"บิ๊กโย่ง" เผยผลสอบวินัยทุจริตเงินสงเคราะห์แล้ว เสร็จแต่ต้องนำสู่ อ.ก.พ.พิจารณากลางเดือน ก.ค.ส่วนการเสียชีวิตของอดีตปลัด พม.ต้องให้ฝ่ายกฎหมายตีความว่าต้องเสนอ อ.ก.พ.พิจารณาโทษหรือไม่ ยันการตรวจสอบเป็นไปตามระบบไม่ได้บีบคั้น ทั้งไม่เคยได้รับการติดต่อจาก "พุฒิพัฒน์" 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.61 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม.กล่าวถึงผลสอบวินัยร้ายแรงผู้เกี่ยวข้องกรณีทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งว่า นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยฯ ได้รายงานว่า ขณะนี้ผลสอบเสร็จสิ้นและจะดำเนินการสรุปสำนวน ซึ่งมีความหนากว่า 300 หน้า เพื่อความรอบคอบให้เสร็จภายในคืนวันที่ 2 ก.ค. จากนั้นจะส่งถึงตนในวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งตนก็จะต้องส่งให้ฝ่ายกฎหมายตีความเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง หากมีประเด็นข้อสงสัยก็เป็นอำนาจที่ตนจะสั่งสอบสวนเพิ่มเติม แต่หากประเด็นครบถ้วนก็จะส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกระทรวง พม.(อ.ก.พ.กระทรวง พม.) กลางเดือน ก.ค.นี้

ทั้งนี้ อำนาจการลงโทษไม่ได้อยู่ที่ตน แต่เป็นอำนาจของ อ.ก.พ.กระทรวงที่จะพิจารณา ซึ่งกรณีนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 26 ราย ฉะนั้นจะต้องดำเนินการรอบคอบ และ อ.ก.พ.กระทรวงอาจต้องใช้เวลาพิจารณา ไม่สามารถระบุได้ว่าสามารถสรุปผลได้ในการประชุมครั้งเดียว ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม.นั้น คิดว่ายังอยู่ในสำนวน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่คณะกรรมการสอบวินัยกำลังสรุปผลสอบ แต่ทั้งนี้ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะต้องนำเข้าสู่ อ.ก.พ.กระทรวงพิจารณาโทษหรือไม่

เมื่อถามว่า การเสียชีวิตของอดีตปลัด พม.เป็นเพราะความเครียด และถูกกดดันจากการตรวจสอบหรือไม่นั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ทุกอย่างดำเนินการไปตามระบบ ไม่ได้ลัดขั้นตอนและบีบคั้นใดๆ และคณะกรรมการก็ให้โอกาสทุกคนได้ยื่นเอกสารหลักฐานในการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งทราบว่าทุกคนได้ยื่นเอกสารจนคณะกรรมการมีความชัดเจนแล้ว จึงได้สรุปสำนวน ทุกอย่างเป็นไปตามระบบที่ใครผิดก็ต้องรับโทษ ตนดูที่ระบบไม่ใช่ดูที่ตัวบุคคล ส่วนที่ถามว่าที่ปรึกษากฎหมายนายพุฒิพัฒน์ได้อ้างถึงการเสียชีวิตของอดีตปลัด พม.อาจเป็นเพราะน้อยใจ ที่ไม่สามารถปรึกษาหรือติดต่อใครได้นั้น ตนได้เชิญนายพุฒิพัฒน์เข้ามาชี้แจงก่อนมีคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าใจถึงการเปิดช่องให้มีการสอบสวนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งเป็นการพูดคุยครั้งนั้นครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือขอเข้าพบจากนายพุฒิพัฒน์ใดๆ เลย แต่คาดว่าบุคคลนั้นคงเป็นคนที่อดีตปลัด พม.เคารพ ซึ่งตนก็ไม่ทราบ

...

เมื่อถามว่า ข้อความที่นายพุฒิพัฒน์ระบุว่า "ผมสั่งให้หยุดแล้ว แต่เขาไม่ฟังผม" ตามที่ที่ปรึกษากฎหมายนายพุฒิพัฒน์ กล่าวอ้างนั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบและสงสัยเหมือนกัน ไม่รู้จะขยายผลอย่างไร จึงต้องรอดูสำนวนการสอบสวนของตำรวจแล้วกัน ว่าพอมีอะไรให้ตีความได้บ้าง