“แรมโบ้อีสาน” เล่นใหญ่บลัฟแหลกเพื่อไทย ยกทีมร้อง กกต.โคราชฟันว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย จ้าง อสม.เร่เก็บบัตรประชาชน อ.เสิงสาง-ครบุรี ให้ค่าจ้างใบละ 50-100 บาท จ่ายค่าตอบแทนเจ้าของบัตรทีหลัง แถมล่อใจพาชาวบ้านไปเที่ยว อัดท้าทายกฎหมายผิดร้ายแรงเล่นงานถึงยุบพรรค เกทับเด็ก พท.จะกล่าวหาใครต้องให้ข้อมูลหลักฐาน ผอ.เลือกตั้งเมืองย่าโมเด้งรับสอบข้อเท็จจริง ภท.เดือดจัดฟ้องกลับ “สุภรณ์” พร้อมผู้สนับสนุน “อนุสรณ์” โต้ตกเขียวชาวบ้านไม่ได้มีแค่ ภท. กกต.กลางขอข้อมูลมาแล้วพร้อมส่งให้ “ภูมิธรรม” โอ่ชื่อผู้นำ พท.โผล่หลายคน รอหารือหลังปลดล็อก “อำนวย” เชียร์คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง “โอ๊ค” จับผิด “สุเทพ” ดอดเข้าทำเนียบฯ “เทือก” ตอกพวกซุ่มแอบถ่ายรูปขยายผลการเมือง แจงไปให้ปากคำ ป.ป.ช.กรณี “เรืองไกร” ร้องสอบบัญชีทรัพย์สิน
หลังจากพรรคเพื่อไทยปูดข้อมูลกลุ่มนัก การเมืองที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.เริ่มซื้อเสียงล่วงหน้าเก็บบัตรประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ไปทำบัตรสมาชิกพรรค โดยจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ ล่าสุดนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช.อีสานหรือแรมโบ้อีสาน ออกมาเกทับนำหลักฐานเข้าร้องเรียน กกต.นครราชสีมา ให้เอาผิดว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย กล่าวหากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พร้อมเอาผิดถึงขั้นยุบพรรค
“แรมโบ้” โชว์ร้องสอบคน ภท.ซื้อเสียง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา ต.จอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา มีกลุ่มชาวบ้าน อ.ครบุรีกว่า 20 คน ในนามชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิด นำโดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช.อีสาน หรือแรมโบ้อีสาน ประธานชมรมฯ ที่ประกาศตัวลงเล่นการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯต่อไป ได้นำหลักฐานการ เก็บบัตรประชาชน รายชื่อผู้ถูกเก็บบัตรประชาชน 40 รายชื่อ พร้อมลายมือชื่อ รวมทั้งหลักฐานภาพการนำประชาชนในพื้นที่ออกไปเที่ยวเพื่อหวังผลทางการเมือง เข้าร้องเรียน กกต.นครราชสีมา เพื่อให้ สอบสวนผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอให้ยุบพรรค ภูมิใจไทย มีนายศิริชัย วิริยพงศ์ ผอ.การเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รอง ผอ.กกต.นครราชสีมา และนายไพฑูรย์ ถนัดพงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมืองรับหนังสือ
...

ชี้จ้าง อสม.เก็บบัตร ปชช.ถึงยุบพรรค
นายสุภรณ์กล่าวว่า มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าพ่อค้าเจ้าของกิจการโรงงานแป้งมันรายใหญ่ในพื้นที่ อ.เสิงสาง และ ส.จ.เขตอำเภอครบุรี คนหนึ่ง และว่าที่ผู้ประกาศลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ฝ่าฝืนจงใจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดคำสั่งคสช. ห้ามเคลื่อนไหวหาเสียงการเมือง และจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยเจตนากระทำผิด คือ 1.จ้าง อสม.เก็บบัตรประชาชน โดยให้ค่าตอบแทนใบละ 50-100 บาท นำไปอ้างว่าสมัครสมาชิกพรรคและหลอกล่อให้ความหวังว่าจะมีค่าตอบแทนให้เจ้าของบัตรภายหลัง 2.นำประชาชนในพื้นที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อหาเสียงให้ตัวเองและพรรคภูมิใจไทย ทั้งสองคนได้ให้ อสม.ทุกหมู่บ้านเก็บบัตรประชาชน นำมาแลกเงินที่โรงงานใหญ่แห่งหนึ่งใน อ.เสิงสาง และร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ครบุรี ให้ภริยาของว่าที่ผู้ประกาศลงสมัคร ส.ส.คนหนึ่งจ่ายเงิน ทั้งสองคนได้จ้างเก็บ บัตรประชาชนทุกวันต่อเนื่อง ไม่เกรงกลัวกฎหมายถือว่าผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองและ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทย จึงขอให้ กกต.สอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นเยี่ยงอย่างพรรคการเมือง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีกต่อไป
บลัฟ พท.กล่าวใครต้องมีหลักฐาน
นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า ที่มาร้องเรียนต้องการเห็นการเมืองบริสุทธิ์โปร่งใส และปฏิรูปการเมือง ไม่ทันไรเอาเงินไปจ่ายเพื่อเตรียมทำบัตรสมาชิกแล้ว ล่อลวงใจชาวบ้าน เริ่มต้นพรรคภูมิใจก็ท้าทายกฎหมาย เลือกตั้งแล้ว ส่วนกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า โคราชซื้อเสียงเก็บบัตรประชาชน นั้น จะพูดจาอะไรขอให้มีหลักฐาน ช่วยหาข้อมูลเหมือนแรมโบ้อีสานหน่อย จะได้ช่วยกันสกัดคนที่คิดเตรียมการทุจริตการเลือกตั้ง ทำให้การเมืองใน จ.นครราชสีมา ผุดผ่องบริสุทธิ์ ยุติธรรมแท้จริง พรรคเพื่อไทยจะแถลงข่าวอะไรขอความกรุณาช่วยมีหลักฐาน อย่าสาดโคลนใส่ คสช. รัฐบาลและนายกฯ อย่าสาดโคลนใส่ความโครงการดีๆ บัตรประชารัฐหรือบัตรคนยากคนจนที่จะให้ประชาชนได้ประโยชน์ การให้สัมภาษณ์แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นมันไม่ได้ ยุคนี้พูดอะไรต้องโชว์หลักฐาน ไม่ใช่พูดสาดโคลนใส่พรรคโน้นพรรคนี้ แต่ยังหาหลักฐานอะไรไม่ได้สักชิ้นเลย ตนไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยแล้วกลับหาหลักฐานได้ อยากให้ว่าที่ ส.ส.ในโคราชทำการเมืองรุ่นใหม่ วิธีการใหม่ ปฏิรูปการเมืองใหม่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

กกต.โคราชเด้งรับสอบข้อเท็จจริง
นายศิริชัย วิริยพงศ์ ผอ.การเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า กกต.ได้รับเรื่องไว้พิจารณา พร้อมจะได้สั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน กกต.นครราชสีมา ลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงตามที่ได้แสดงหลักฐานมาหรือไม่ เมื่อผลเป็นอย่างไรจะได้รายงานให้ กกต.กลาง และเลขาธิการ กกต.ทราบต่อไป ต้องขอเวลาทำงานสักระยะหนึ่ง ต้องเรียนว่า ตามที่มีข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีผลใช้บังคับ ส่วนที่มีข่าวการรวบรวมบัตรประชาชนจ่ายหัวละ 100-200 บาท อำเภอละ 10,000-20,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง คงใช้เวลาไม่นานมากนัก ส่วนเรื่องที่จะมีการให้ร้ายหรือใส่ร้ายพรรคคู่แข่ง หรือว่าที่ผู้จะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ เราทำไปตามอำนาจหน้าที่ เป็นกลาง ยืนยันให้เชื่อ มั่นใจ เราไม่ได้เป็นเครื่องมือให้ใคร อยากให้ ช่วยกันสอดส่องดูแล ชี้ช่องเบาะแส กฎหมายใหม่มีเงินรางวัลให้ผู้ชี้ช่องเบาะแสจากเดิมไม่มี
ภท.เดือดฟ้องกลับพ่วงผู้สนับสนุน
นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิดเข้าร้องเรียนต่อ กกต.นครราชสีมาให้ยุบพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้กระทำการใดๆ ตามที่นายสุภรณ์ร้องเรียน คำร้องเรียนดังกล่าวเป็นความเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีพรรค ส่วนที่มีการอ้างว่านายพรชัย อำนวยทรัพย์ และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งสองเป็นผู้เสนอตัวสมัครเป็นสมาชิก ส.ส.กับพรรคในการเลือกตั้งที่จะถึง แต่พรรคยังไม่ได้พิจารณา และยังไม่เป็นสมาชิกพรรค จากการสอบถามบุคคลทั้งสองทราบว่ากรณีที่กล่าวหาว่ามีการไปหาสมาชิกพรรค ความจริงแล้วมีผู้สนับสนุนบุคคลทั้งสองในพื้นที่ได้ตระเตรียมการไว้ก่อน เพื่อจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค เมื่อทางราชการอนุญาตจะได้ดำเนินการต่อไปได้ แต่ทั้งหมดเป็นด้วยความสมัครใจ ไม่มีการเสนอผลประโยชน์เป็นเงินให้ ไม่ได้กระทำฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. หรือกฎหมายใดๆ และการดำเนินการ ดังกล่าวไม่เกี่ยวกับพรรค พรรคไม่เคยสั่งการใดๆ ให้กระทำ พรรคจะดำเนินคดีกับนายสุภรณ์ในทุกข้อหาความผิดและกับผู้สนับสนุนให้นายสุภรณ์กระทำผิด ทราบว่าผู้ที่ถูกใส่ร้ายทั้งสองคนจะดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

พท.โต้เก็บบัตรชาวบ้านไม่ใช่มีแค่ ภท.
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ร้อง กกต.จ.นครราชสีมา ให้ตรวจสอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย กรณีให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เก็บสำเนาบัตรประชาชนในพื้นที่เพื่อสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทย และพาดพิงว่าตนไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่า ประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนตนว่า มีการรวมบัตรประชาชนของ อสม. และหัวคะแนนหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทยเหมือนที่นายสุภรณ์ระบุ ส่วนที่อ้างกับชาวบ้านว่าจะรวมบัตรประชาชนเพื่อรับเงินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และสมัครเข้าพรรคการเมืองที่กลุ่มการเมืองที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ให้เป็นนายกฯอีกสมัย เราไม่ได้บอกว่าใครผิด ใครถูก แต่เปิดเผย ข้อมูลเพื่อให้ กกต.ตรวจสอบและชี้ขาด ซึ่ง กกต.กลางขอข้อมูลมาแล้ว ยืนยันว่าเรามีหลักฐานชัดเจน ซึ่งตนเคยเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อน มีมากกว่า พร้อมมอบให้ กกต.ต่อไป
หอบหลักฐานยื่น กกต.กลางจัดการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมช.คมนาคม นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.กลาง เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตซื้อเสียงล่วงหน้าใน จ.นครราชสีมา

“ภูมิธรรม” โอ่ชื่อผู้นำ พท.มีหลายคน
ส่วนความคืบหน้าการคัดเลือกผู้นำพรรคเพื่อไทย ที่มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะปรับเปลี่ยนเอาคนรุ่นใหม่ มาบริหารพรรค โดยมีชื่อนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้ามา เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระแสข่าวนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเข้ามาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพิ่งได้เห็นจากสื่อ พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการหารือเรื่องของตัวผู้นำพรรค ยังไม่มีการพิจารณารายละเอียดในตัวบุคคล แต่มีกรณีของคนที่ชอบใครเชียร์ใคร มีการเสนอชื่อกันมาหลายคน แต่แกนนำพรรคยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบถามความเห็น แล้วจึงจะนำมาพิจารณาภายในพรรคเมื่อมีการปลดล็อก
“อำนวย” เชียร์คนหนุ่มรุ่นใหม่มาแรง
นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีนางพินทองทา ชินวัตร หรือเอม บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ยังเป็นเพียงกระแสข่าว นายณัฐพงศ์จะได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ต้องรอมติจากที่ประชุมพรรค ถ้า คสช.คลายล็อกเมื่อไหร่เรื่องหัวหน้าพรรคจะชัดเจน ถ้ามติพรรคเลือกนายณัฐพงศ์ก็ยอมรับ คิดว่าคงทำงานการเมืองได้ เพราะนอกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีทีมงานทั้งเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคช่วยทำงาน ตอนนี้กระแสคนรุ่นใหม่กำลังมาแรง เห็นได้จากพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นมติใหม่ทางการเมือง

