ต้านนั่ง ปธ.อาเซียน ฉะ สนช.แก้ ก.ม.กกต.จ่อโละผู้ตรวจการ ลต.
“บิ๊กตู่” ตบะแตก บูด “จาการ์ตาโพสต์” ขวางนั่งประธานอาเซียน พาล สื่อไทยตั้งคำถามเสี้ยม 36 สนช.เดินเกมแก้ ก.ม.ลูก กกต.โละทิ้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง “มหรรณพ” หัวหอก อ้างเปลี่ยนหัวแล้วต้องเปลี่ยนแขน-ขาด้วย “ครูหยุย” จวก กกต.ทำน่าเกลียด “พรเพชร” รีบแจงอยู่บนเหตุผลกฎหมาย เผยหวังโละยกก๊วน “วิษณุ” ชี้ช่องมีทางออกอีกเยอะ “บุญส่ง” ลั่นทำถูกระเบียบไม่ทบทวน กรธ.ซัด สนช.ทำเข้ารกเข้าพง “เสี่ยตือ” จี้ต่อมสำนึกดูดน้ำลายที่ถ่มไปละอายคนบ้าง “วิรัตน์” ดักคอจิ้มเลือกใหม่อย่ามุบมิบทำ “มาร์ค” จัดกลุ่มการเมืองสามก๊กรับฐานใหญ่ “ทักษิณ” ยังแน่น “ปลอด” อวย “หม่อมเต่า” เพื่อนรักขอให้สมหวัง “วรชัย” เย้ย “เทือก” ปักธงสุราษฎร์ฯได้ก็บุญหัว ส่ง “ชวน” เข้ารามาฯอาหารเป็นพิษ
โรดแม็ปเลือกตั้งยังไร้อนาคต ล่าสุดสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 36 คน เตรียมเสนอร่างขอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากประเด็นปัญหา การคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบัน
“บิ๊กตู่” บูดใส่สื่ออินโดฯจุ้นจ้าน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก-รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างให้โอวาทคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาไทยที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ปีหน้าเราจะเป็นประธานอาเซียน แต่ยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นรัฐบาล เพราะการประชุมอาเซียนจะเกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้ง ดังนั้นอย่ามากังวลอะไรกับตนว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็นรัฐบาล ไม่ต้องมาต่อต้านในวันนี้ คนที่ต่อต้านก็เขียนกันไปเรื่อย การประชุมอาเซียนจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ตามวาระใครจะเป็นรัฐบาลเป็นอีกเรื่อง ขออย่าเอามาปนเปกัน เพราะถ้าเราสามารถสร้างความเข้มแข็งในอาเซียน และกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงได้จะเป็นเรื่องดี
...

เม้งแตกจาการ์ตาโพสต์แค่สื่อ
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดถึงกรณีจาการ์ตาโพสต์ วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นรัฐบาลรัฐประหารไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานอาเซียน ว่า “จะชี้แจงทำไม ชี้แจงอะไร ชี้แจงกับใคร คนที่ออกมาวิจารณ์คือใคร จาการ์ตาโพสต์คือใคร เป็นประเทศอินโดนีเซียหรือ ประเทศอินโดฯเป็นผู้พูดหรือรัฐบาลอินโดฯพูด ถ้าเป็นแค่สื่อก็ต้องไปชี้แจงกันเอง ไม่เกี่ยวกับผม สื่อคือสื่อจบ ขอคำถามเรื่องอื่น”
พาลสื่อไทยตั้งคำถามเสี้ยม
เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้ขยายความคำพูดที่ว่ายังไม่รู้ใครจะเป็นรัฐบาล เพราะต้องเป็นประธานอาเซียนหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ประเทศไทยมีความตั้งใจจัดการประชุมอยู่แล้ว สื่อไม่อยากให้มีการประชุมอาเซียนหรือ ถ้าอยากให้มีก็อย่าต่อความยาวสาวความยืด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เป็นเรื่องของคนบางคน เรื่องของสื่อบางสื่อ ต้องไปดูเจตนาว่าเขาเขียนเพื่ออะไร แล้วเราจะไปเป็นเครื่องมือให้เขาทำไม ผมถามหน่อยว่าที่ตั้งคำถามขึ้นมานี้แล้วมันได้อะไร” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังแสดงอารมณ์หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด โดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ขอคำถามอื่น มีคำถามอะไรอีกไหมที่จะสร้างความขัดแย้งได้อีกว่ามา”
จะคำนับหรือไม่อยู่ที่ให้เกียรติกัน
เมื่อถามถึงกรณีกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 จัดทำใบลงทะเบียนสำหรับช่างภาพสื่อมวลชนมีข้อกำหนดเกี่ยวกับมารยาทในการถ่ายภาพ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เรื่องคำนับหรือไม่คำนับผม เป็นเรื่องของท่าน ผมไม่ได้ดีใจหรือเสียใจกับการคำนับของทุกท่าน เพราะเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ขอบคุณ” จากนั้นจึงเดินเลี่ยงขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามไล่หลังว่าทำไมวันนี้อารมณ์ไม่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวโดยไม่หันกลับมาว่า “จะเป็นอะไร ก็เป็นของฉัน”

