มาใหญ่ เครื่องเคราครบ
ที่สุดก็เป็นตามความคาดหมาย เมื่อพรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวและตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อยไปแล้ว
4 รัฐมนตรีของรัฐบาล “ลุงตู่” มากันครบได้ตำแหน่งเป็นผู้บริหารทุกคน
“อุตตม สาวนายน” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค
“สุวิทย์ เมษินทรีย์” รองหัวหน้าพรรค
“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” โฆษกพรรค
ทั้งรัฐมนตรียืนยันยังไม่ลาออกจากรัฐมนตรีเพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ แต่ต่อไปจะดูความเหมาะสมร่วมกันเพื่อไม่ให้ถูกข้อหาคือ “ถ้าจะลาออก” ก็จะไปพร้อมกันในอีกระยะเวลาหนึ่ง
แต่แม้ว่าจะไม่มีกติกาห้ามไว้ แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกโจมตี เพราะจะมีการตั้งคำถามว่ามีมารยาททางการเมืองมากน้อยแค่ไหน
นอกจากทั้ง 4 คน ที่กล่าวมาแล้วนั้น บุคคลที่เข้ามาร่วมงานกันพรรคนี้ ยังมีนักการเมืองอีกหลายส่วนที่มาจากพรรคการเมืองอื่น
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังชล และจากกลุ่มสามมิตรที่เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค
มีนักธุรกิจหลายสาขา นักวิชาการ นักกิจกรรม กลุ่มการเมืองต่างๆได้เข้ามาร่วมงานในส่วนต่างๆ
ออกตัวอย่างนี้คงจะเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ประชาธิปัตย์
เหลืออย่างเดียวคือจะได้ ส.ส.เข้ามากี่คนเท่านั้น
แกนนำพรรคระบุว่า พรรคนี้มี 7 หลักการจากอุดมการณ์พรรคที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการของพรรค
ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นความสมานฉันท์
ว่าไปแล้ว พรรคการเมืองนี้เริ่มก่อเกิดขึ้นมาก็เพราะต้องการให้มีพรรคการเมืองใหม่และต้องการสนับสนุนแนวทางของรัฐเพื่อใช้เป็นนโยบายสานงานต่อ
...
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง
แม้จะออกตัวว่า เวลานี้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ทางพรรคจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ ส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องฟังเสียงของกรรมการพรรคก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร
วันนี้คงพอเห็นเพียงภาพกว้าง แต่ต้องดูต่อไปว่าจะมีนักการเมืองคนกลุ่มไหน พรรคไหน ที่จะเปิดตัวอีกไม่นานนัก
นั่นแหละ จึงจะเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ว่ามีสิทธิ์เอื้อมถึงชัยชนะในการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะพลังฝ่ามือสำคัญที่สุด
ดูจากภาพกว้างของพรรคใหม่ คงมีการเตรียมการพร้อมพอสมควร เพราะสามารถระดมคนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
เข้ามาให้การสนับสนุนจึงทำให้ดูมีพลังอย่างชัดเจน
รอดูว่าหาก “ลุงตู่” ยืนยันว่าจะไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่นี้จะได้รับเสียงขานรับมากน้อยแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ สังกัดพรรคการเมืองที่น่าจะได้รับความสนใจจากประชาชน
ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์มีพื้นฐานที่ได้เปรียบมากพอสมควร เพราะมีพรรคการเมืองรองรับ มีนักการเมืองเข้ามาร่วม มีนักวิชาการและนักธุรกิจอีกจำนวนไม่น้อย
แต้มต่อทางการเมืองถือว่าขึ้นมาใกล้เคียงเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์.
“สายล่อฟ้า”