โปรดเกล้าฯ ‘5 กกต.’ ใหม่ ‘ตู่’-ขันนอตจราจร กทม.

“บิ๊กตู่” คึกจัดลุยแก้จราจรเมืองกรุง ยิ้มแก้มปริลูกยอ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ลั่นไม่ลงเลือกตั้ง แต่จะขออยู่ตาม รธน. “สมศักดิ์” โชว์ลีลาปลาไหล ท้าใครไม่พอใจให้ลาออกจากพรรค มาเดินสายเลียนแบบกลุ่มสามมิตรได้ เย้ยพวกดาวเคราะห์หนีไม่พ้นเงา “ทักษิณ” “วัชระ” เหน็บ “ประยุทธ์” เส้นทางสืบอำนาจโรยด้วยดอกกุหลาบ โปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่ “อิทธิพร” ฟิตจัดพร้อมสานงานต่อจากชุดเก่า วาระด่วนถกปมผู้ตรวจเลือกตั้ง “วิษณุ” ตื่นเต้นเร่งนัดประชุม แย้มเลือกตั้ง ส.ส.ก่อนท้องถิ่น นายกฯแจงเด้ง “รมย์สิทธิ์” เพื่อความเหมาะสม ปัดจัดแถวบิ๊ก ขรก.รับศึกเลือกตั้ง “องอาจ” เตือนอย่ามุ่งรับใช้อำนาจ ป.ป.ช.จ่อฟันคดี 396 โรงพักก่อนสิ้นปี “เทือก” ยันพร้อมแก้ข้อหา

กระแสโจมตีการเดินสายดูดของกลุ่มสามมิตรยังคงมีต่อเนื่อง แม้คนในฝ่ายรัฐบาลและ คสช.จะ ออกตัวให้ว่ายังไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมมอบฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบนั้น ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ออกมาท้าทายให้คนที่โวยวายทิ้งสถานะจากพรรคมาเป็นกลุ่มการเมือง แล้วเดินตามอย่างกลุ่มสามมิตร

...

“บิ๊กตู่” คึกขันนอตจราจร กทม.

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 15 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม การทำงานของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ติดตามสถานการณ์การจราจรใน กทม. โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายว่า ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดจริงจังหาวิธีบูรณาการร่วมกัน บริหารเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก ลอยฟ้า และทางน้ำ นำฝ่ายวิจัยและพัฒนาการจราจรของมหาวิทยาลัยเข้าร่วม นำเทคโนโลยีเข้ามาวิเคราะห์เพื่อระบายรถในช่วงเวลาจราจรหนาแน่น กรมประชาสัมพันธ์ต้องประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกช่องทางทุกสื่อเสริมสร้างและปลูกฝังวินัยจราจร และพิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงและเหน็ดเหนื่อย

ยิ้มแก้มปริลูกยอ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่”

จากนั้นนายกฯขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติไปสถานีบางหว้า โดยใช้บัตรโดยสารราคา 500 บาทที่ทำขึ้นเฉพาะเป็นรูปนายกฯ สวมชุดข้าราชการสีกากีบังคับรถไฟฟ้าเมื่อครั้งทำพิธีเปิดสถานีรถไฟฟ้าสำโรง เมื่อถึงสถานีกรุงธนบุรีมีคนตะโกนให้กำลังใจ “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ทำเอานายกฯถึงกับยิ้มแก้มปริ เดินทักทายพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปจนถึงสถานีบางหว้า ก่อนลงเรือโดยสารกรุงเทพธนาคม 1 เลขทะเบียน 596500247 ที่บริเวณท่าเรือตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) ไปยังวัดกำแพง บางจาก ระหว่างล่องเรือผ่านโรงเรียนวัดนวลนรดิศโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน มีนักเรียนมารอต้อนรับบริเวณริมคลองพร้อมส่งเสียงตะโกนทักทาย โดยนายกฯ โบกมือทักทาย และทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

