ทัศนคติที่มีต่อแมวกับหมา สมัยคนรุ่นพ่อรุ่นแม่น่ารักน่าชังต่างกันครับ
บทดอกสร้อย ในแบบเรียนชั้นประถม ที่เด็กรุ่นผมเรียน บทหนึ่ง
“แมวเอ๋ย แมวเหมียว รูปร่างปราดเปรียวเป็นนักหนา ร้องเรียกเหมียวๆเดี๋ยวก็มา เคล้าแข้งเคล้าขาน่าเอ็นดู...”
ส่วนหมานั้น ภาพฝังใจได้จากนิทานหลายเรื่อง เรื่องหนึ่ง หมา ในรางหญ้า
เจ้าของวัวหาเหตุที่วัวผ่ายผอมเป็นนาน กว่าจะรู้ว่าหญ้าที่มีคนเกี่ยวไว้ให้วัวกิน แต่วัวกินไม่ได้ เพราะเจ้าหมาตัวโปรด แอบไปนอนขวางอยู่ในราง
ขณะที่แมวมีภาพน่ารัก หมาก็ยิ่งมีภาพอัปลักษณ์ เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว
เพราะคนลำเอียงรักแมวมากกว่ารักหมา นี่ล่ะกระมัง แมวกับหมาจึงไม่ถูกกัน
นึกถึงภาพหมาวิ่งไล่ฟัดแมว แล้วก็สงสัย ทำไมคนจึงเลี้ยงแมวไว้บนบ้าน แต่เลี้ยงหมาไว้ใต้ถุน
เรื่องหนึ่งในหนังสือนิทานพื้นบ้านไทย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2536) ทำไมหมากับแมวจึงไม่ถูกกัน ลองอ่านกันดู
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เศรษฐีใจบุญคนหนึ่ง เลี้ยงหมากับแมวไว้บนบ้าน สองสัตว์รักใคร่กันดี
เศรษฐีมีความลับ เหตุที่ร่ำรวยนักหนา ก็เพราะมีลูกแก้วสารพัดนึกจะนึกอะไรก็ได้ แต่ความลับเกิดรั่วเข้าหูคนนอกบ้าน วันหนึ่ง เขาก็วางแผนเข้ามาขโมย แล้วรีบเอาไปซ่อนไว้ในหีบที่บ้าน
เมื่อรู้ว่าแก้วสารพัดนึกหาย เศรษฐีเศร้าโศกเสียใจ ไม่เป็นอันกินอันนอน
ตามท้องเรื่องหมาแมวหรือสารพัดสัตว์สมัยนั้น พูดจาภาษาคนได้ แมวใกล้ชิดเศรษฐีกว่า รู้สาเหตุ ก็ไปปรึกษากับหมา ชวนกันติดตามไปจนถึงบ้านขโมย
แต่ทั้งหมาแมวก็ไม่สามารถเข้าไปเอาแก้วสารพัดนึกในหีบออกมา
แมวคิดอุบาย จับหนูตัวหนึ่งในบ้านโจรได้ แล้วบังคับให้หนูเข้าไปกัดแทะหีบจนทะลุ เอาแก้วสารพัดนึกออกมาให้จนได้
...
ระหว่างเดินทางกลับบ้านเศรษฐี แมวให้หมาคาบแก้วสารพัดนึกเอาไว้ การเดินทางกลับบ้านราบรื่นดี จนใกล้บ้านเต็มที มีคลองใหญ่ขวาง
ขณะที่หมากำลังว่ายน้ำ เห็นปลาตัวหนึ่งว่ายผ่านตรงหน้า หมากำลังหิวลืมตัว อ้าปากไล่งับปลา แก้วสารพัดนึกก็หล่นลงก้นแม่น้ำ แมวแก้ปัญหาด้วยการใช้ความเร็วตะครุบอีกาที่บินผ่าน
บังคับอีกาให้ไปจับปลา แล้วบังคับให้ปลาไปงมเอาแก้วสารพัดนึก ขึ้นมาให้
ถึงตอนนี้ แมวหมดความวางใจหมา มันคาบแก้วสารพัดนึกวิ่งไปให้เศรษฐีถึงมือ เศรษฐีชมเชยแมวมากมาย เมื่อรู้เรื่องหมาทำแก้วสารพัดนึกลงน้ำ ก็โกรธหมา ไล่ให้ลงไปนอนใต้ถุนบ้าน
ขณะที่ให้แมวกินนอนเป็นเพื่อนเล่นอยู่บนบ้าน
ด้วยเหตุนี้ หมาจึงผูกใจแค้นแมว มันรอจังหวะ เมื่อใดที่แมวลงจากบ้าน มันก็ยิ่งปราดเข้าไปไล่ฟัด เป็นศัตรูคู่กัดกันมานับแต่บัดนั้น
อ่านนิทานเรื่องแมวกับหมา แล้วผมนึกถึงคู่กัดการเมืองไทย ระยะนี้ผมมีอารมณ์ดูช่องวอยซ์ทีวี พิธีกรดีกรีด็อกเตอร์ หลายคนแต่ละท่านมีวิธีพูดสุดขั้ว ถึงพรรคการเมืองคู่แข่ง
ประเด็นที่ผมเผลอฟัง ฝังใจ กระบวนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่ง เขาเอาคำของคนในพรรคที่กำลังเลือกหัวหน้า...หรือคิดขึ้นเองก็ไม่แน่ใจ ได้ความว่า
ไก่ชนตัวที่ชนแพ้แล้วก็แพ้เล่า ธรรมดาเจ้าของไก่ก็น่าจะเปลี่ยน “หน้าชน”
คำเปรียบเปรยนี้ ทำเอาผมเคลิ้มตาม ไก่ชนขี้แพ้ ไม่น่าที่จะเชิดให้ลงสังเวียนอีกต่อไป
ไม่ว่ากันสักวันนะครับ ผมเล่านิทานเรื่องแมวกับหมา แล้วหาเรื่องมาจบที่ไก่ชน.
กิเลน ประลองเชิง