"สุภรณ์" ลั่นอาสาเป็นตัวกลาง สลายสีเสื้อขจัดความขัดแย้งในโคราช ชี้ "บิ๊กตู่" เหมาะสมนั่งหัวหน้า "พลังประชารัฐ" พร้อมหนุนเต็มที่นั่งนายกฯต่อ ถ้ามาตามกติกาประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.61 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนได้ไปขอถอนคำสาบาน ขออนุญาตย่าโมกลับมาทำงานทางการเมืองแล้วก็รู้สึกสบายใจ และสิ่งที่ตนเองมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งแรก คือเรื่องการสลายสีเสื้อ สลายความขัดแย้ง โดยในระดับจังหวัดนครราชสีมา ตนเองได้คุยกับ นายจักริน เฉิดฉาย ประธาน กปปส.นครราชสีมาแล้ว ก็มีความเห็นตรงกันว่า ถึงเวลาที่โคราชจะต้องมีความเป็นเอกภาพ โดยทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และฝ่ายการเมือง จะมาร่วมมือกันวางแผนในการพัฒนาเมือง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในทุกด้าน เพื่อพัฒนาเมืองโคราชให้น่าอยู่น่าอาศัย โดยตนจะอาสาเป็นผู้ประสานงานกับทุกกลุ่มเพื่อผลักดันแผนการพัฒนาเมืองทั้งระยะสั้น ระยะยาว และแผนเร่งด่วนให้เกิดขึ้นให้ได้ แล้วนำเสนอต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในฐานะเป็นชาวโคราชด้วยกัน เพื่อผลักดันให้มีการสนับสนุนงบประมาณลงมาสู่จังหวัดของเราต่อไป ณ วันนี้ตนยืนยันได้ว่าคนโคราชมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีสีเสื้ออีกต่อไปแล้ว ส่วนความปรองดองในระดับชาตินั้น ตนก็จะขออาสาไปพบกับกลุ่มต่างๆเพื่อนำข้อมูลความต้องการมาเสนอต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หาแนวทางสร้างความปรองดอง ความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองต่อไป
เมื่อถามถึงครบรอบ 5 ปี ในการเข้ามาทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.เป็นอย่างไร นายสุภรณ์ฯ กล่าวว่า ตนเองชอบรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล้าตัดสินใจพัฒนาโครงการใหญ่ๆ เช่น การคมนาคมและโครงการบัตรสวัสดิการของรัฐ ซึ่งประชาชนมีความพึงพอใจมาก แต่สิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไข คือ ราคาพืชผลทางการเกษตรซึ่งถ้าผลผลิตทางการเกษตรมีราคาที่เป็นธรรมกว่านี้ ตนเชื่อว่าความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะดีขึ้น แต่ขณะนี้ก็มีแนวโน้มในทางที่ดี เช่น ราคาข้าว ราคามันสำปะหลัง ก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะต้องมีแผนและมาตรการระยะยาวที่เป็นระบบ สามารถทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกร มีราคาที่เป็นธรรมและคุ้มกับการลงทุน เมื่อประชาชนมีรายได้ มีเงินเก็บ บ้านเมืองก็จะเดินหน้าต่อไปได้
...
ส่วนที่มีการถามว่า การเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จะชัดเจนภายในเดือน ส.ค.61 นี้หรือไม่ นายสุภรณ์ กล่าวว่า ตนเองก็รอความชัดเจนของพรรคพลังประชารัฐว่า จะเปิดรับสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ และจะมีการปรับโครงสร้างของพรรคและตำแหน่งต่างๆ ภายในพรรคจะประกอบด้วยบุคคลใดบ้าง และที่สำคัญนโยบายพรรคที่จะใช้หาเสียงจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ทุกกลุ่มทุกอาชีพอย่างแท้จริง ถ้าพรรคเปิดรับสมาชิกเมื่อไหร่ตนก็จะไปสมัครเป็นคนแรกทันที
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสุภรณ์ กล่าวว่า บุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนเดียวกันกับบุคคลที่พรรคจะเสนอให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งตนเองจะสนับสนุนเต็มที่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาตามกติกาของระบอบประชาธิปไตย คือ ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งจึงจะเกิดความสง่างาม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย