ตัดสินใจถูก ผ่านตลอด
กำลังใจจดใจจ่อเพราะเข้าสู่เดือนกันยายน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คสช. ได้ประกาศจะแสดงท่าทีชัดเจนในทางการเมืองว่าจะเอายังไงแน่
เพียงแต่ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่เท่านั้น
ว่ากันว่า จะเป็นเพียงการประกาศที่จะเล่นการเมืองอย่างแน่นอน แต่ยังไม่แสดงท่าทีอย่างอื่น อย่างเช่นจะกลับมาเป็นนายกฯรูปแบบใด จะสังกัดพรรคการเมืองอะไร หรือมาเป็น “คนนอก”
ที่ว่าอย่างนี้เพราะกว่าจะถึงวันเลือกตั้งยังอีกนาน ฉะนั้นจึงมีเวลาที่จะตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดได้
เพื่อไม่ให้เป็นเป้าถูกโจมตี เนื่องจากเปิดหน้าเร็วเกินไป
เส้นทางการที่จะกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบนั้น ดูเหมือนจะมีอยู่ 2 ทางอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าจะมาในลักษณะไหน
เท่าที่พิจารณาแล้ว ทางที่ 1 คือการเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ที่พรรค “กองหนุน” เหล่านี้มีทางเลือกมากพอสมควร เนื่องจากมีหลายพรรคที่ประกาศให้การสนับสนุน
ดูเหมือนว่า “พลังประชารัฐ” น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด
หากเลือกทางนี้น่าจะดีด้วยประการทั้งปวง เพราะถือว่าเป็น “คนใน” ไม่ใช่ “คนนอก” คือให้พรรคสังกัดเสนอชื่อเป็นนายกฯในสภา
ถือว่ามาตามระบบที่จะได้รับการยอมรับและมีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าการประกาศในลักษณะนี้ย่อมมีแรงกดดันเป็นธรรมดา
เพียงแต่ต้องมั่นใจว่าจะต้องได้ ส.ส.อย่างน้อย 25 คนขึ้น จึงจะเสนอชื่อเป็นนายกฯได้ นั่นเท่ากับว่าจะต้องแน่ใจได้ว่าจะต้องได้เสียงให้เกินจำนวน
ทางที่ 2 คือเป็นนายกฯคนนอกไม่ได้ผ่านบัญชีพรรค เพราะมีเสียงแน่นอนแล้วคือ 250 ส.ว. และหาพรรคการเมืองยกมือสนับสนุนซึ่งต้องใช้เสียงมากถึง 500 เสียงจาก 750 เสียง
...
เท่ากับว่าเป็นนายกฯคนกลางแต่ภาพไม่สวยนัก
เพราะจะต้องถูกโจมตีตั้งแต่เริ่มต้นคิดในแนวทางนี้ ฝ่ายตรงข้ามจะถือโอกาสถล่มนับแต่การตัดสินใจที่จะไม่สังกัดพรรค
ที่สำคัญจะเป็น “จุดอ่อน” สอดรับกับคำว่าเผด็จการทหาร ซึ่งจะเป็นประเด็นการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้
แต่ดูเหมือนว่ายังมีอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ค่อนข้างจะฝ่าไปยาก นั่นคือการเป็นนายกฯยาวต่อไป หากรัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกฯได้
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่นายกฯต่อไป และยังมีอำนาจตาม ม.44 อีกด้วย
แต่โอกาสและความเป็นไปได้นั้นค่อนข้างจะยาก เพราะหากรัฐสภาไม่สามารถหานายกฯได้ การเมืองจะปั่นป่วนเกิดความวุ่นวายแน่
หรือจะพูดว่า “การเลือกตั้ง” ไม่มีความหมายแต่อย่างใด ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศแทนที่จะก้าวไปสู่ประชาธิปไตย
กลับมาตั้งต้นกันใหม่ภายใต้กรอบเผด็จการ
ว่าเป็นทางเลือกนี้คงเป็นเรื่องยากและมีความเป็นไปได้น้อยมาก อีกทั้งจะทำให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งซึ่งจะรุนแรงมากยิ่งกว่าที่ผ่านมาก็ได้
ทางที่ดีเพื่อให้การกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น อยู่ในระบบที่ได้รับการยอมรับจากในประเทศและต่างประเทศ
อยู่ที่ว่าพรรคกองหนุนต้องสามารถที่จะทำให้ได้รับการเลือกตั้งจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้และมีความมั่นคง
กลุ่ม “สามมิตร” นั่นแหละ...คือความจำเป็นอย่างยิ่ง.
“สายล่อฟ้า”