เพื่อไทย ซัด ถ้ารัฐประหารดีจริง ทำไมมีคนจนถึง 11 ล้านคน ชี้ ถ้ามีประชาธิปไตยคนอยู่ดีกินดีกว่านี้ ขอทุกฝ่ายช่วยกันคิด ถอดบทเรียนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในโอกาสครบรอบ 12 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ว่า มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชนไปถึง 2 ครั้ง อ้างว่า เพื่อสร้างความรักความสามัคคี สร้างความชอบธรรมให้กับประชาชนทุกฝ่าย แต่ว่า 12 ปี ผ่านไป ความแตกแยกยังคงอยู่หรือไม่ ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นหรือไม่ ถ้าการทำรัฐประหารดีจริง ประเทศไทยคงกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนอยู่ดีกินดีขึ้น ทำไมถึงมีคนจนมากถึง 11.4 ล้านคน ประเทศไทยจะไปถึงไหนแล้วถ้าไม่มีการยึดอำนาจ ทั้งที่ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นผู้นำในภูมิภาค ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เรื่องสิทธิเสรีภาพในภูมิภาค แต่ภายหลังการรัฐประหารปี 2549 ความเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ของประเทศไทยในอาเซียนลดน้อยถอยลง จนหลายด้านอยู่ในอันดับรั้งท้าย การพัฒนาประชาธิปไตยหยุดชะงัก ส่งผลกระทบถึงการพัฒนาประเทศ ประชาชนและประเทศชาติเสียโอกาส หรือไม่

นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าเรายังอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะอยู่ดีกินดีมากกว่านี้หรือไม่ ประเทศจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่านี้ถ้าไม่มีการยึดอำนาจ หรือไม่ ขนาดประกาศว่า จะจัดเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยยังพุ่งขึ้นไปถึง 44 จุด แสดงว่า คนโหยหาประชาธิปไตยที่เข้าถึงได้ ประชาชนต้องการการมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตและความเป็นไปของบ้านเมือง มองย้อนกลับไปถ้าประเทศไทยไม่มีการยึดอำนาจ ป่านนี้คงมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครบทั้งระบบ มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกับภูมิภาค มีการพัฒนายกระดับคุณภาพการศึกษา มีการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ไม่มีความแตกแยก ไม่มีการชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ประเทศอาจจะก้าวไกลไปเกินกว่ายุคไทยแลนด์ 4.0 กลายเป็นไทยแลนด์ 5.0 เข้าสู่ยุค 5 G ไปแล้วก็ได้ ดังนั้น ต้องตอบคำถามว่า หลังรัฐประหารชีวิตคนไทยดีขึ้นหรือไม่ ประเทศชาติเสียโอกาสหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันถอดบทเรียนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก

...