เพื่อนวัดนวลฯโผล่เซอร์ไพรส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯและคณะเดินทางถึงวัดกำแพง ได้เข้ากราบสักการะพระประธานใน โบสถ์ และกราบนมัสการพระครูศรีปริยัติยานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดกำแพง ก่อนขึ้นเวทีกล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 200 คนว่า มาเยี่ยมไม่ได้อยากสร้างภาระให้ประชาชน ที่ผ่านมาไม่ค่อยทำตรงนี้ ทำเป็นจ๊อบๆเรื่องๆไป ส่วนการเลือกตั้งก็ว่ากันมา เรายังไม่เกี่ยวข้อง วันนี้มีผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯปลัดมหาดไทย แม่ทัพภาค 1 มา ใครจะร้องเรียนก็มา ทหารก็มาใครถูกทหารรังแก ใครที่อ้างนายกฯ รองนายกฯ ให้เก็บผลประโยชน์มาบอกจะเล่นงาน อย่าไปเชื่อระหว่างนั้นมีกลุ่มเพื่อนที่เคยเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดนวลนรดิศ 7 คนมารอพบ โดยหนึ่งในกลุ่มเพื่อนกล่าวขึ้นว่า พวกตนพักอาศัยอยู่แถวนี้ไม่ได้เจอนายกฯ มาหลายสิบปี เห็นแต่ในโทรทัศน์ พร้อมนำรูปหมู่สมัยเรียนมาให้ดู พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวทักทายเพื่อนๆว่า “จำได้เพื่อนรุ่น 77 ไม่เคยลืมคิดถึงเพื่อนเสมอ”

ลั่นไม่ลงเลือกตั้งแต่อยู่ตาม รธน.

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายกฯ และคณะ เดินทางมายังวัดอินทารามวรวิหารเขตธนบุรี ระหว่างทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้โชว์การขับเรือโดยสารด้วยตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายประชาชนที่มาต้อนรับว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นพรรคของใคร เข้ามาเพื่อวางพื้นฐาน ให้ประเทศ ไม่ได้มาเพื่อการเมือง วันนี้มาตรวจงานคนเดียวมาทำหน้าที่แทน ส.ส. ส่วนนักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐบาลในวันข้างหน้า ต้องมองภาพใหญ่ อย่าให้ใครมาบิดเบือน การเลือกตั้งต้องคิดใหม่ว่าจะเลือกกันอย่างไร แต่ตนไม่ได้ลงเลือกตั้งด้วย ระหว่างนั้นประชาชนได้ตะโกนว่า จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ อยากให้ลงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “จะอยู่ยังไงยังไม่รู้ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ วันนี้ผมทำเรื่องการเมืองยังไม่ได้” จากนั้นนายกฯ และคณะได้ไหว้พระประธานที่พระอุโบสถ และสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณด้านหน้าพระวิหารสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช ก่อนเดินทางกลับ

“บิ๊กป้อม” ไขลาน กทม.แก้รถติด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับในที่ประชุมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ กทม. ลงไปดูแลการแก้ปัญหาการจราจรและความเดือดร้อนประชาชน โดยเฉพาะวิกฤติจราจรที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าให้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการคืนพื้นผิวจราจรของถนนสายหลักทั้ง 5 สายที่กำลังก่อสร้าง ให้ปรับผิวการจราจรไม่ให้รถชะลอตัว ขณะที่ กทม.ต้องจัดชุดซ่อมเร่งด่วนดูแลผิวจราจรที่ชำรุดทุกเขต และต้องดูแลเรื่องการระบายน้ำกรณีฝนตกฉับพลัน ต้องระบายน้ำให้รวดเร็ว ส่วน สตช.ให้กวดขันวินัยจราจร โดยเฉพาะการขับรถย้อนศร ขับบนฟุตปาท รวมถึงรถโดยสารสาธารณะที่ไม่เคารพกฎจราจร ต้องประเมินผลและปรับแผนทุกสัปดาห์

