“บิ๊กป้อม” จี้ เร่งแก้ปัญหาของเสียอันตรายตกค้างชุมชน และขับเคลื่อนแนวทางจัดการพื้นที่สีเขียวของเมืองอย่างยั่งยืน ตามนโยบายรัฐบาล
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ณ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและการก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมและการขนส่ง สู่การเป็นศูนย์กลางอาเซียน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้ร่วมพิจารณาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการสำคัญและให้ความเห็นชอบ โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และโครงการโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุข และทางพิเศษศรีรัชวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร
จากนั้น ได้ร่วมพิจารณา ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ออกตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2 ฉบับ ที่ให้ความสำคัญกับ กิจการหรือการดำเนินการใด ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย หรือส่วนได้ส่วนเสียสำคัญของประชาชน ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ต้องทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งประกาศดังกล่าว จะช่วยปิดช่องว่างไม่ให้เกิดกิจการผิดกฎหมายที่กระทบกับสิ่งแวดล้อม หรือ หากมีต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น โรงงานกำจัดหรือกิจการคัดแยกขยะทุกชนิด
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณา แนวทางขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ชุมชนเมืองมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมาย พื้นที่สีเขียวสาธารณะในภาพรวมของประเทศไม่น้อยกว่า 15 ตร.ม./คน ในเขตเมืองและชุมชน และในเมืองใหญ่ ต้องมีพื้นที่สีเขียวต่อการใช้ประโยชน์ที่ดิน ร้อยละ 15, เมืองขนาดกลาง ร้อยละ 20 และเมืองขนาดเล็ก ร้อยละ 25 ซึ่งจะช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนเมืองและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน
...
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ขอให้นำเรื่องที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอ ครม. และได้ย้ำ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งตรวจสอบ กำกับติดตาม และแก้ปัญหาเร่งด่วนกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่ยังกำจัดไม่หมดและมีตกค้างในชุมชน เช่น กากของเสียอุตสาหกรรม ขยะติดเชื้อจากสถานพยาบาล รวมทั้งขอให้เร่งรัดขับเคลื่อนการคัดแยกของเสียอันตรายจากชุมชน จากขยะทั่วไป โดยให้สร้างการตระหนักรู้ จิตสำนึกและหน้าที่ให้ทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันเรียนรู้และบริหารจัดการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนร่วมกัน