“ณัฐพงศ์” ยังไม่เป็นสมาชิก พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีกระแสข่าวนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีนางพินทองทา ชินวัตร หรือเอม บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น จากการตรวจสอบรายชื่อสมาชิกจากฐานบัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคเพื่อไทย พบว่าขณะนี้นายณัฐพงศ์ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมามุ่งทำงานธุรกิจครอบครัวเป็นหลัก และขณะนี้ยังไม่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคได้ เนื่องจากติดล็อกคำสั่ง คสช.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมใดๆ เมื่อ คสช.คลายล็อกแล้วจะสามารถสมัครสมาชิกได้ทันที
“อุตตม” ขำๆแย้มมาคู่ก็ไปเป็นคู่
เมื่อเวลา 15.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ได้เดินทางเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ โดยใช้เวลาหารือนานเกือบ 1 ชั่วโมง ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่จะประชุมพรรคในวันที่ 15 ก.ย. อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เคยระบุจะประกาศท่าทีที่ชัดเจนทางการเมืองด้วย โดยทั้งสองคนปฏิเสธที่จะตอบคำถามทางการเมืองใดๆกับสื่อมวลชน โดยนายอุตตมกล่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่ทราบว่านายกฯจะประกาศท่าทีอย่างไร เมื่อถามว่าเข้าพบนายสมคิดพร้อมกันทั้งคู่ นายอุตตม กล่าวทีเล่นทีจริงแบบติดตลกว่า “มาเป็นคู่ก็ไปเป็นคู่”
“พระปกเกล้า” ยึดมั่นพัฒนา ปชต.
ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ สถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนาในโอกาสครบ 20 ปี แห่งการสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า มีนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “20 ปี สถาบันพระปกเกล้ากับการพัฒนาประชาธิปไตย” กล่าวตอนหนึ่งว่า สถาบันต้องรักษามาตรฐานทำงานตอบโจทย์สังคม ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของประชาธิปไตยและสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เป็นความท้าทายใหม่ที่ต้องร่วมคิดส่งเสริมสังคมไทยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม แม้การพัฒนาประชาธิปไตยจะเป็นเรื่องยาก สถาบันพระปกเกล้าต้องทำและยึดมั่นต่อไป
“สุรชัย” วิตกยังไม่ ลต.เริ่มแฉกันแล้ว
จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “เหลียวหลังแลหน้าสถาบันพระปกเกล้ากับการพัฒนาประชาธิปไตย” โดยนายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานกรรมการวิชาการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สถาบันต้องเป็นกลาง 20 ปีผลงานของสถาบัน ไม่สามารถชี้วัดเป็นรูปธรรม เพราะประเทศเผชิญกับการยึดอำนาจถึง 2 ครั้ง
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.กล่าวว่า ขอให้นำความรู้ที่ผ่านการวิจัยมาต่อยอดพัฒนาประชาธิปไตยไทยให้ประชาชนมีจิตสำนึกทางการเมืองจะช่วยลดปัญหาได้ แต่แค่เริ่มจะคลายล็อกก็มีการแฉซื้อเสียงล่วงหน้า นักการเมืองเคลื่อนไหวเป็นสัญญาณน่าวิตก สะท้อนพัฒนาการ จิตสำนึกการเมือง การเลือกตั้งครั้งต่อไปยังคาดหวังอะไรไม่ได้มากนัก
นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คาดหวังต่อสถาบันพระปกเกล้าจะเป็นตัวกลางจัดเวทีเชิญนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่างคุยกัน และเผยแพร่ทางโซเชียล เพื่อให้ได้ทางออกโดยสื่อสารกับประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น

“บิ๊กป้อม” การันตี ผบ.เหล่าทัพใหม่เจ๋ง
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ บัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 โดยเฉพาะในส่วนของผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ส่วนตัวรู้สึกพอใจ เพราะพระองค์ท่านโปรดเกล้าฯ ลงมา ทุกคนก็พอใจ ไม่มีใครไม่พอใจ การคัดเลือกนายทหารเข้ามารับตำแหน่งสำคัญในกองทัพ เช่น ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทุกอย่างทำไปตามระบบธรรมเนียมทหารทุกครั้ง ไม่เกี่ยวกับ คสช.เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาเสนอรายชื่อขึ้นมาตามขั้นตอน ยึดความอาวุโส ใครที่เหมาะสมและสามารถดูแลกองทัพได้ ยืนยันว่านายทหารทุกคนมีความเหมาะสม ถ้าไม่เหมาะสมจะทูลเกล้าฯได้อย่างไร
“โอ๊ค” จับผิด “สุเทพ” ดอดมาทำเนียบฯ
เมื่อเวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว ลงภาพนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ขณะที่เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดิม ถนนพิษณุโลก ข้างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยระบุข้อความว่า “คนนี้ใคร เมื่อเช้ามาทำเนียบทำไมอะ??”

