เปิดใจ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ยัน ผมไม่ได้เปลี่ยนไป แค่เสนอทางออกขอให้ทุกคนร่วมเสียสละ ไม่อยากให้เกิดวิกฤติซ้ำอีก ในชีวิตผมผ่านความเป็นความตายมา 2 เหตุการณ์ ไม่ อยากเจอมันอีกแล้ว 

วันที่ 20 ก.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช. กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีที่ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายออกมาพูดคุยหาทางออกจากความขัดแย้งการเมือง และร่วมกันเสียสละเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองว่า ที่ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เพราะผมเห็นว่า ที่ผ่านมาบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว นี่เป็นข้อเสนอ หนทางหาทางออกให้บ้านเมือง เพราะส่วนตัวมองไปข้างหน้า ก็เห็นแต่วิกฤติรออยู่แน่นอน เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเดินไปถึงจุดนั้นกันอีกหรือ

“ในชีวิตผมผ่านความเป็นความตายมา 2 เหตุการณ์ ทั้งพฤษภาทมิฬ ปี 2535 และชุมนุมนปช.เลือดปี 2553 มีคนตาย และเห็นมา ร่วม 200 ชีวิต บาดเจ็บนับพันคน ซึ่งมันมากเกินไปแล้ว ในเมื่อเรารู้ว่าบ้านเมืองเลือกตั้งไปก็ยังมีวิกฤติอยู่ข้างหน้า เราทุกฝ่ายมาตกลงร่วมกัน ร่วมหาทางออกให้บ้านเมืองก่อนไม่ดีกว่าหรือ ผมจึงออกมาเสนอให้เกิดการพูดคุยทำความเข้าใจกัน จะตายก่อนคุย หรือคุยก่อนตาย เพราะก็เห็นแล้วว่าข้างหน้าไม่ว่า จะเป็นนายกฯคนนอก หรือคนใน ก็มีปัญหาแน่ เสี่ยงเกิดวิกฤติแน่ ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือพูดคุยกัน

...

10 ปีที่ผ่านมา สำหรับพวกเราคือกลุ่มที่บาดเจ็บ เสียชีวิตและเจ็บปวดมากที่สุด ไม่มีใครเจ็บเท่าเราอีกแล้ว ถ้าจะเดินไปแบบเดิม เหมือนเดิม แนวทางเดิม ก็เห็นอยู่แล้วว่า เขาดักทางไว้ได้ง่ายที่สุด แล้วลงท้ายประเทศชาติก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร มันก็ไม่มีหนทาง ผมจึงออกมาเสนอทางออก ยืนยัน ผมไม่ได้เปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าผมจะไม่สู้ แต่ไม่ใช่สู้แต่ละครั้งก็นำมาสู่ความตาย หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เราต้องให้ประเทศไทยชนะ

ส่วนอนาคตทางการเมืองต่อจากนี้ นายจตุพร กล่าวว่า 10 ที่ผ่านมา ติดคุกมา 4 ครั้ง มีคดีความตามมาอีกเป็นตับ ผมเคยประกาศไว้แต่เดิมว่าไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง แล้วรธน.ฉบับใหม่ กำหนดว่าคนที่จะลงสมัครเลือกตั้งได้ต้องพ้นโทษมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี นั่นเป็นเงื่อนไขทำให้ผมถูกเดดล็อก ลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ จากนี้ไปขออยู่ในฐานะกองเชียร์ อยู่ในฐานะประชาชนคนธรรมดา

เราต้องร่วมกันหาทางออก ไม่ใช่เรื่องแพ้หรือชนะการเลือกตั้ง ชนะแล้วบ้านเมืองก็ยังอยู่ในกับดักอย่างนี้ เรามาหาวิธีร่วมกัน ให้ผู้มีอำนาจทุกฝ่าย มาพูดคุยกัน หรือจะให้ภาคประชาชนเข้ามาร่วม ยืนยัน ผมไม่ได้เปลี่ยนเปลงอะไรไปเลย ที่เสนอให้พูดคุยหาทางออก เพียงต้องการให้หลีกเลี่ยงจากความตายและความสูญเสีย ที่มันเคยเกิดขึ้น