“ลุงป้อม” เดินเซ รปภ.รีบประคอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนำคณะนักกีฬาเข้าพบนายกฯ ระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เดินออกจากตึกสันติไมตรีทางประตูใหญ่ เดินสะดุดพื้นและเซเล็กน้อย ทำให้นายทหารติดตามต้องรีบวิ่งมาประคอง แต่เมื่อ พล.อ.ประวิตรสามารถพยุงตัวได้ก็เดินไปเองจนถึงรถ เมื่อผู้สื่อข่าวสวัสดีทักทาย พล.อ.ประวิตรได้แต่รับไหว้พร้อมโบกมือให้ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆและขึ้นรถออกไปทันที

“พรเพชร” รับมีผู้เสนอแก้ ก.ม.กกต.
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากสมาชิก สนช.จำนวนหนึ่ง ประสงค์เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับประเด็นว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด เนื่องจากเห็นว่าการกำหนดให้ กกต. สามารถออกระเบียบเพื่อเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งได้เอง อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน จึงควรบัญญัติไว้ในกฎหมายลูกให้ชัดเจน เพราะเมื่อ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่อาจมีการแก้ไขระเบียบอีก จึงแจ้งสมาชิก สนช.ไปว่ากระบวนการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องดำเนินกระบวนการใน 2 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1.การรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 และ 2.การส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มองว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายลูกดังกล่าวไม่น่าเกี่ยวกับตัวบุคคล แต่อยู่บนเหตุผลกฎหมาย
ห่วงเฟ้นผู้ตรวจการฯไม่รัดกุม
นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช. ในฐานะผู้รวบรวมรายชื่อ สนช. เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. กล่าวว่า สาระสำคัญที่เสนอแก้ไขคือ การเพิ่มมาตรา 28/1 กำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกบุคคล มาทำหน้าที่คัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง แทนการให้ กกต.ไปออกระเบียบคัดเลือกเอง เนื่องจากสนช.หลายคนห่วงใยว่าการคัดเลือกอาจหละหลวม ไม่รอบคอบรัดกุมเพียงพอ เพราะระเบียบ กกต.สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย อาจเป็นช่องว่างให้ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมืองได้ในอนาคต จึงควรกำหนดที่มาให้ชัดเจนไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. สำหรับโครงสร้างคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง มี 7 คน ประกอบด้วย 1.ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน 2.หัวหน้าผู้พิพากษาจังหวัด 3.หัวหน้าสำนักงานอัยการจังหวัด 4.ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 5.ประธานหอการค้าจังหวัด 6.ประธานอุตสาหกรรมจังหวัด 7.ผอ.กกต.จังหวัด ทำหน้าที่คัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งอย่างน้อย 16 คนต่อจังหวัด เพื่อส่งต่อให้ กกต.คัดเลือกให้เหลือ 8 คนต่อจังหวัด
เปลี่ยนหัวต้องเปลี่ยนแขนขา
นายมหรรณพกล่าวต่อว่า กรณี กกต.ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเปลี่ยนแปลงหัวแล้ว ควรเปลี่ยนลำตัว แขน ขาด้วย ไม่ใช่เอาหัวมาสวมอย่างเดียว และอาจเกิดปัญหาความไม่เป็นเอกภาพในการทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ได้รับคัดเลือกจาก กกต.ชุดปัจจุบันไม่ดี แต่ต้องการให้เกิดความชัดเจน รัดกุม ไม่มีเจตนาต้องการล้มอะไร ผู้ผ่านการคัดเลือกจาก กกต.ชุดปัจจุบัน มีสิทธิกลับมาดำรงตำแหน่งได้ หากผ่านตามเงื่อนไขใหม่ได้ แต่หากรัฐบาล หรือ กกต. เห็นว่ามีทางออกอื่นที่ดีกว่าก็ยอมรับ ไม่ได้ดันทุรังว่าต้องเอาให้ได้ แค่เป็นห่วงว่าระเบียบเดิมที่ทำไปอาจเกิดปัญหาในอนาคต ทำด้วยความหวังดีไม่ได้มีใบสั่งจากใคร ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอขอแก้ไขอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77