“เทือก” แจง ป.ป.ช.ถูกร้องสอบทรัพย์สิน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ตั้งคำถามผ่านสื่อโซเชียลว่า ฟังแล้วเรื่องมันเศร้าเพราะนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คนของพรรคเพื่อไทยไปยื่นร้อง ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของตนทั้งหมด โดยยกเหตุผลว่าเมื่อครั้งที่ตนเป็นเลขาฯ กปปส.ไปเดินรณรงค์คัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยและรับเงินบริจาคในครั้งนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.นัดให้มาชี้แจงตามสถานที่ ซึ่งเป็นสำนักงาน ป.ป.ช.เดิม ที่ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ รับข้อมูลของรัฐทำงานอยู่ จึงไปตามนัด แต่ไม่คิดว่าจะมีคนแอบถ่ายรูปภาพขณะกำลังเดินในพื้นที่ และนำมาขยายผลทางการเมืองเช่นนี้ น่าจะทำเป็นขบวนการ ไปตั้งคำถามชี้นำระบุว่าตนไปทำเนียบฯ ทำไม ไม่มีอะไรจำเป็นต้องไปทำเนียบรัฐบาล หรือแอบไปพบใคร ทำอะไรเปิดเผย เมื่อเจ้าหน้าที่เชิญมาจึงไปชี้แจงตลอดช่วงเช้า เพิ่งเสร็จในช่วงบ่าย จึงขอชี้แจงให้สังคมเข้าใจข้อเท็จจริงด้วย
จนท.ข้องใจจำนองที่ดิน 25 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรค รปช.เดินทางมาให้ถ้อยคำต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ เป็นการมาให้ปากคำต่อคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีจำนองที่ดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 25 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นทุนประเดิมตั้งเวที กปปส. เมื่อช่วงเดือน พ.ย.56 โดยในการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. นายสุเทพ พบว่ามีทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ตั้งข้อสังเกตว่า หนี้สินจากการจำนองที่ดินเกาะสมุยจำนวน 25 ล้านบาทนั้น ไม่ได้เป็นการซื้อ-ขายจริง รวมทั้งมีราคาจำนองที่ดินเกินจริง โดย ป.ป.ช.พบความผิดปกติในการแสดงบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ดังกล่าว จึงตั้งคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงขึ้น และเชิญให้นายสุเทพมาให้ถ้อยคำอย่างละเอียดในวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา
“เรืองไกร” จี้สอบขาดทุนจำนำข้าว
ที่ศูนย์บริการประชาชน บริเวณสำนักงานก.พ. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เรียกร้องให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ชี้แจงผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวไม่ตรงกัน นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อ คสช.รัฐประหาร ได้ตั้งคณะกรรมการปิดบัญชีใหม่โดยไม่ได้ยึดมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2555 ที่แต่งตั้งอนุกรรมการปิดบัญชีรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 ทำให้ตัวเลขการปิดบัญชีไม่ตรง ที่สำคัญผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวของ สตง.ไม่เคยมีการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานการสอบบัญชี และเห็นด้วยที่พนักงานธ.ก.ส.ชี้แจงข้อมูลในคดีรับจำนำข้าว เกี่ยวกับความซ้ำซ้อนในการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว อาจซ้ำซ้อนโดยหลงผิด แต่หากซ้ำซ้อนเพราะนำบุคคลอื่นมาสวมสิทธิ์ ถือว่าเข้าข่ายทุจริต ธ.ก.ส.ต้องตรวจสอบเพราะตัวเลขถูกนำไปรวมกับวงเงินที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯถูกกล่าวหา สตง.ต้องนำไปตรวจสอบ

