เดินว่อนเก็บบัตรปชช. จี้กกต.ลงไปตรวจสอบ
พรรคการเมืองถล่มไพรมารีโหวตใหม่ล้าหลัง-เอื้อประโยชน์ พวกพ้อง คสช.จ้องเตะตัดขาคู่แข่ง “วิรัตน์” ตอก “วิษณุ” ตั้ง 11 อรหันต์เฟ้นผู้สมัคร ส.ส.ออกทะเล สวนทางปฏิรูป เฉ่งฝืนกระแสโลกห้ามใช้โซเชียลหาเสียง “วรชัย” โวยลั่นกีดกันแต่ฝ่ายตรงข้าม แต่ปล่อยลูกสมุนโกยแต้มตั้งแต่ไก่โห่แล้ว “อนุสรณ์” ปูดขบวนการซื้อเสียงล่วงหน้าเมืองโคราช จี้ กกต. ตรวจสอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.-ผู้สมัครนายก อบจ.เครือข่ายก๊วนหนุน “บิ๊กตู่” เดินว่อนเก็บบัตรประชาชน อสม. อ้างใช้เป็นหลักฐานสมัครสมาชิกพรรค-เบิกค่าตอบแทน-รับเงินสวัสดิการรัฐ ชทพ.จี้เคลียร์ชัดหลักเกณฑ์หาเสียงออนไลน์ หยัน คสช.เลิกผวาโลกยุคใหม่ “กลุ่มสามมิตร” ไปต่อลุยพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง รอประกาศชัดเข้าสังกัดพรรค “บิ๊กป๊อก” สยายปีกประชานิยมเติมสุขชุมชนเมืองกรุง “วันนอร์ฯ” นั่ง หน.ประชาชาติ ชูธงคืนความรุ่งเรืองให้ภาคใต้
กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะคลายล็อกให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ได้ แต่ยังห้ามหาเสียง โดยเฉพาะการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการปรับการทำไพรมารีโหวตแบบใหม่ ให้มีคณะกรรมการ 11 คน ชี้ขาดส่งผู้สมัคร ส.ส.ถูกพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ เป็นความพยายามของ คสช.ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อพรรคเครือข่าย เพื่อเอาเปรียบพรรคการเมืองเดิมที่เป็นคู่แข่ง
ปชป.ซัดไพรมารีใหม่ออกทะเล
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับการปรับทำไพรมารีโหวตรูปแบบใหม่ เป็นการเอื้อให้พรรคการเมืองใหม่ว่า ไพรมารีโหวตไม่ได้เป็นปัญหาของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เลย แต่เป็นปัญหาของบางพรรคที่ประกาศสนับสนุนผู้มีอำนาจ และกำลังแต่งตัวอยู่ ตอนที่ประกาศทำไพรมารีเป็นรายภาคดูน่าเกลียดมากพอแล้ว แต่การกำหนดให้คน 11 คน ในรูปคณะกรรมการมาชี้ขาดสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 350 คน จาก 350 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ไม่ใช่การทำไพรมารี แต่เป็นการถอยหลังออกทะเล ไม่ใช่การปฏิรูปการเมืองตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560
...