กองทัพเด้งรับตามบัญชาผู้นำ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า ตามที่นายกฯสั่งการให้ปรับขบวนรถของบุคคลสำคัญในประเทศ ไม่ให้กระทบต่อการจราจรของประชาชนนั้น เราได้จัดทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเป็นหลัก ส่วนการดูแลต้อนรับแขกต่างประเทศของกองทัพเรื่องความปลอดภัยนั้น ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอยู่แล้ว ทุกอย่างยังคงยึดหลักสากล โดยใช้เวลาช่วงสั้นๆปิดการจราจรอำนวยความสะดวก ไม่ให้ขัดขวางการจราจร ต่อไปนี้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบต่อการเดินทางของบุคคลสำคัญ ส่วนการเดินทางของ ผบ.เหล่าทัพที่มีรถนำขบวน หากระหว่างทางเจออุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารยังจอดรถลงไปทำหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชนอีกด้วย

โปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรา ลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามจำนวน 5 คน เป็น กกต. บุคคลผู้ได้รับความเห็นชอบเป็น กกต. 5 คน ได้ประชุมเพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต. อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 222 ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.มาตรา 8 และมาตรา 12 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดังนี้ 1.นายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธาน กกต. 2.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ 3.นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย 4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี 5.นายปกรณ์ มหรรณพ เป็น กกต. ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 ส.ค.2561

“อิทธิพร” ฟิตพร้อมสานงานต่อ

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงสายวันที่ 16 ส.ค.จะเดินทางเข้าสำนักงาน กกต. เมื่อถามว่าเตรียมการหารือกับ กกต.ชุดเก่าประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้งอย่างไร นายอิทธิพรตอบว่า ยังไม่มีการพูดคุย แต่เป็นประเด็นที่ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราก็ให้เกียรติ กกต.ชุดเก่าทำงานไปก่อน แต่พอ กกต.ชุดใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกันระหว่าง กกต.ชุดใหม่กับ กกต.รุ่นพี่ ในเรื่องการทำงาน แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดรายละเอียด ยังไม่ได้มีแนวทางเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้หารือกับอีก 4 กกต. ประเด็นนี้เป็นอีกเรื่องที่จะรีบเร่งนำเข้าหารือ ตนต้องพูดคุยกับเลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานก่อน

พนง.อำลาชุดเก่าเรียบง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต.ว่า ภายหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่พนักงาน กกต.ได้ทยอยเข้าอำลา กกต.ชุดเก่า ที่ห้องทำงานของ กกต. 3 คน ยกเว้นนายประวิช รัตนเพียร กกต.ที่ไม่ได้เข้ามาที่สำนักงาน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการจัดพิธีอำลาอย่างเป็นทางการ ขณะที่ทางสำนักงานได้จัดเตรียมสถานที่และประสานไปยัง กกต.ใหม่ ในเรื่องวันเวลาที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ เบื้องต้นมีรายงานว่าในวันที่ 17 ส.ค. เวลา 14.09 น. กกต.ใหม่จะรับพระราชโองการฯ ที่สำนักงาน กกต. และวันที่ 18-20 ส.ค.จะเดินทางไปร่วมประชุมผู้บริหารสำนักงาน กกต. ผอ.กต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการให้ได้มาซึ่ง ส.ว. และจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ทางสำนักงานจัดขึ้นที่พัทยา จ.ชลบุรี

“ศุภชัย” โนคอมเมนต์สามมิตร

ที่สถาบันพระปกเกล้า นายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราเพียงแค่เตรียมการไว้ เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานที่จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้ง และคงเป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่เป็นผู้แต่งตั้ง เมื่อถามว่านายกฯขอให้ กกต.ดูแลการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง และบุคคลที่เคลื่อนไหวนอกประเทศ นายศุภชัยตอบว่า สำนักงานดูแลและรวบรวมข้อมูลไว้ ยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้งจึงยังไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อถามว่าพรรคการเมืองเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่กลุ่มการเมืองกลับเคลื่อนไหวได้ จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า เรื่องดังกล่าวเราคงไม่สามารถให้ความเห็นได้

