“เพื่อไทย” ถามพรรคพลังประชารัฐ ตอบ 5 ข้อ เชื่อ ผลงานทางเศรษฐกิจจะตัดสินผลการเลือกตั้ง กระทุ้ง 4 รัฐมนตรีร่วมพลังประชารัฐเหตุใดไม่ยอมลาออก ชี้ เป็นการเอาเปรียบ พรรคการเมืองอื่น
วันที่ 3 ต.ค. นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคพลังประชารัฐเปิดตัว โดยมี 4 รัฐมนตรี ที่ควรจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น แต่ก็ยังไม่ลาออก โดยอยากให้ทั้ง 4 รัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจ ตอบ 5 คำถาม ดังนี้
1. การที่กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน้าที่ดูแล การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดังนั้น จึงอยากให้ ชี้แจงว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา การขอส่งเสริมการลงทุนเหตุใดจึงลดลงอย่างมาก และการลงทุนจริงยิ่งลดลงมากกว่าก่อนมีการปฏิวัติมาก เป็นผลงานหาเสียงได้หรือไม่ และสาเหตุมาจากการปฏิวัติใช่หรือไม่
2. กระทรวงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบราคาพืชผลเกษตร เหตุใดตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรจึงลดลงต่ำมาก รายได้เกษตรกรลดลงมาโดยตลอด จะถือเป็นผลงานได้หรือ และที่เคยบอกว่า เรือดำน้ำจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ จะช่วยได้อย่างไร ผลงานที่ผ่านมาจะใช้หาเสียงได้หรือไม่
3. ไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นเรื่องที่รัฐบาลใช้เป็นแนวทางพัฒนาประเทศ แต่ไม่ปรากฏผลงานที่เด่นชัด ประชาชนไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ประเทศไทยเป็น 4.0 ได้อย่างไร มีแต่เรื่อง สวนทางกับการพัฒนา ทำให้ยิ่งถอยหลัง เช่น การนำ พรบ คอมพิวเตอร์ มาใช้เล่นงาน ดำเนินคดีกับ ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลอย่างไม่มีเหตุผล แม้กระทั่งการหาเสียงก็ห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งๆ ที่อยู่ในยุคสมัยนี้แล้วที่ทั่วโลกต่างก็ใช้การหาเสียงผ่านโซเชียล จึงอยากให้อธิบายว่าการกระทำดังกล่าวเป็น 4.0 อย่างไร
...
4. การที่เศรษฐกิจ 4 ปีที่ผ่านมาขยายตัวเฉลี่ยปีละ 2% กว่าเท่านั้น และ พึ่งจะมาขยายตัวได้เกิน 4% ในปีนี้ ทั้งที่ควรขยายตัวเกิน 4% ตั้งแต่ปีแรก ถ้าไม่มีการประท้วงและไม่เกิดการรัฐประหาร เป็นการเสียโอกาสของประเทศใช่ หรือไม่ และการที่สื่อต่างชาติ เช่น บีบีซี รายงานว่า สัดส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตที่สูงถึง 96% ตกไปอยู่กับคนเพียง 1% ของประเทศเท่านั้น แสดงว่าคนส่วนใหญ่ยังลำบากมากใช่หรือไม่ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำใช่หรือไม่ จะเป็นผลงานหาเสียงได้หรือ
5. การที่รัฐมนตรีไปร่วมพรรคการเมืองที่ถูกสังคมสงสัยว่า เป็นการสืบทอดอำนาจและไม่ยอมลาออก ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีกไม่นาน การดำเนินนโยบายต่างๆ ในลักษณะ ลด แลก แจก แถม จะเป็นการเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองที่สังกัดหรือไม่ และยังใช้ชื่อโครงการประชารัฐ เหมือนกับชื่อพรรคอีก ซึ่งไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการของการเลือกตั้งที่ดำเนินนโยบายอะไรไม่ได้แล้ว และเหตุใด 4 ปีที่ผ่านมาถึงไม่ทำอะไร มาทำตอนเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง
ดังนั้น การที่พรรคพลังประชารัฐ พยายามจะชูภาพบุคลากรทางเศรษฐกิจแต่ผลงานทางเศรษฐกิจใน 4 ปีกว่าที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น อีกทั้งยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง จะเป็นภาพลักษณ์ที่ติดลบในสายตาของประชาชน ทั้งนี้ เชื่อได้ว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองจากความสามารถในการบริหารและผลงานทางเศรษฐกิจที่เคยมีผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงมีพรรคการเมืองในใจแล้ว ที่จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีและมีความสุขมากกว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมามาก โดยเฉพาะแนวคิดทักษิโณมิกส์ที่เป็นที่นิยมของประชาชนจำนวนมาก