สับสนองผู้มีอำนาจก่อไฟขัดแย้ง
“การที่นายวิษณุประกาศเช่นนี้จึงตอบสนองความต้องการผู้มีอำนาจทางการเมืองปัจจุบัน ยิ่งทำให้การเมืองไทยถอยหลังไปไกล แต่ถ้าให้แต่ละเขตเลือกตั้ง ตั้งกรรมการมาร่วมสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตละ 7 คน จะสะท้อนความต้องการประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้งได้มากกว่าคณะกรรมการ 11 คนชี้ขาดส่งคนทั่วประเทศ รูปแบบไพรมารีโหวตใหม่ถูกวิจารณ์เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บางพรรคที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ เมื่อกฎกติกาไม่เป็นธรรม จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม จะเกิดความวุ่นวายตามมา กลายเป็นความขัดแย้งปมใหม่” นายวิรัตน์กล่าว

ค้านแหลกห้ามใช้โซเชียลหาเสียง
นายวิรัตน์ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมห้ามพรรคการเมืองหาเสียงทางโลกโซเชียลในช่วงที่ คสช.คลายล็อกเดือน ก.ย.ว่า คสช.จะห้ามใช้โซเชียลมีเดียหาเสียงคงฝืนกระแสโลกไม่ได้ อยู่ที่การบริหารจัดการ ควรจัดตั้งหน่วยงานมาสกัดโซเชียลมีเดียปลอม โดยต้องเป็นกลาง ไม่ใช่สกัดบางพรรค แต่ไม่สกัดพรรคที่สนับสนุนตน ต้องใช้กับทุกพรรคการเมือง ไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข่าวปล่อยข่าวลือจะเกิดขึ้นเป็นระยะ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ถูก กกต.มีมติยุบพรรค หรือข่าวปลอมเรื่องศาลยกฟ้องนายทักษิณทุกคดี เป็นเรื่องที่ คสช.และรัฐบาลต้องหามาตรการรัดกุมมีประสิทธิภาพจัดการโดยด่วนและลงโทษรุนแรงกับผู้กระทำผิด และพรรคการเมืองที่ได้ประโยชน์จากการกระทำนั้น
ขุดถล่มกรือเซะสกัด “ประชาชาติ”
นายวิรัตน์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาชาติประกาศกวาดที่นั่ง ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่งนั้น ต้องดูเนื้อแท้ว่าพรรคดังกล่าว มีใครเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นเจ้าของพรรคที่แท้จริง โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เคยดูแลมามากน้อยเพียงใด มีความตั้งใจหรือเคยมีผลงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จับต้องได้หรือไม่ ขอให้ประชาชนจับตาดู การประกาศจะได้ ส.ส. 40 ที่นั่ง ใครๆก็พูดได้ แต่ต้องดูของจริงหลังวันเลือกตั้งว่าประชาชนจะมอบความไว้วางใจให้มากน้อยแค่ไหน เพราะทราบว่าประชาชนในพื้นที่ยังไม่ลืมเหตุการณ์กรณีมัสยิดกรือเซะและที่ สภ.ตากใบ เขาจำไม่ลืม
“นิพิฏฐ์” เตือนแล้วไม่ฟังต้องมาแก้
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไพรมารีโหวตพรรคใหญ่พร้อมจะปฏิบัติ พรรคประชาธิปัตย์เคยเตือนว่าหากใช้ระบบนี้จะมีปัญหา แต่ผู้มีอำนาจไม่ฟังบอกว่าพรรคที่คัดค้าน ไม่ปฏิรูปตัวเอง มีส่วนได้เสียและถูกครอบงำด้วยกลุ่มทุน มาถึงวันนี้เดินต่อไปไม่ได้ จึงต้องปรับรูปแบบมาเช่นนี้ จะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ให้สังคมตัดสิน แต่มันล้าหลังกว่าระบบที่พรรคปฏิบัติมาแล้ว เราปฏิรูปมาก่อน โดยมีคณะกรรมการพิจารณาสรรหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรค ให้สาขาพรรคแต่ละเขตสรรหาเสนอชื่อขึ้นมา และแม้จะเป็นคนใหม่มาแสดงเจตจำนงได้ที่ทำการพรรคใหญ่ แล้วให้สาขาพรรคในเขตตรวจสอบประวัติแล้วค่อยเสนอชื่อกลับมาให้คณะกรรมการสรรหาของพรรค เปรียบไปแล้วเราพัฒนามาเป็นสากลนิยมแล้ว
เหน็บใส่สูทแล้วให้นุ่งโจงกระเบน
“แต่ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ บอกให้เราถอดสูท แล้วไปนุ่งผ้าม่วง ใส่โจงกระเบน เราทำได้ไม่มีปัญหา ที่ยอมรับว่าไพรมารีโหวตรูปแบบใหม่เพื่อเอื้อบางพรรค ประชาธิปัตย์ต่อน้ำหนักมวยให้ แต่สังคมและประชาชนจะยอมรับหรือเปล่า ไม่ขอวิจารณ์” นายนิพิฏฐ์กล่าว

พท.โวย คสช.เอาเปรียบคู่แข่ง
ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ห้ามนักการเมืองเคลื่อนไหวหาเสียงทางโลกโซเชียล ช่วงการคลายล็อกทางการเมืองว่า การเตือนเช่นนี้พุ่งเป้าไปที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม คสช. เพราะคนที่ประกาศตัว ยืนข้าง คสช.ทำทุกอย่างตั้งนานแล้ว ทั้งเดินสายลงพื้นที่พบปะประชาชนและทางโลกโซเชียล ถือเป็นการปรามให้คนฝ่ายตัวเองได้เปรียบหรือไม่ วันนี้เมื่อจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง อย่าเอาคำสั่ง คสช.มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ถ้าจะมีเลือกตั้งจริง คสช.ควรสร้างบรรยากาศการเลือกตั้ง ควรให้พรรค การเมืองต่างๆลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน เพื่อจัดทำนโยบายและประกาศนโยบายพรรคให้ประชาชนรับทราบตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่จะคลายล็อกเป็นช่วงๆแบบที่ทำกันอยู่