สนช.ตั้งท่าถอนร่างแก้ไขฯ

ขณะที่นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวถึงการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ว่า รอดูการทำหน้าที่ กกต.ชุดใหม่จะแก้ปัญหาเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งได้หรือไม่ ถ้าแก้ปัญหาได้เป็นที่น่าพอใจ จะหารือกับ สนช. 36 คนที่เข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ว่าจะถอนร่างแก้ไขหรือไม่ แต่หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้จะเดินหน้าเสนอแก้ไขกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้ง แนวโน้มขณะนี้ถือว่าคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ต้องติดตามต่อไปว่า กกต.ชุดใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาที่ สนช.เป็นห่วงได้หรือไม่ ยืนยันว่าสิ่งที่ สนช. 36 คน ดำเนินการนั้น มิได้มีเจตนาก้าวล่วง กกต. ไม่ต้องการให้กระทบโรดแม็ปเลือกตั้ง ขอร้องพวกที่ชอบมโนให้หยุดมโน ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พวกตนดำเนินการไปสร้าง ความเดือดร้อนให้ใคร ทั้งที่ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์

วิป สนช.วาง 3 แนวทางออก

นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช. กล่าวว่า คงต้องรอให้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ดำเนินการเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นวิป สนช.จะหารือกับนายมหรรณพ ในฐานะผู้เสนอแก้ไขกฎหมายต่อไป โดยมี 3 แนวทาง ได้แก่ 1.ถ้าคณะผู้เสนอแก้ไขกฎหมายเห็นว่า เมื่อมี กกต. ชุดใหม่แล้ว ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ กกต.ชุดใหม่ ดำเนินการ ก็อาจชะลอการเสนอแก้ไขกฎหมายไปก่อน 2.ถ้าเห็นว่ายังควรเสนอร่างกฎหมายอยู่ ตามขั้นตอนต้องพิจารณาว่าได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นครบถ้วนตามมาตรา 77 หรือไม่ ถ้ายังไม่ครบอาจขยายเวลาการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือถ้าดำเนินการตามมาตรา 77 ครบถ้วนแล้ว วิป สนช.จะตรวจสอบความครบถ้วนอีกครั้ง 3.อาจทำเป็นรายงานข้อสังเกต ข้อเสนอแนะให้รัฐสภาชุดใหม่รับไปพิจารณาต่อไป

“วิษณุ” ตื่นเต้นได้ กกต.ชุดใหม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่ 5 คนแล้ว จากนี้จะประสานงานไปเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในหลายเรื่องที่ยังมีข้อสงสัย ทั้งเรื่องไพรมารีโหวต การแบ่งเขตเลือกตั้ง และเรื่องผู้ตรวจการประจำจังหวัด ต้องหารือกับ กกต.ใหม่ ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่อยู่ที่ความพร้อม พบเร็วก็ได้ผลเร็ว เมื่อถามว่าดูตื่นเต้นที่ได้ กกต.ชุดใหม่แล้ว นายวิษณุตอบว่า “ตื่นเต้นซิ เพราะมีเรื่องให้ต้องทำกันหลายอย่าง จะได้เสร็จๆไป”

