พลิกล็อก หักปากกาเซียน
ก่อนที่จะมีการเลือกประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนใหม่ ช่วงโหมโรงก็มีประเด็นขึ้นมา 2 กรณี
กรณีแรก คือ สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นออกมา 2 ลักษณะ คือ ทำได้เนื่องจากไม่ขัดกับ ม.12 เนื่องจากมี กกต.แล้ว 5 คน ซึ่งมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แล้ว
อีกความเห็นหนึ่งบอกว่า ทำไม่ได้ ขัดกับ ม.12 เพราะองค์ประกอบไม่ครบ ต้องมี กกต.จำนวน 7 คน จึงจะทำได้
โดยอ้างว่า ที่ ม.12 กำหนดให้ กกต. 5 คน สามารถเลือกประธาน กกต.ได้นั้น ต้องหมายถึงว่ามี กกต.ครบ 7 คนแล้ว
แต่อาจจะมีปัญหาตรงนี้ จำนวน กกต.ไม่ครบ 7 คน จากเหตุใดก็แล้วแต่ เช่นว่าลาออกไป หรือพ้นจากตำแหน่ง ทำให้มี กกต.ไม่ครบ 7 คน เหลือ 5 คน จึงสามารถเลือกประธาน กกต.ได้
หากใช้จำนวน 5 คน ในลักษณะนี้อาจจะขัดต่อกฎหมายได้
เสียงคัดค้านที่เกิดขึ้นมาจาก สนช.บางคน นักกฎหมายบ้าง คนใกล้ชิดอำนาจบางคนบ้าง แต่ฝ่ายรัฐบาลและประธาน สนช.เห็นตรงกันว่าสามารถกระทำได้ทันที เพราะสอดคล้องกับ ม.12 ไม่ขัดกันแต่อย่างใด
ก็นี่แหละประเทศไทย...ที่มีกฎหมายมาก ตีความกันมาก
สุดท้ายก็มีองค์ประชุม 5 กกต. เพื่อเลือกประธาน กกต. โดยไม่ให้ความสนใจเสียงคัดค้าน เพราะมั่นใจว่าไม่ขัดกับกฎหมาย
ใครจะไปยื่นให้ตีความก็ว่ากันไป
อีกกรณีหนึ่งคือ การคาดหมายว่าใครจะได้เป็นประธาน กกต. ในจำนวน กกต. 5 คน คือ 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ 2.นายอิทธิพร บุญประคอง 3.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย 4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี 5.นายปกรณ์ มหรรณพ
เต็งหรามาตลอดคือ นายฉัตรไชย ซึ่งมาจากการสรรหาจากฝ่ายศาลที่เห็นว่า มีความเหมาะสม เป็นนักกฎหมาย มีความเที่ยงตรง ได้รับการยอมรับ
พูดง่ายๆว่าพร้อมทุกด้าน
เต็ง 2 คือ นายธวัชชัย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯหลายจังหวัด มีประสบการณ์ในด้านการเลือกตั้งมาก่อน
...
อีก 3 คนไม่มีชื่อในสารบบ พูดง่ายๆว่าไม่ติดโผแม้แต่น้อย
ปรากฏจากการเลือกกันเองได้ “ม้ามืด” คือ นายอิทธิพร อดีตผู้ว่าฯหลายจังหวัด มีประสบการด้านการเลือกตั้งมาพอสมควร
ถือว่า “พลิกล็อก” ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย และคงไม่ได้มาจาก “ใบสั่ง” แต่อย่างใด แต่คงเป็นเพราะว่า 2 กกต. ซึ่งติดโผประธาน กกต.นั้น ทำให้เกิดปัญหาในการตัดสินใจว่าจะเลือกใครระหว่าง 2 คน
น่าจะทำให้เกิดเสียงแตกลงท้ายกลายเป็น “อิทธิพร” คว้าพุงปลาไปกิน
เมื่อได้ประธาน กกต.แล้ว ประธาน สนช.จะนำรายชื่อ 5 กกต. พร้อมแนบรายชื่อประธานคนใหม่เพื่อทูลเกล้าฯ
อีก 2 คนเพื่อให้ครบจำนวน 7 คน ก็ต้องดำเนินการต่อไป
ชี้ชัดออกมาแล้วว่า การดำเนินการหาอีก 2 กกต.นั้น จะใช้วิธีการให้ยื่นใบสมัคร ไม่ใช้วิธีการเลือกจากบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และไม่เกิดข้อครหาตามมา
ก็ดีครับ...เมื่อได้ กกต.จะทำให้สามารถดำเนินการเพื่อเตรียมการเลือกตั้งในเวลาที่พอเหมาะ เพราะขืนล่าช้าอาจจะเกิดปัญหาได้
เพื่อเติมความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้ง ก.พ.ปี 62 เกิดขึ้นแน่.
“สายล่อฟ้า”