โอ่พร้อมนานแล้วรอแค่กดปุ่ม
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี คสช.เตรียมคลายล็อกให้พรรคการเมืองประชุมใหญ่ว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมจะประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรครับรองข้อบังคับและนโยบายพรรคมานานแล้ว รอเพียงให้ คสช.ประกาศออกมาให้ชัดเจนว่าทำได้เมื่อไหร่อย่างไรเท่านั้น ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรคที่มีแคนดิเดตหลายคนจะชัดเจนในวันดังกล่าว ไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีคนนอกมาครอบงำหรือชี้นำตามที่หลายฝ่ายกังวล เพราะใครจะได้นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องเป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ที่สมาชิกทุกคนร่วมลงคะแนนตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน
อัด รบ.ใช้งบเยอะชาวบ้านยิ่งจน
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี สนช.พิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ว่า ถ้าเอาธนบัตรใบละพันบาทมาวางเรียงกันจะยาวกี่กิโลเมตร พันรอบประเทศไทยจากเหนือจดใต้ได้กี่รอบ แต่ทำไมผลลัพธ์รัฐบาลนี้ยิ่งใช้เงินมาก ชาวบ้านยิ่งยากจนลง การทุจริตกลับเฟื่องฟู ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ ประเทศและประชาชนจะเดินหน้าไปตามโรดแม็ปการเลือกตั้งอย่างไร อนาคต เลือนรางหากรัฐบาลนี้คิดสืบทอดอำนาจ และเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งร่วมกับ กกต. เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 ถูกออกแบบมาเพื่อให้พรรคการเมืองอ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของการสืบทอดอำนาจ จึงเห็นข้าราชการระดับบนบางส่วนเอาใจผู้มีอำนาจ จะตั้งใจหรือเกรงกลัว มาตรา 44 กระทำการเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ

ปูดซื้อเสียงล่วงหน้าโคราช
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จ.นครราชสีมา แจ้งเบาะแสมาที่พรรคเพื่อไทยจำนวนมากว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีการรวบรวมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด อ้างจะนำไปใช้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเครือข่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง บางพื้นที่บอกว่าจะเอาไปเป็นหลักฐานการจ่ายเงินค่าตอบแทน รวมถึงนำไปเป็นหลักฐานการรับเงินในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ
ชี้เป้าสอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.-นายก อบจ.
“อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าไปตรวจสอบกรณีนี้ ซึ่งเกิดเหมือนๆกันในหลายพื้นที่ จ.นครราชสีมา อาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย โดยเลือกลงมือช่วงก่อนพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ มีเครือข่ายว่าที่ผู้สมัครส.ส. ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมขับเคลื่อนดำเนินการเรื่องนี้อย่างหนัก ทำกันอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่” นายอนุสรณ์กล่าว
จี้เคลียร์ให้ชัดหาเสียงออนไลน์
นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาล คสช.เตรียมคุมเข้มการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียว่า หากมีมาตรการนี้ออกมาทุกพรรคการเมืองคงมีผลกระทบถ้วนหน้า อยากขอความชัดเจนจากผู้เกี่ยวข้องว่า การหาเสียงทางโซเชียลมีเดียคืออะไร ที่ผ่านมากิจกรรมต่างๆ เช่น การลงพื้นที่พบชาวบ้าน การทำกิจกรรมมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส แจกทุนการศึกษานักเรียนผู้ยากไร้แล้วนำรูปมาโพสต์บอกแฟนเพจเป็นการสื่อสารในสาธารณะ แต่เมื่อมีการคลายล็อกให้จะไม่สามารถจำกัดให้แค่เฉพาะสมาชิกพรรคเท่านั้นที่ติดตาม โลกโซเชียลซับซ้อน การกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์บางกรณีต้องใช้เวลาพิสูจน์ความจริง บางกรณีพิสูจน์ไม่ได้ เพราะอาจโพสต์มาจากนอกประเทศ ดังนั้นการจำกัดช่องทางนี้ต้องพิจารณาความเป็นไปในโลกออนไลน์ด้วย สำหรับพรรคการเมือง หากมองในแง่ดีถือเป็นช่องทางประหยัด แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้ามีการเพิ่มยอดแฟนเพจก็ต้องเสียเงินเพิ่ม อยากขอความชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายพรรคหรือไม่
