เข้าสู่เดือนกันยายน อัน เป็นการส่งสัญญาณทาง การเมืองว่าใกล้เวลาที่จะลงสนามเลือกตั้งกันแล้ว นอกจากคลายล็อกแล้วยังจะมีการเปิดหน้าเปิดตัว “นักสู้” ที่จะขึ้นสังเวียนระดับหัวหน้าทีม
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ผ่านมาถึงเดือนสำคัญในทางการเมือง ซึ่งจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงฉายภาพให้ชัดเจนขึ้น
หนึ่งแหละ...คือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คสช.จะประกาศอย่างเป็นทางการในทางการเมืองแม้ยังไม่บอกให้รู้ว่าจะดำเนินการวันไหน แต่เดือนนี้แน่นอน
จะเดินหน้าต่อหรือจะกลับไปเลี้ยง “เจ้าหมี” ที่บ้าน
วันนี้...แวดวงการเมืองทุกสายล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในเมื่อ “ประยุทธ์ เพื่อนพ้อง น้องพี่” และทีมงานที่ใกล้ชิด

เน้นไปที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯของรัฐบาล คสช.ที่ปลุกปั้นแนวคิดด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ
...
พูดง่ายๆว่าไม่ต่างไปจาก “ซาร์เศรษฐกิจ” ทำให้ คสช.มีหน้ามีตาขึ้นมา
แม้ทุกอย่างจะได้รับการยอมรับเสียงตอบรับจึงดังพอสมควร นักลงทุน นักธุรกิจโดยเฉพาะรายใหญ่ นักวิชาการล้วนเห็นว่าเดินทางถูกทาง
จุดอ่อนก็คือเศรษฐกิจคนรากหญ้าที่แม้จะเดินหน้าเททุกหน้าตัก แต่ก็ไม่ขยับตัวอย่างเป็นรูปธรรมจึงถูกโจมตีตรงนี้มาตลอด
ทว่าโดยรวมแล้วทำให้เศรษฐกิจเดินไปได้ดี เพียงแต่อีกหลายโครงการอย่างระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) หากสำเร็จจะเป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคอาเซียน
ว่ากันโดยสภาพที่เห็นน่าจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
“จีน–ญี่ปุ่น” พร้อมที่จะจับมือร่วมลงทุนในอีอีซีด้วย
หากตั้งประเด็นในทางการเมืองดังที่กล่าวมาแล้ว จะเห็นว่าในภาค คสช.นั้นแม้ทหารเป็นแกนนำสำคัญ
ยิ่งหากการโยกย้าย “ทหาร” ออกมาตาม “โผ” ก็ยิ่งมีความได้เปรียบ

แต่ก็มีภาคการเมือง ภาคเศรษฐกิจ นักวิชาการ นักกฎหมาย นักการเมืองส่วนหนึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่จะต้องจับมือกันเพื่อเดินหน้าต่อไป
อาจจะถึง “แพ้ไม่ได้” เหมือนกัน...
การก่อตัวของฝ่ายนี้มีหลายประเด็นที่ทำให้สามารถจับมือบนอำนาจการเมืองอย่างแนบแน่น อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาชนะ “ทักษิณ” ให้ได้
นอกจากยังต้องการปฏิรูปประเทศกันใหม่ การจัดระเบียบสังคมใหม่ การจัดระเบียบการเมือง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แก้เหลื่อมล้ำช่วยเหลือคนราก-หญ้าอย่างเป็นรูปธรรม การปฏิรูประบบเกษตรกรรม
เอาแค่เป็นตัวอย่างที่พวกเขามีความตั้งใจ

แนวทางการทำงานการเมือง อย่างที่มีรูปแบบออกมานั้นจึงต้องมีตัวประสานสำคัญอยู่ 2–3 คน ที่รับผิดชอบและแบ่งงานกัน
“พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะผู้มากบารมีจึงรับหน้าเสื่อ “ผู้จัดการรัฐบาล” อย่างเต็มตัว
“ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” แม้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นนักการเมืองเก่าที่มากมิตรมากเพื่อนก็ต้องดึงนักการเมืองเข้ามาทำงานด้วย
“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ นอกจากทำหน้าที่ค้าขายให้รัฐแล้วยังทำหน้าที่หาลูกค้า
ทั้งนักการเมือง คนรุ่นใหม่

ไม่ต่างกับ “อุตตม สาวนายน” ขุนพลเศรษฐกิจอีกคนหนึ่งของรัฐก็ทำหน้าที่ติดต่อคนเก่งในแวดวงต่างๆมาร่วมงาน
นี่...เอาแค่หนังตัวอย่างให้ได้เห็นหน้าค่าตากัน แต่ยังมีอีกหลายกลุ่ม
อยู่ตรงไหนไม่สำคัญ แต่ต้องยกมือให้ “บิ๊กตู่” เป็นใช้ได้!!!
“ลิขิต จงสกุล”