“หยุย” จวก กกต.ทำน่าเกลียด
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. กล่าวว่า เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อขอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเพราะเห็นว่า กกต.ชุดปัจจุบันรีบร้อนตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยไม่รอ กกต.ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ คล้ายการโยกย้ายข้าราชการ กรณีรัฐมนตรีคนเดิมกำลังจะหมดวาระ รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาไม่มีส่วน เกี่ยวข้อง ตรรกะที่เกิดขึ้นจึงเห็นว่าการกระทำของ กกต.ชุดปัจจุบันน่าเกลียด เมื่อพูดถึงมารยาทแล้วไม่ควรทำ ควรรอ กกต.ชุดใหม่มาดำเนินการสิ่งที่ สนช. ทำไม่ใช่การแทรกแซงอำนาจ กกต.ชุดปัจจุบัน แต่อย่างน้อยควรดึงไว้หน่อย อย่างไรก็ตาม ในที่สุดร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้อาจแก้ไขหรือออกมาบังคับใช้ไม่ทันการเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งก็ได้ เพราะยังมีหลายขั้นตอน ทั้งการเสนอไปยัง ครม. และรอให้ กกต.เสนอร่างกฎหมายมาประกบ รวมถึงกระบวนการรับฟังความเห็นประชาชน กว่าจะสำเร็จคงตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งครบทั้งประเทศแล้ว
โละยกก๊วนอิงการเมืองมากไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ล่าสุดมี สนช. เข้าชื่อเสนอขอแก้ไขทั้งหมด 36 คน เป็น สนช.สายพลเรือนทั้งหมด ไม่มีสายทหารร่วมลงชื่อ เพื่อให้เห็นว่าไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นแกนนำรวบรวมรายชื่อ และมี สนช. อาทิ นายกล้านรงค์ จันทิก นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ร่วมลงชื่อ เพราะเห็นว่ากระบวนการคัดเลือกยังไม่รัดกุม โดยแนวทางแก้ไขจะไปเพิ่มเติมในบทเฉพาะกาล ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ กกต.ชุดปัจจุบันสรรหาไว้แล้วให้พ้นสภาพไป และให้ดำเนินการสรรหาใหม่ตามกระบวนการที่นายมหรรณพนำเสนอซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเห็นสอด คล้องด้วย ส่วนหนึ่งเนื่องจากรายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ กกต.ชุดปัจจุบันเห็นชอบขณะนี้ ส่วนใหญ่ถูกมองว่าอิงกับฝ่ายการเมืองบางขั้วมากเกินไป
โพล สนช.หนุนแก้ล้นหลาม
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ www.senate.go.th ได้นำเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ฉบับที่ 36 ที่ สนช.เข้าชื่อเสนอแก้ไข มาลงในเว็บไซต์ให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 มีกำหนดรับฟังเป็นเวลา 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.-18 ส.ค. ผลสำรวจตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.-6 ส.ค. รวม 4 วัน มีผู้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นเกือบ 1,200 ครั้ง ปรากฏว่ามีผู้เห็นด้วยกับการแก้ไขเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ใน 6 คำถามที่มีการตั้งประเด็นให้ตอบ มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยเพียงไม่กี่เสียงเท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวได้ทดลองร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว พบว่าการเข้าไปตอบแบบสอบถามนั้น ไม่จำเป็นต้องกรอกชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน เพื่อยืนยันความมีตัวตน และจะเข้าไปตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นกี่ครั้งก็ได้ ไม่มีการจำกัด

“วิษณุ” ชี้ช่องมีทางไปอีกเยอะ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามระเบียบ กกต. สามารถสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งได้ ส่วนที่มีข่าวว่า สนช.จะไปแก้เรื่องดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องของ สนช. สามารถทำได้ แต่ต้องทำให้ถูกขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ จะแก้อย่างไรไม่ทราบ เข้าใจว่าคงไม่ได้แก้เรื่องคุณสมบัติ อาจแก้ไขวิธีการได้มา ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ไม่ขอวิจารณ์ ยืนยันไม่มีใบสั่งอะไรจากรัฐบาล เพราะถ้าจะมีใบสั่งสั่งห้ามคัดเลือกตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ เมื่อถามว่าหากแก้เรื่องวิธีการ ต้องโละชุดที่คัดเลือกมาแล้วทั้งหมดใช่หรือไม่ นายวิษณุย้อนถามว่า แล้วมันจะทันหรือไม่ เพราะมันมีกระบวนการจัดทำกฎหมาย เมื่อถามว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าชื่อที่ได้มาอาจไม่ถูกใจรัฐบาล นายวิษณุตอบว่า ยังไม่เห็นว่าใครเป็นใคร และ กกต.ต้องส่งชื่อไปให้จังหวัดพิจารณา ถ้ามีการคัดค้านว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียก็ต้องเอาออก ที่ กกต.ต้องเดินหน้าคัดเลือกเพราะกระบวนการมันยาว แต่ถ้ายังไม่เสร็จ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่จะเดินหน้าต่อ หรือล้มเพื่อสรรหาใหม่ก็ได้ ถ้าหวังผลแค่ระงับตรงนี้ ยังมีช่องทางอื่น หากจะแก้กฎหมายคงเป็นเรื่องอื่น เมื่อถามว่าต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ ยังไม่มีใครพูดอะไรในเรื่องนี้

“บุญส่ง” ยันทำถูกไม่ทบทวน
ขณะที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการ กกต. กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของสนช. แต่มองว่าไม่ว่าจะสรรหาอย่างไร ถ้าคุณสมบัติผู้สมัครผู้ตรวจการเลือกตั้ง และลักษณะต้องห้ามเหมือนเดิม ก็จะได้คนทำงานที่ไม่แตกต่างกัน เรื่องนี้ กกต.คงไม่ชี้แจงเหตุผลในการคัดเลือกครั้งนี้ไปยังสนช. ยืนยันว่าสิ่งที่ กกต.ชุดปัจจุบันทำไป ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากไม่ทำจะเกิดปัญหาได้ เมื่อถามว่ามีการอ้างเหตุผลว่าโครงสร้างการสรรหาผู้ตรวจการการเลือกตั้งอาจถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง นายบุญส่งตอบว่า การเมืองเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ เพราะหากผู้ตรวจการเลือกตั้งทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต มีอคติ หรือมีคนมาร้องคัดค้าน กกต.สามารถปลดออกจากตำแหน่งได้ทันที และหาก กกต.ชุดใหม่เห็นว่ามีปัญหาตามที่ระเบียบกำหนด สามารถเปลี่ยนได้ตามระเบียบที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ กกต.คงไม่ทบทวนเพราะทำมาโดยชอบตามระเบียบกติกาแล้ว