สะกิด คสช.เลิกผวาโลกยุคใหม่
นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายโอกาสของประชาชนที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้วยวิธีการใหม่ๆ การสื่อสารด้วยโซเชียลมีเดีย เข้าถึงประชาชนได้จำนวนมาก งบประมาณไม่มาก เมื่อกติการะบุห้ามอาจถูกมองปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูล มองว่าคสช.อย่าไปกลัวการสื่อสารสมัยใหม่ภายใต้การควบคุมผ่านกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้นนักการเมืองจะสื่อสารอะไร ต้องไม่ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมาย คสช. ไม่ควรออกกฎหมายหรือกติกาที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะทำลายบรรยากาศหาเสียง ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้คนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส่วนที่ กกต.จะออกระเบียบนำนโยบายพรรคการเมืองและหมายเลขผู้สมัครส่งไปยังประชาชนแทนการหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น การเลือกตั้ง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา กกต.ใช้วิธีนี้มาแล้ว ผลคือชาวบ้านไม่รับรู้นโยบายที่นักการเมืองต้องการสื่อสาร อาทิ หมายเลขผู้สมัคร ผู้สมัคร นโยบายพรรค กกต.ใช้วิธีประชาสัมพันธ์ผ่านรูปแบบราชการ เข้าไม่ถึงชาวบ้าน บทบาท กกต.ควรทำคือ ดูแลไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ควรให้การเลือกตั้งเป็นบรรยากาศหาเสียงที่เป็นประชาธิปไตยจะเหมาะสมกว่า

“อนุทิน” สอนรัฐจัดลำดับพัฒนา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคุ้มค่าจากการใช้งบประมาณมหาศาลสร้างรถไฟความเร็วสูง และการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า ไม่ปฏิเสธการสร้างรถไฟความเร็วสูง และโครงการอีอีซี แต่ต้องการนำเม็ดเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้คนรากหญ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง มีการศึกษาดีขึ้น เป็นรากฐานและกำลังการผลิตที่สำคัญ ของชาติ เมื่อคนเข้มแข็ง ชาติเข้มแข็ง จากนั้นจึงค่อยพัฒนาต่อยอดในส่วนอื่นต่อไป ประเทศไทยป่วยมานาน เพิ่งออกจากห้องไอซียู ควรค่อยๆฟื้นฟูสภาพด้วยการทำกายภาพบำบัดให้ทรงตัวได้มั่นคงก่อน จากนั้นเริ่มเดินให้เร็วขึ้นแล้วจึงวิ่ง ไม่ใช่ออกมาแล้ววิ่งเลยแล้วก็ล้มอีก เที่ยวนี้อาจไม่มีโอกาสลุกขึ้นอีกก็ได้ ขอถามว่ารถไฟความเร็วสูง ใครจะเป็นผู้โดยสาร เมื่อคนชนบทส่วนใหญ่มีรายได้จากภาคเกษตรไม่แน่นอน บางช่วงผลผลิตตกต่ำ ไปหาผู้โดยสารมาให้ก่อนจะดีหรือไม่
สามมิตรไปต่อลุยเหนือตอนล่าง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่าหลังจากกลุ่มสามมิตรลงพื้นที่พบประชาชนช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และรัฐบาลเข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาให้ประชาชน ทำให้วันนี้ประชาชนหลายจังหวัดประสานมาว่า อยากให้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา และแลกเปลี่ยนความเห็นกับชาวบ้าน ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ประชุมหารือกับแกนนำว่า หากจังหวัดใดมีปัญหาเร่งด่วนอาจไปลงพื้นที่ก่อน ล่าสุดมีชาวบ้าน จ.กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ และสุโขทัย ประสานให้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่รับฟังปัญหา เนื่องจากทราบว่านายสมศักดิ์จะเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญของสโมสรสุโขทัยเอฟซี ช่วงกลางสัปดาห์หน้า
รอประกาศตัวเข้าสังกัดพรรค
นายธนกรกล่าวอีกว่า หลังจากเดือน ก.ย. กระบวนการตั้งพรรคการเมืองคงดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นกลุ่มสามมิตรจะไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองด้วย การตัดสินใจจะไปสังกัดพรรคการเมืองใดคงใช้เวลาไม่นาน เพราะผู้ใหญ่กลุ่มสามมิตรได้พูดคุยกันมา โดยตลอด ช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนว่ากลุ่มสามมิตรจะเปลี่ยนจากกลุ่มไปสังกัดพรรคใด