แย้มเลือกตั้ง ส.ส.ก่อนท้องถิ่น

นายวิษณุยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นรวม 6 ฉบับ ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ จัดทำร่างทั้ง 6 ฉบับเสร็จเรียบร้อย และส่งมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น่าจะเป็นวันที่ 28 ส.ค.นี้ จากนั้นจะส่งให้ สนช.พิจารณาต่อไป หากจะปรับแก้อะไรต้องไปทำในชั้นการพิจารณาของ สนช. ส่วนร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่จัดทำโดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ล่าสุดไม่มีการยกเลิกสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เมื่อถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าจะจัดเลือกตั้ง ส.ส.ก่อนหรือหลังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น รองนายกฯตอบว่า ยังตอบไม่ถูก แต่เมื่อร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับ จะถูกส่งไปที่ประชุม สนช.ในเดือน ส.ค. ใช้เวลาพิจารณาอีกประมาณ 3 เดือน จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ตรงนี้เราไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด สมมติว่าใช้เวลา 3 เดือน จะทำให้รวมเป็นเวลา 6 เดือน ไปชนกับการจัดเลือกตั้ง ส.ส. ถ้าเป็นแบบนั้นจริงต้องจัดเลือกตั้ง ส.ส.ก่อน ทุกอย่างยังไม่แน่นอน เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นหนึ่งที่ตนจะนำไปหารือกับ กกต.ชุดใหม่

สามมิตรโชว์ลีลาปลาไหล

ส่วนความเคลื่อนไหวเดินสายดูด ส.ส.ของกลุ่มสามมิตร ที่ถูกโจมตีว่าเป็นกลุ่มการเมืองมีเส้นเพราะรัฐบาลและ คสช.ไม่ยอมดำเนินการเหมือนกลุ่มการเมืองอื่นนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินสายพบปะพูดคุยกับประชาชนและนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ไม่นานจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง ขอให้รอติดตาม ยืนยันจะเดินสายต่อเนื่องจนกว่าจะถูกปิดโอกาส และต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ยืนยันว่าไม่ขัดกฎหมาย ทำให้สบายใจขึ้น ใครที่เห็นว่าเสียเปรียบสามารถออกเดินสายอย่างสามมิตรได้ เราไม่คิดว่าฝ่ายความมั่นคงจะเปิดทางให้เดินได้สะดวก ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ ถ้าเห็นว่าสามมิตรได้เปรียบง่ายนิดเดียวแค่ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วตั้งกลุ่มอย่างตน มันก็ไม่ผิด เขาตะแบงจะให้หยุดแต่มันไม่ผิดจะให้หยุดยังไง แค่ลาออกแล้วมาเดินสายก็หมดเรื่อง จะมาเถียงกันทำไม

โวขุมกำลังปึ้กพร้อมลงสนาม

เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรพยายามเจาะภาคอีสานพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ตอบว่า เราไม่อยากแตะต้องพื้นที่ของพรรคอื่น แต่หลายครั้งเป็นเรื่องตกกระไดพลอยโจน เพราะนัดหมายนักการเมืองของพรรคหนึ่ง แต่จะมีนักการเมืองจากอีกพรรคมาร่วมพูดคุยด้วย ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะมีอดีต ส.ส.เข้าร่วมกี่คน เป็นใครบ้าง แต่ตอนนี้มีผู้พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มสามมิตรแล้วประมาณ 200 คน พวกเราเคยตั้งพรรคกันมาหลายครั้งจึงเห็นว่าไม่ควรตั้งพรรคใหม่อีก ส่วนจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่เราเชื่อว่าแนวทางนโยบายของรัฐบาลนี้สามารถต่อยอดได้

เย้ยดาวเคราะห์หนีไม่พ้นเงา

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ส่วนคะแนนความนิยมหากดูจากโพลตอนนี้ พรรคเพื่อไทยนำมาเป็นอันดับหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐตามขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เชื่อว่าความนิยมพรรคพลังประชารัฐอาจแซงหน้าพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไม่ให้ย้ายพรรค นายสมศักดิ์ตอบว่า คนที่เป็นดาวเคราะห์จะไม่กล้าออกจากพรรค เพราะไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่เหมือนคนที่เป็นดาวฤกษ์ ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรชัดเจนกับกลุ่มสามมิตรกว่านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ยืนยันว่ากลุ่มเราไม่เคยต่อรองผลประโยชน์ใดๆกับใคร เราไม่สงสัยในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ไม่ว่ากัน และการเดินสายของสามมิตรไม่ใช่การไปสัญญากับชาวบ้าน แต่ไปรับฟังปัญหาแล้วนำมาสะท้อนถึงรัฐบาล เราไม่เคยสัญญาว่าจะให้