กรธ.ท้วง กกต.เปิดช่องเอาตัวรอด
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ไม่ได้กำหนดว่าต้องแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งเมื่อไร แต่ต้องให้มีก่อนประกาศ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ตามกฎหมายแล้ว กกต.ชุดปัจจุบันไม่ผิด แต่จะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่พิลึกพิลั่นอยู่ที่ท้ายประกาศของ กกต. ที่ระบุว่าหากใครพบรายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้งคนใดมีปัญหา ให้ยื่นเรื่องคัดค้านที่สำนักงาน กกต. ทำแบบนี้เท่ากับว่า กกต.ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ทางออกในส่วนนี้จึงควรแก้ไข ด้วยการที่ กกต.ต้องรับผิดชอบ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่คัดเลือกมาให้เรียบร้อย แล้วไม่ต้องเขียนเปิดช่องให้มีการร้องเรียน มิเช่นนั้น กกต.อาจเป็นผู้ถูกร้องเรียนจากการตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ครบถ้วนเอง
ซัด สนช.รื้อใหญ่ทำเข้ารกเข้าพง
นายชาติชายกล่าวต่อว่า ส่วนการเปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 77 จังหวัด ไม่เป็นปัญหา เป็นเรื่องความโปร่งใส การอ้างว่าต้องแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะผู้ได้รับคัดเลือกหลายรายมีความสัมพันธ์กับพนักงานในสำนักงาน กกต. และ กกต.ชุดปัจจุบันนั้น ต้องถามว่าหากแก้กฎหมายแล้ว อะไรจะเป็นหลักประกันว่าการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่จะไม่มีความเกี่ยวพันกับ กกต.ชุดใหม่ หรือ สนช.ชุดนี้ ถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไร ข้อเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อโละผู้ตรวจการเลือกตั้ง ถือว่าเข้ารกเข้าพงกันไปหมด ถ้าเขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติ จะไปหาเหตุอะไรมายกเลิกเขา ปัญหาดังกล่าวมีทางออก ไม่น่าถึงขั้นเสนอแก้ไขกฎหมาย

“ตือ” จี้ต่อมสำนึกละอายใจบ้าง
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การออกกฎหมายแต่ละครั้งควรคิดให้รอบคอบ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วต้องดูว่าผลนั้นทำให้เกิดปัญหา หรือมีอุปสรรคอะไรจึงมาแก้ แต่กฎหมายที่ยังไม่ทันได้ใช้ พอได้ตัว ผู้ตรวจการเลือกตั้งแล้ว กลับไปมองที่ตัวบุคคลมากกว่าหลักการ ถือว่าไม่สุจริตใจในการมองคนที่จะมาทำงาน ต่อให้แก้ไขกฎหมายอย่างไรคิดว่าคงไม่ตรงใจสนช. ในเมื่อออกกฎหมายมาเองยังไม่ทันใช้ แต่กลับมาแก้ไข เหมือนกำลังจะถ่มน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายที่จะถ่มลงพื้น ไม่รู้สึกขยะแขยงหรือ หากใช้ความรู้สึกนึกคิด อะไรก็ไม่ยุติธรรมทั้งนั้น อย่าคิดไปเองต้องใช้หลักการ นี่ยังไม่ได้ทำอะไรก็ไปคิดหวาดระแวง “ในเมื่อพวกคุณเขียนกฎหมายมาเอง ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เขียนลงไป อย่าเพิ่งติเรือทั้งโกลน อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ คนจะขบขันพวกคุณเสียเปล่า และอย่าเพิ่งก้มลงไปดูดน้ำลายที่ตัวเองถ่มลงไป จะอายคน”

“วิรัตน์” ดักคออย่ามุบมิบทำ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สนช.ต้องมีเหตุผลมาอธิบายกับการเสนอแก้กฎหมายดังกล่าว แก้เพราะของเดิมมีข้อบกพร่องใด แล้วของใหม่ที่ สนช.เสนอดีกว่าอย่างไร เพื่อป้องกันข้อครหาถึงความไม่ชอบมาพากล ข้อสำคัญคือต้องประกาศให้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบ ให้เข้ามาสมัครหลากหลายทุกกลุ่มอาชีพ เพื่อให้มีตัวเลือกจำนวนมาก และเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งที่เป็น กลาง มีประสิทธิภาพ และมีประสบการณ์ ต้องเปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดโต้แย้งคัดค้านของจังหวัดตนเองได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ กกต.ชุดเดิมประกาศรับรอง เชื่อว่าต้องมีคนดี มีความเป็นกลางอยู่จำนวนหนึ่ง ถ้าเลือกกันใหม่ต้องดีกว่าเดิม ไม่ใช่มีเสียงยี้มากขึ้น ยิ่งถ้ามีการมุบมิบซุบซิบกันทำ จะยิ่งลดความน่าเชื่อถือผู้ออกกฎหมายเอง

