ในโลกนี้มีกีฬาอยู่ 3-4 ประเภทที่ถือว่าอยู่ในความนิยมตลอดกาลและเป็นกีฬาระดับโลกจริงๆได้แก่ ฟุตบอล กอล์ฟ เทนนิสและการแข่งขันด้านความเร็ว ซึ่งก็แบ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ทางเลียบ หรือ โมโตจีพี และ เอฟวัน หรือการแข่งขันรถแข่งระดับสากล

กรังด์ปรีซ์มอเตอร์ไซเคิลเรซซิ่ง เป็นการแข่งขันชิงแชมป์รถจักรยานยนต์ แบ่งเป็น 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ MotoGP Moto 2 และ Moto 3 การแข่งขัน Moto GP เป็น รถมอเตอร์ไซค์สูตรหนึ่ง เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1,000 CC มีแรงม้าไม่ต่ำกว่า 240 และจำกัดน้ำหนักต้องไม่ต่ำกว่า 160 กิโลกรัม ที่ถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ที่สุด แบ่งการแข่งขันเป็นจำนวน 19 สนามด้วยกัน

ปรากฏว่า ประเทศไทย ได้รับการอนุญาตให้จัดการแข่งขัน โมโตจีพี เป็นสนามที่ 15 มอบหมายให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ปตท. เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ โดยใช้สนาม บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ หรือที่รู้จักกันดีในนามของ สนามช้าง จัดการแข่งขันในระหว่างวันที่ 5–7 ต.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากเป็นสนามการแข่งขันระดับมาตรฐาน เอฟไอเอ เกรด 1 ที่สามารถจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งหรือ ฟอร์มูล่าวัน ได้เลย

ดังนั้น พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ สังเวียน บุญโต รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก อนุสรณ์ แก้วกังวาน ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ และ ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. ได้เดินทางไปพบกับ มาซากิ บันโดะ ซีอีโอของ โมโตจีพี ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อย้ำถึงความชัดเจนในการจัดการแข่งขันโมโตจีพีและเป็นการเปิดตัวประเทศไทยในฐานะ สปอร์ตซิตี้ ที่มีมาตรฐานเป็นที่หนึ่งในภูมิภาคนี้

...

และแน่นอนว่า ถ้าเอ่ยชื่อ จ.บุรีรัมย์ หรือ สนามช้างเซอร์กิต ก็จะขาดคนสำคัญไปไม่ได้ เนวิน ชิดชอบ ในฐานะที่ปรึกษา บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินทางไปโปรโมต จ.บุรีรัมย์ โปรโมตการแข่งขัน โมโตจีพี ที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ด้วยตัวเองโดยได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อญี่ปุ่นและนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ผู้ผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ยามาฮ่า โตโยต้า ซูซูกิ ซึ่งมีฐานการผลิตในประเทศไทยอยู่แล้ว

แม้การลงทุนในการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะสูงถึงประมาณ 400 ล้านบาท โดยได้ลิขสิทธิ์เป็นเวลา 3 ปี แต่เมื่อเทียบกับการที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เช่น รายการเดอะวอยซ์ ได้สิทธิ์เป็นเวลา 3 ปีเช่นกันแต่ต้องใช้เงินถึงประมาณ 500 ล้านบาท ก็น่าจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่ามาก ไม่ว่าการเดินทางมาชมการแข่งขันโมโตจีพี และการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องในประเทศไทย คาดว่า ประเทศจะมีรายได้จากการจัดงานนี้ในระดับพันล้านบาทขึ้นไป

การสร้างแบรนด์ประเทศไทย ให้เป็น สปอร์ตซิตี้ คือ ความคุ้มค่ามากที่สุดและเป็นมูลค่าระยะยาว ซึ่งไม่เฉพาะ จ.บุรีรัมย์ เท่านั้น แต่ยังมีอีก 5 จังหวัดที่จะถูกผลักดันให้เป็น เมืองกีฬามาตรฐานโลก และให้ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th