เหน็บปูพรมด้วยกลีบกุหลาบ

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่าไม่รู้จักกลุ่มสามมิตร คาดว่าแค่พูดให้ดูดี เพราะคนเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจต่อไปไม่สิ้นสุด แกนนำกลุ่มสามมิตร หรือกลุ่มสามโบสถ์ เป็นที่รับรู้กันว่าประสานอย่างใกล้ชิดกับพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำ คสช. ขนาดนาย ไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตรยังประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่ง ส.ส. 200 คนขึ้นไป กลุ่มสามโบสถ์ก็บอกว่าจะได้ ส.ส.ไม่น้อย 200 ที่นั่ง สภาผู้แทนราษฎรมี ส.ส. 500 คน ถ้าเป็นไปตามนั้นจะมี ส.ส.หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ กว่า 400 คนแล้ว ไม่นับของตาย ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.อีก 250 คน พล.อ.ประยุทธ์จึงนอนมาแบบไม่ต้องสงสัย ขอให้ท่านสบายใจได้ว่าหนทางการสืบทอดอำนาจของท่านนั้น ดูเหมือนโรยไปด้วยดอกกุหลาบแล้ว

ผบ.เหล่าทัพใหม่สานต่อได้

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะสมาชิก คสช. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ชี้แจงในประชุม คสช.ว่า การดูแลงานด้านความมั่นคงต่อจากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง ผู้บัญชาการเหล่าทัพใหม่จะสานต่องานได้ และที่ประชุมยังพูดคุยเรื่องการผ่อนคลายล็อกให้พรรคการเมือง แต่ให้รอความชัดเจนจาก พล.อ.ประวิตร เชื่อว่าช่วงปลายเดือน ก.ย.จะชัดเจน หากทุกอย่างได้ข้อยุติแล้วก็จะมีการประกาศในทันที ว่าฝ่ายการเมืองสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง

เด้ง “รมย์สิทธิ์” เพื่อเหมาะสม

อีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า ไม่ใช่ปลด พูดแบบนั้นเสียหาย เป็นการปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ได้มีความผิดอะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ไม่มีความผิดอะไร การปรับย้ายไม่ใช่ว่าทุกคนต้องมีความผิด บางครั้งเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ เราไม่ได้ไปรังแกเพื่อจะเอาคนนั้นคนนี้เข้ามา แต่วันนี้รัฐบาลพยายามทำให้ทุกคดี ทุกๆเรื่องเข้าสู่กระบวนการการตัดสินให้ครบสมบูรณ์ เนื่องจากบางครั้งเกิดความล่าช้าเกินเหตุ

ปัดจัดแถวบิ๊ก ขรก.รับเลือกตั้ง

นายกฯกล่าวอีกว่า การปรับย้ายทุกกระทรวงหลักเกณฑ์เดียวกันหมด ล่าสุดการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด มีคณะกรรมการพิจารณาเสนอขึ้นมาตามขั้นตอน ไม่ใช่รัฐมนตรีไปชี้ใครได้ ปรับย้ายเพื่อความเหมาะสม หรือบางส่วนอาจไม่เหมาะสมแต่มีตำแหน่งว่างจำเป็นต้องปรับไปก่อน แต่พอถึงระยะเวลาหนึ่งต้องปรับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เมื่อถามว่าต้องพิจารณาถึงสถานการณ์บ้านเมืองด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือการเลือกตั้ง สื่อชอบมองเป็นการเมืองทุกเรื่องเลย