ดัน คตช.เป็นองค์กรปราบโกง
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท.ในฐานะเลขานุการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) แถลงผลการประชุม คตช.ครั้งที่ 1/2561 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ฐานะประธานคตช.มอบหมายให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน คตช.เป็นประธานแทนว่า ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานของ คตช.ที่ผ่านมา อาทิ การปลูกจิตสำนึกผ่านโครงการ “โตไปไม่โกง” ได้รับรางวัลระดับอาเซียน การกำหนดให้มีข้อตกลงสัญญาคุณธรรมป้องกันการทุจริต สามารถประหยัดงบฯจัดซื้อจัดจ้างได้ถึง 21,800 ล้านบาท ใน 79 โครงการ การรื้อฟื้นคดีคลองด่านจนศาลปกครองกลางพิจารณาคดีนี้ได้ใหม่อีกครั้ง เดินหน้าคดีเงินทอนวัด คดีจำนำข้าว ทั้งนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิยังได้เสนอแนวคิดทำ คตช.เป็นองค์กรตรวจสอบทุจริตแบบถาวรตามกฎหมาย โดยมอบหมายให้ ป.ป.ท.หารือกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศต่อไป
จ่ออุทธรณ์คดีเก้าอี้เลขาฯ ป.ป.ท.
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติ ป.ป.ท.ที่ประชุมคัดเลือกให้เป็นเลขาธิการ ป.ป.ท. เพราะไม่มีหนังสือเชิญเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หนึ่งในกรรมการ ป.ป.ท.เข้าร่วมประชุมด้วย ให้ถือเป็นการประชุมโดยมิชอบว่า กรณีนี้ศาลมีคำพิพากษาชัดเจน ตนเป็นคนสุจริตต้องได้รับการคุ้มครอง คดีจะมีผลต้องถึงที่สุดก่อนคือ เมื่อไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว จะครบกำหนดเปิดยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 16 ก.ย. ถ้ามีอุทธรณ์ฎีกาต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ทางเทคนิคตนจะยื่นอุทธรณ์

ค้านทุบบ้านตุลาการฯขึ้นคอนโด
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากนายชัยฤทธิ์ ลีลาเกรียงศักดิ์ และนายประดิษฐ์ สิงหทัศน์ อดีตตุลาการอาวุโส กรณีสำนักงานศาลยุติธรรมจัดงบประมาณ 500 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ (ธนบุรี) 100 หน่วย แทนบ้านพักตุลาการศาลอาญาธนบุรี ที่เป็นอาคารทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 100 ห้อง ทั้งที่ยังสภาพดี หากซ่อมจะใช้งานต่อได้ถึง 20 ปี โดยไม่รับฟังเสียงทักท้วงของคณะผู้พิพากษา โดยผู้รับเหมาช่วงรีบเข้ารื้อถอน 7-8 หลังแล้ว เพื่อนำไม้เก่าราคาแพงออก เช่น บานประตู กรอบหน้าต่างไม้สัก ไม้แดง เป็นต้น ส่วนงบฯที่ได้รับมาแล้วเพื่อสร้างอาคารชุด 5 ชั้น 100 ห้อง ควรย้ายไปสร้างที่อื่น เช่น เขตบางขุนเทียนหรือบางบอน ที่มีที่ดินราชพัสดุจำนวนมาก เกรงจะซ้ำรอยปัญหาบ้านพักตุลาการที่หมู่บ้านป่าแหว่ง ป่าสงวนแห่งชาติเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ วันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อนายกฯให้ระงับการรื้อถอน