“มาร์ค” จัดกลุ่มการเมืองสามก๊ก
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการต้องถามกับอภิสิทธิ์ ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่การเมืองสามก๊ก คือ 1.พรรคการเมืองที่อิงอยู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 2.พรรคที่ตั้งขึ้นมา หรือแสดงท่าทีว่าพร้อมสนับสนุนผู้มีอำนาจคสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พรรคประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) 3.ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ แนวทางของคสช. หรือรัฐบาลชุดปัจจุบันหลายอย่างไม่สอดคล้องกับแนวคิดของเรา แต่การตัดสินใจของประชาชนมีความหมาย สมมติเอาหยาบๆ รัฐราชการกลุ่มหนึ่ง ระบอบทักษิณประชานิยมกลุ่มหนึ่ง กับประชาธิปัตย์เสรีประชาธิปัตย์อีกกลุ่ม ผลการเลือกตั้งออกมาจะรู้ว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางไหน เท่าไหร่ ถ้าผลเลือกตั้งออกมาไม่เด็ดขาด เป็นธรรมดาที่ต้องมาเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใครกับใคร ยังไม่เห็นประโยชน์กับการที่พรรคจะไปเป็นรัฐบาลกับใคร หากแนวทางที่พรรคนำเสนอต่อประชาชนไม่ได้รับการปฏิบัตินำไปใช้ ไม่ได้นำพาบ้านเมืองไปในทางที่เราอยากจะเห็น คิดว่าพรรคควรจะเป็นฝ่ายค้าน อย่าไปวิตกกังวลว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเราไม่ทราบตัวเลข
รับฐานใหญ่ “ทักษิณ” ยังแน่น
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า กรณีที่นายทักษิณระบุว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนถล่มทลายเหมือนหิมะถล่ม ว่า พรรคเพื่อไทยยังได้เปรียบ มีฐานเสียงแน่นในพื้นที่ซึ่งใหญ่ที่สุด คือภาคเหนือ ภาคอีสาน นายทักษิณมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์คุยและอยากจะคุย นายทักษิณพยายามจะบอกว่าฉันมีคะแนนเยอะ ฉันต้องได้เป็นรัฐบาล ดังนั้น อย่าไปไหน ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่าได้เป็นรัฐบาลแน่ มาอยู่กับเราเถอะ จึงบอกให้ประชาชนดูแล้วกัน ถ้านักการเมืองจะไปมีอำนาจต้องคิดให้ดี ไม่พูดถึงแนวทาง ไม่พูดถึงอุดมการณ์มันน่ากลัว แต่ไม่แน่ใจว่าประชาชนพร้อมจะเสี่ยงกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะยังไม่หลุดพ้นจากปัญหาเดิมๆ ส่วนเรื่องดูดนั้นอยากให้คนที่จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์คิดเรื่องทิศทางประเทศ ถ้าเราทำได้เราก็เป็นรัฐบาล และเราก็หวังว่าจะเป็นรัฐบาล และเราจะสู้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าแนวทางนี้ประชาชนไม่สนับสนุน เราทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่เราพึงยอมรับ

“ปลอด” อวย “หม่อมเต่า” สมหวัง
ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) “ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันต้องบอกว่า เวลคัมทูมายเวิลด์ คงได้พบกันในสนามการเมืองเร็วๆนี้ ขอให้เพื่อนประสบความสำเร็จ ขอให้ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลตามที่หวัง และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ได้เป็นนายกฯ เพราะอยากมีเพื่อนเป็นนายกฯ ม.ร.ว.จัตุมงคลเป็นคนฉลาด รอบรู้ มีความรักชาติ เชื่อว่าเมื่อตัดสินใจเข้ามาในสนามการเมืองแล้ว ย่อมต้องมีโอกาส เชื่อว่าอนาคตในทางการเมืองสดใสแน่นอน”