“วิษณุ” รับมีช่องร้องศาลปกครอง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุการย้าย พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กรณีที่ระบุว่าสาเหตุอาจมาจากมีการส่งข้อมูลฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนั้น ตนไม่ทราบ ไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่าหากอดีตเลขาธิการ ปปง.รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ออกจากตำแหน่งโดยมาตรา 44 ไม่ใช่การโยกย้ายธรรมดาทั่วไป ยังนึกไม่ออกว่าจะไปร้องอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าคำสั่งมาตรา 44 ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง สามารถร้องศาลปกครองได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวยอมรับว่าเป็นคำสั่งทางการปกครอง ถ้าจะร้องต้องไปร้องที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือ ก.พ.ค.ก่อน เมื่อ ก.พ.ค.ชี้มาแล้ว จึงค่อยไปที่ศาลปกครอง

“องอาจ” เตือนอย่ารับใช้อำนาจ

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการใช้มาตรา 44 รวมถึงการโยกย้าย พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ครั้งนี้ ไม่มีการบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร การเด้งบุคคลที่เพิ่งแต่งตั้งไปไม่นาน คงต้องติดตามว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ส่วนการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดจะปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับเหตุผลทางการเมืองหรือไม่ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าผู้ว่าฯเหล่านี้ทำงานเพื่อสนองผู้มีอำนาจหรือไม่ ผู้ว่าฯที่ได้รับแต่งตั้งคงตระหนักถึงการทำเพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน หากทำเพื่อผลทางการเมืองคงถูกจับตา เพราะเป็นระยะเวลาเข้าสู่โหมดปลดล็อกทางการเมือง และเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง การดำเนินการใดๆของผู้ว่าฯ ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช่ทำหน้าที่ไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะผู้มีอำนาจในปัจจุบัน อาจมีส่วนทำงานทางการเมืองในอนาคต

มท.เร่งเครื่องไทยนิยมโค้งท้าย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า ขณะนี้กำลังเร่งขับเคลื่อนโครงการตามพื้นที่ต่างๆในโค้งสุดท้าย โดยส่งคณะทำงานลงพื้นที่กว่า 8 หมื่นหมู่บ้าน รับฟังความเห็น เพื่อดำเนินโครงการให้ตรงกับความต้องการประชาชนมากที่สุด ที่ผ่านมามีโครงการประสบความสำเร็จไปแล้วหลายเรื่อง อาทิ การส่งเสริมการผลิตยาจากสมุนไพรให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถส่งออกไปต่างประเทศ สร้างรายได้กว่าปีละ 1,000 ล้านบาท การส่งเสริมปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ โดยเฉพาะไม้มีค่า ต่อยอดฝึกอบรมอาชีพตามโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ติดตามผู้ติดยาเสพติด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ติดยาเสพติดให้ดีขึ้น

เน้นแก้ปัญหาตรงความต้องการ

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า โครงการดังกล่าว รัฐบาลคิดเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาพปัญหาแต่ละพื้นที่ อาทิ ปัญหาปากท้อง การประกอบอาชีพ เน้นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาชุมชน มีการประเมินความเดือดร้อนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด คณะทำงานจะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันทั้งระดับประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ภายใต้การวางนโยบายของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ที่มีนายกฯเป็นประธาน โดยดำเนินการพร้อมกันทุกตำบลทั่วประเทศ 81,151 ชุมชน มีผู้ว่าราชการจังหวัดนำทีม ทำงานร่วมกับนายอำเภอ ข้าราชการ ปราชญ์ชาวบ้าน รัฐบาลทราบดีว่าแต่ละท้องถิ่นมีความต้องการแตกต่างกัน การแก้ปัญหาที่ตรงจุดจึงต้องเริ่มที่การรับฟังประชาชน

กห.กระตุ้นประเทศรับภัยมั่นคง

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธานเปิดงาน “KICK-OFF การเตรียมการจัดทำแผนแม่บทรองรับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง” มี พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ชัยชาญกล่าวว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ปัจจุบันความมั่นคงสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น อาทิ ภัยพิบัติตามธรรมชาติที่นับวันรุนแรงมากขึ้น การย้ายถิ่นฐานอย่างไม่ปกติของประชากร ความมั่นคงด้านไซเบอร์ การก่อความไม่สงบ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราจำเป็นต้องพัฒนาประเทศให้มีความพร้อมในการเผชิญภัยทุกประการ