“วันนอร์” นั่ง หน.ประชาชาติ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อาคารวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มีการประชุมเพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาชาติ นำโดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มวาดะห์ อดีต ส.ส. และอดีต ส.ว. อาทิ นายอับดุลลายี สาแม็ง อดีต ส.ว.ยะลา นายมุข สุไลมาน อดีต ส.ว.ปัตตานี นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรค 7 คน ได้แก่นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายวรวีร์ มะกูดี นายนิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย นายวรวิทย์ บารู นายปราโมทย์ แหล่งทองคำ พล.ต.ท.อนิรุธ พฤกษณะการะเกด และนายนิมุกตาร วาบา โดยมีนายมุข สุไลมาน เป็นเหรัญญิกพรรค นายสรพล นาควานิช เป็นนายทะเบียนพรรค
ชูธงคืนความรุ่งเรือง–ดับไฟใต้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า การจัดตั้งพรรคประชาชาติเพื่อแสดงความพร้อมในการร่วมปกครองประเทศ จะร่วมกับประชาชนสร้างสังคมสู่สันติสุข ถึงเวลาต้องกระจายการปกครองสู่ท้องถิ่น เพื่อการแก้ปัญหาลงสู่ท้องถิ่น ชายแดนใต้เกิดความสูญเสียมานาน จึงต้องทบทวนการสร้างบรรยากาศอยู่ร่วมกันในพื้นที่ ถึงเวลาต้องคืนอำนาจให้ประชาชนและท้องถิ่น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า พรรคประชาชาติเป็นการรวมบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์จากทุกอาชีพ มีความหลาก หลายทางภาษา ศาสนา และเพศ แต่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เจตนารมณ์การก่อตั้งพรรคไม่ได้เป็นของกลุ่มหรือศาสนาใด โดยพรรคจะทำความรุ่งเรืองในภาคใต้ ให้ จ.ปัตตานีเป็นสายพานการค้าการลงทุน พรรคประชาชาติจะสร้างนโยบายพื้นฐานโดยยึดมั่นประชาธิปไตย ยกเลิกกฎหมายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย และมีนโยบายแก้ปัญหาทางการเมืองพร้อมแก้ปัญหาภาคใต้ เพราะไม่มีใครรู้จริงเท่าพรรคประชาชาติที่ทุกคนคือคนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

สนช.เชื่อ ม.44 ช่วย ลต.เดินหน้า
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการคลายล็อกให้พรรคการเมืองว่า เบื้องต้นทราบว่าจะเป็นกระบวนการของการใช้อำนาจมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.เพื่อคลายล็อกให้พรรคการเมือง โดยเฉพาะกรณีการจัดเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัคร ส.ส.หรือไพรมารี โหวต ในส่วน สนช.คงไม่มีส่วนที่จะพิจารณา เนื่องจากไม่ใช่การเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ส่วนเนื้อหาและรายละเอียดของคำสั่งตามมาตรา 44 จะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเมื่อเลือก จะใช้แนวทางดังกล่าวจะทำให้การเลือกตั้งเดินหน้าได้
นายกฯสั่งสังคายนามาตรา 44
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรวบรวมประกาศและคำสั่งของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ทั้งหมดว่า กำลังไล่ทำอยู่ให้เกณฑ์แก่เจ้าหน้าที่แล้ว มีทั้งควบรวมคำสั่ง ประกาศหรือ ยกเลิก ในการประชุม คสช.เมื่อวันที่ 28 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. สั่งการ ให้เตรียมไว้ บางเรื่องให้นำเข้าสู่ระบบทำเป็นกฎหมายถาวรเท่าที่จำเป็น อะไรที่เลิกได้ก่อนจะเลิก อะไรหมดอายุไปแล้วให้เป็นคำสั่งอยู่ แต่ไม่นำกลับมาใช้แล้ว เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย ยืนยันต้องทำให้เสร็จก่อนรัฐบาลนี้จบ ส่วนกรณีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เช่าพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แทนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เดิม ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อรองรับผู้ที่ถูกตรวจสอบ รวมทั้งข้าราชการที่ไม่สามารถขึ้นตำแหน่งในหน่วยงานต้นสังกัด ปรับย้ายมารับตำแหน่งพิเศษในสำนักนายกฯ ไม่ใช่เรื่องสถานที่คับแคบแออัด แต่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามได้ขอพื้นที่คืนมาหลายปีแล้ว กำลังเจรจาขอให้วัดยืดเวลาให้อีก 1-2 ปี