ไล่ไปทำพรรคตัวเองให้ดีก่อน
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล ระบุว่าจะไม่มีพรรคเพื่อไทยหลังเลือกตั้งนั้น เป็นผู้ใหญ่ไม่น่าพูดลักษณะนี้ ทำให้ดูไม่ดี ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ถามว่าจะมีการใช้วิธีที่ไม่ชอบมาพากลกันอีกหรือ แต่พรรคเพื่อไทยยังคงเดินไปตามกติกาและกฎหมาย หวังว่าหลังการเลือกตั้งจะยังคงมีพรรคของ ม.ร.ว.จัตุมงคลอยู่ เพราะขนาดนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมาด้วยกันยังขอถอนตัว ไม่ขอรับตำแหน่งเลยการพูดถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าจะย้ายออกไปตั้งพรรคใหม่นั้น เหมือนไปฟังข่าวลือมาพูดอีกที อยากให้ไปทำพรรคตัวเองให้ดี ทำนโยบายให้ถูกใจประชาชน เผื่อจะเจียดเอาคะแนนจากพรรคเพื่อไทยไปได้บ้าง

โต้ “เทือก” ปักธงสุราษฎร์ฯได้ก็บุญหัว
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ ม.ร.ว.จัตุมงคลระบุว่า อนาคตพรรคเพื่อไทยมืดมนนั้น ประชาชนเห็นชัดว่าการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกอาชีพประสบความยากลำบาก แล้วจะมีคนอาชีพไหนหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น พรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์จะมีประชาชนกลุ่มไหนเลือก ม.ร.ว.จัตุมงคลเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ จะชนะเลือกตั้งได้อย่างไร จะเอาคะแนนมาจากไหน ไม่ได้ปรามาสแม้แต่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ชนะทั้งหมด ได้ 3 เขตก็บุญแล้ว รวมทั้งจังหวัดได้ไม่เกิน 5 คน
ท้า “ประยุทธ์” วัดกันลูกผู้ชาย
นายวรชัยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยถูกยุบมาหลายครั้ง ประชาชนยังศรัทธา คนย้ายจากเพื่อไทยมีบทเรียนคือสอบตก คนเก่าชนะเกือบทุกเขต ดังนั้นไม่มีทางถูกดูดหมด อย่างมากไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ จะถูกดูด เพราะปัญหาเรื่องคดี บางคนถึงต้องแบ่งรับ แบ่งสู้ แต่ถึงจะมีคนออกไปก็มีคนเข้ามาแทน เพื่อไทยชนะทุกครั้ง หากนโยบายเปิดออกมาประชาชนต้องบอกว่าใช่เลย เพราะเตรียมคิดเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แม้ พล.อ.ประยุทธ์เดินสายหาเสียง เปิดทางให้พวกสนับสนุนขับเคลื่อนอยู่ข้างเดียว เพื่อไทยยังไม่มีโอกาสทำอะไร แต่ขอให้มาวัดกันอย่างสุจริต อย่างลูกผู้ชายชายชาติทหาร อย่าโกง ขอแค่นี้แล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ

“เรืองไกร” ยื่นค้านอังกฤษส่งตัว “ปู”
ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือและหลักฐานคัดค้านกรณีรัฐบาลไทยส่งหนังสือถึงรัฐบาลอังกฤษ ขอให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ต่อเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยมีนายดาเนียล ฟีลเลอร์ รองหัวหน้าฝ่ายการเมืองฯเป็นผู้แทนรับหนังสือดังกล่าว นายเรืองไกรกล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถขอให้รัฐบาลอังกฤษส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับดำเนินคดีในประเทศไทยได้ เพราะคดีความที่เกิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ล้วนมีที่มาจากประเด็นทางการเมือง จากฝ่ายที่ยึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการสกัดไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เล่นการเมืองอีก การยกข้ออ้างสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็มีปัญหา เพราะพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ใช้ในการขอตัวนั้น ตราขึ้นโดยองค์ประชุมของ สนช.ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการตรากฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

