ล้านบาทต่อปี

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า ปัญหาเก๋าเจี๊ยะใต้โต๊ะทำให้ทัวร์จีนอึดอัดคับข้องใจ

เพราะทัวร์ชาติอื่นไม่โดนเก็บเก๋าเจี๊ยะ เก็บเก๋าเจี๊ยะเฉพาะทัวร์จีน

ถ้าเป็นความจริง...ถือเป็นการทุจริตที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและชื่อเสียงประเทศไทยอย่างร้ายแรง!!

รัฐบาลต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเงินเก๋าเจี๊ยะก้อนนี้ไหลไปเข้ากระเป๋าใคร??

ใครอยู่เบื้องหลังฟาดเก๋าเจี๊ยะนักท่องเที่ยวจีน??

“แม่ลูกจันทร์”