พอใจต่อยอดจุดเด่นสินค้าเกษตร
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พอใจการต่อยอดแนวคิดขยายโอกาสทางการค้าให้เกษตรกรบนพื้นฐาน ของความร่วมมือแบบประชารัฐของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล่าสุดร่วมมือบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ จ.ฉะเชิงเทรา พัฒนาสินค้าเกษตรปลอดภัยสูงเพื่อครัวการบินไทย จัดเสิร์ฟอาหารผู้โดยสาร โดยสินค้า จ.ฉะเชิงเทรา โดดเด่น ปลอดภัยสูงตามมาตรฐานเบอร์ 8 คือ มีคุณภาพ สดสะอาด ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนครัวการบินไทยถือเป็นผู้นำด้านการผลิตอาหารบริการบนสายการบิน ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ นายกฯจึงอยากให้ทุกจังหวัดสร้างจุดเด่นผลผลิตทางการเกษตรที่แตกต่าง ไม่จำเป็นต้องนำไปขายบนเครื่องบินการบินไทยเท่านั้น แต่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ผู้บริโภคสนใจเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ ทำให้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
มท.สยายปีกไทยนิยมบุกกรุง 15 ก.ย.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานต่างๆ ได้ ลงพื้นที่ขับเคลื่อนโครงการไทยนิยมยั่งยืนครอบคลุมทุกพื้นที่ 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่ กทม. ล่าสุดกระทวงมหาดไทยในฐานะผู้กำกับกรุงเทพมหานคร สั่งการให้ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวกรุงเทพฯทุกพื้นที่ โดยในวันที่ 15 ก.ย. จะจัดกิจกรรมการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ “กทม.เติมความสุขสู่ชุมชน” ครั้งที่ 14 ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขต ทวีวัฒนา โดยจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ของหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานภายนอกไปให้บริการแก่ชาวชุมชนทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง อาทิ การบริการด้านทะเบียนราษฎร บริการด้านสุขภาพโดยหน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ บริการฝึกอาชีพระยะสั้น ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย การดำเนินงานตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อ รับฟังปัญหาความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
ทหารสัญญาใจไม่ทิ้งใครข้างหลัง
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ลานเซ็นทรัลปาร์ค พระราม 2 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมและ พ.อ.วันชนะ สวัสดี ผู้ช่วยโฆษก กระทรวงกลาโหม พร้อมทีมงานและ “น้องเกี่ยวก้อย” ลงพื้นที่พบปะประชาชน กทม.ฝั่งกรุงธนใต้ในงาน “ไทยนิยม ยั่งยืน” เพื่อชุมชนอยู่ดีมีสุข โดยนำสัญญาประชาคม “4 เคารพ 2 รับผิดชอบ” ได้แก่ ทำความเข้าใจและปลุกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการเคารพความแตกต่าง การเคารพความเสมอภาค เท่าเทียมกันในวิถีทางประชาธิปไตย การเคารพสิทธิทั้งต่อตนเองและไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น การเคารพกติกาหรือกฎหมาย ไม่ใช้อารมณ์หรือกำลังแก้ปัญหา ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยรู้หน้าที่ เรียนรู้ที่จะพัฒนาและพึ่งตนเอง รวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อสังคม ให้เป็นพื้นฐานสังคมประชาธิปไตย พร้อมทั้งขอคำมั่น “สัญญาใจ” และความเชื่อมั่นร่วมกันที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาในชุมชนไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“สุวพันธุ์” จูนเครื่องปราบแชร์ลูกโซ่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาแชร์ลูกโซ่ ครั้งที่ 1/2561 ว่าได้เร่งรัดติดตามคดีทั้งหมดที่มีอยู่ และหามาตรการป้องกันร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายต่างๆ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามความคืบหน้าการเร่งรัดดำเนินคดี มีผู้ตรวจราชการพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ แชร์ลูกโซ่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหา มาตรการป้องกันคือหน่วยที่ดูแลเรื่องนี้ทั้งกระทรวงการคลัง สคบ.ต้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน ตำรวจมีข้อมูลอยู่ ได้กำชับทุกหน่วยที่มีฐานข้อมูลผู้ต้องสงสัย ขอให้แชร์ข้อมูลให้หน่วยบังคับใช้กฎหมายไปดำเนินการ ปลายเดือน ก.ย.จะได้ข้อสรุปสถิติต่างๆและจัดลำดับความสำคัญเร่งรัดทำแต่ละเรื่อง เพื่อตอบสังคมและผู้เสียหายได้เร็วขึ้น