ป.ป.ช.จ่อฟันคดี 396โรงพักก่อนสิ้นปี

วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ และคดีกล่าวหาทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่า ทั้งสองคดีมีความคืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุด ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มไปแล้วหลายราย อยู่ระหว่างให้โอกาสผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่วนจะสาวถึงนักการเมืองหรือไม่ ขอให้คณะ

อนุกรรมการไต่สวนสรุปประเด็นก่อน

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 คดีไปแล้วเมื่อต้นเดือน ก.ค. โดยผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาบางรายอยู่ในระดับฝ่ายนโยบาย หลังพบมีมูลเพียงพอ และให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงในระยะเวลาที่กำหนด มีผู้ถูกกล่าวหาบางรายขอขยายเวลาการชี้แจง โดยอ้างว่าต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ป.ป.ช.อนุมัติให้ขยายเวลาถึงปลายเดือน ส.ค.นี้ นอกจากนี้มีผู้ถูกกล่าวหาบางรายที่ ป.ป.ช.จะเชิญตัวมาชี้แจงด้วยวาจา บางรายประสานนัดวันที่จะเข้ามาให้ถ้อยคำเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคดีดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

“เทือก” เตรียมโร่แก้ข้อหา 20 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนคดีการทุจริตอนุมัติ ทั้ง 2 โครงการ มีชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เป็นผู้ถูกแจ้งข้อหาทั้ง 2 คดี และมีผู้ถูกกล่าวหาอีก 16 คน ส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการตรวจจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง บางส่วนได้แก้ข้อกล่าวหามาเป็นลายลักษณ์อักษร บางส่วนขอขยายเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในส่วนนายสุเทพได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษรต่อ ป.ป.ช.แล้ว และยังขอเข้าให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช.ด้วยตัวเอง ช่วงบ่ายวันที่ 20 ส.ค.นี้ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ป.ป.ช.เคยมีมติไปก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ขณะที่นายสุเทพให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ให้ทนายความนัดไปชี้แจง ป.ป.ช. วันที่ 20 ส.ค.นี้ ที่ผ่านมาเคยได้ชี้แจงไปแล้ว 2 ครั้ง ไม่หนักใจเพราะยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ทำผิดอะไร

“ประวิตร” หลุดที่ปรึกษา คตช.

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2561 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง มีเนื้อหาปรับเปลี่ยน คตช. โดยคณะกรรมการ คตช.ชุดใหม่ที่เพิ่มเข้ามา อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ เป็นรองประธาน คตช. นายถวิล เปลี่ยนศรี นายประยงค์ ปรียาจิตย์ เป็นกรรมการ ส่วนรายชื่อที่หลุดออกไป อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

ยืนโทษคนฉีกบัตรประชามติ

ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ 5952/2559 ที่พนักงานอัยการพระโขนง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปิยรัฐ จงเทพ นายกสมาคมเพื่อเพื่อน นายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ และนายทรงธรรม แก้วพันธุ์พฤกษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานทำลายเอกสารราชการ ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย และผิด พ.ร.บ.การออกเสียงร่างประชามติฯ กรณีที่นายปิยรัฐฉีกบัตรลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่คูหาลงคะแนนเขตบางนา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2559 มีนายทรงธรรม กับนายจิรวัฒน์ เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอการฉีกบัตร

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายปิยรัฐ 2 เดือนปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 วันนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้ง 3 คนร่วมก่อความวุ่นวายในเขตการเลือกตั้ง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 คน คนละ 6 เดือน จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 4 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี โดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายจำเลย กล่าวว่า จำเลยทั้ง 3 ยืนยันว่าจะยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อ