พราหมณ์ นปช.ชี้ดวง “จตุพร” ดีขึ้น
อีกเรื่อง พราหมณ์ศักดิ์รพี พรหมชาติ ประธานนปช.สกลนคร หรือพราหมณ์เสื้อแดง กล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และแกนนำ จะเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องคนเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขังตามที่ต่างๆพร้อมกัน ยืนยันว่าไม่มีนัยทางการเมือง ตั้งแต่นายจตุพรออกมาจากเรือนจำ ได้เน้นย้ำแล้วว่าจะไม่จัดรายการทางช่องพีซทีวี เพื่อไม่ให้บางหน่วยงานนำมาเป็นข้ออ้างหาเหตุมาปิดพีซทีวีอีก ช่วงปีที่แล้ว นายจตุพรถูกคุมขัง ถือว่าดวงตกต่ำอย่างที่สุดไปแล้ว ในอีก 5 ปีนี้ดวงจะดีขึ้นเรื่อยๆ และจะดีมากตอนเข้าปีที่ 6 ได้แนะนำให้นายจตุพร ทำบุญ 9 วัด ปล่อยนกปล่อยปลา สร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณกุศล จะช่วยเรื่องดวง
หาม “ชวน” ส่ง รพ.อาหารเป็นพิษ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กำลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับคนใกล้ชิดอยู่ที่พรรค ปรากฏว่าเกิดอาการมึนหัว อาเจียน และท้องเสียอย่างหนัก จึงรีบนำตัวส่ง รพ.รามาธิบดี หลังจากแพทย์ตรวจอาการและวินิจฉัยพบว่า มีภาวะอาหารเป็นพิษแต่ไม่มีไข้ โดยแพทย์ให้น้ำเกลือและเจาะเลือดไปตรวจ ขณะนี้นายชวนยังคงนอนรักษาตัวที่อาคารศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ มีเพียงผู้ติดตามเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ในภาพรวมอาการไม่น่าเป็นห่วง สาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากการปฏิบัติภารกิจอย่างหนัก ทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อย

“ศรีสุวรรณ” จี้เบรกทีโออาร์ รฟท.
ที่ศูนย์บริการประชาชน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ขอให้ทบทวนและแก้ไขทีโออาร์ โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ส่อมีการทุจริต โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังเดินหน้ารับการประมูลซึ่งจะเกิดความเสียหาย เพราะในทีโออาร์มีการแบ่งที่ดินของการรถไฟบริเวณมักกะสันจำนวน 150 ไร่ ให้เอกชนเพื่อเอื้อประโยชน์ในการทำระบบรางโดยราคาที่ดินตารางวาละ 600,000 บาท ทั้งที่บริเวณใกล้เคียงซื้อขายตารางวาละ 1.8 ล้านบาท อาจทำให้รัฐเสียประโยชน์มากกว่า 84,000 ล้านบาท จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยและปลดรักษาการผู้ว่าฯ รฟท.และหากนายกฯยังเพิกเฉย ตนจะร้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบและศาลปกครอง
“บิ๊กฉัตร” ฟ้องเว็บไซต์บิดเบือน
ที่ บก.ปอท. นายปัณมาสน์ อร่ามเรือง รับมอบอำนาจจากนายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ณัฐไชยเฉลิม วงศ์ใหญ่ รอง สว.สอบสวน กก.3 บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารในเครือบริษัท ผู้จัดการ 360 จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 และความผิด ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นายปัณมาสน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. เว็บไซต์ในคอลัมน์ “ข่าวปนคน คนปนข่าว” เผยแพร่เนื้อข่าววิจารณ์การทำงานของ คสช.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย และโครงการรับซื้อเรือคืนของ พล.อ.ฉัตรชัย ในฐานะประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหา IUU ซึ่งมีเจตนาหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีข้อมูลบิดเบือน อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ โดยพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบหลักฐาน

มอบ 3 ล. ช่วยน้ำท่วมเมียนมา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. มอบสารแสดงความเสียใจและเงินช่วยเหลือแก่ อู-มโย-มยินตาน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในนามประชาชนและรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจต่อสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของเมียนมา เบื้องต้นไทยมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 3 ล้านบาท ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และจะหารือ ครม.เพื่อพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือต่อไป