“โอ๊ค” แฉทหาร–ตร.สะกดรอย
เมื่อเวลา 19.35 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่ามาขอนแก่นคราวนี้ มีทั้งทหาร ตำรวจ และ กอ.รมน. ตามสะกดรอยถ่ายรูปตลอดทาง แรกๆหงุดหงิดน่าดู แต่พอปรับทัศนคติตัวเองสักครู่ จึงเริ่มเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของพี่ๆทหารและตำรวจเขา ที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งนาย พอเริ่มชินเลยลองเรียกเข้ามาคุยกันตรงๆเลยดีกว่า พอพูดคุยกัน คนที่ตามบอกว่าต้องขออนุญาต ต้องมีรูปไปรายงานนาย เลยชวนถ่ายรูปคู่เลย ทั้งนี้ ข่าวมาว่ายิ่งใกล้จะมีวันเลือกตั้งเท่าไหร่ แผนสะกดรอยสกัดกั้นบุคคลต่างๆ ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตยจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น แต่เชื่อว่ายิ่งกดดัน ยิ่งสกัดกั้นกันมากเท่าไหร่ กระแสประชาชนจะยิ่งตีกลับแรงมากขึ้นเท่านั้น ไม่เชื่อกันก็ตามใจ จะสกัดกั้นพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่นอมินีของตน เรื่องแบบเดียวกันพรรคกูทำได้ แต่พรรคอื่นห้ามทำ อยากจะสกัดกันเท่าไหร่ก็ทำไป แต่ตนไม่ได้เป็นนักการเมือง จะต้องสั่งลูกน้องให้มาตามสะกดรอยกันไปทำไมไม่ทราบหรือแค่เป็นเพราะคนนามสกุลชินวัตรเข้ามาในพื้นที่ ก็กลัวเนื้อเต้นกันไปหมด
“บิ๊กแดง” ผงาดรั้งตำแหน่ง ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ 935 นาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับสนองพระบรมราชโองการฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2561 มีรายชื่อสำคัญ อาทิ “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.20) เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด (ตท.18) เป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.บัณฑิตย์ บุญยปาน พล.อ.วีรชัย อินทุโศภณ พล.ร.อ.นวพล ดำรงพงศ์ พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เป็นเสนาธิการทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกองทัพบก “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.20) ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ตามคาด “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก (ตท.20) เป็นรองผบ.ทบ. “บิ๊กตู่” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) และ “บิ๊กตี๋” พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.18) เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. “บิ๊กเป้ง” พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก (ตท.19) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก “บิ๊กบี้” พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.22) ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 “บิ๊กป๋อ” พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.20) ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 “บิ๊กเดฟ” พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพน้อยที่ 4 (ตท.20) เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
“บิ๊กลือ” นั่ง ผบ.ทร. “บิ๊กต่าย” คุมทัพฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ด้านกองทัพเรือ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร.(ตท.18) เป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.โสภณ รัตนมงคล เป็นรองผบ.ทร. พล.ร.ท.ชาติชาย ศรีวรขาน เป็นเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.สุกิตติ เสงี่ยมพงษ์ เป็นผู้ช่วยผบ.ทร. พล.ร.อ.นพดล ศุภากร เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ ขณะที่กองทัพอากาศ “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วย ผบ.ทอ. (ตท.18) เป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ เป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ชาญยุทธ ศิริธรรมกุล และ พล.อ.อ.ถาวรวัฒน์ จันทนาคาม เป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ. พล.อ.ท.มานัต วงษ์วาทย์ เป็นเสนาธิการทหารอากาศ