เพื่อไทย ยังครองใจประชาชนเป็นที่ 1 ส่วน ”อนาคตใหม่” มาแรงคนให้ความสนใจมากสุด คนส่วนใหญ่ ชี้ ผู้สมัคร ส.ส. สังกัดพรรคการเมืองเก่าหรือใหม่ มีผลต่อการตัดสินใจ...
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,105 คน จากกระแสการเมืองในช่วงนี้มีความร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เริ่มมีการเคลื่อนไหว ทั้งการดูดตัวผู้สมัครเข้าสู่พรรค การเตรียมตัวของพรรคการเมืองเก่า รวมถึงการเปิดตัวพรรคใหม่ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อ “พรรคการเมืองเก่า” กับ “พรรคการเมืองใหม่” โดย 3 อันดับพรรคการเมืองเก่าที่ประชาชนให้ความสนใจ พบว่า ร้อยละ 55 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 39.89 พรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 4.52 พรรคภูมิใจไทย ขณะที่ 3 อันดับพรรคการเมืองใหม่ พบว่า ร้อยละ 57.51 พรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 24.35 พรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 18.14 พรรคชาติไทย
ส่วน 5 อันดับพรรคการเมือง ทั้งพรรคการเมืองเก่าและพรรคการเมืองใหม่ พบว่า พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 55.02 เพราะชื่นชอบ เป็นพรรคใหญ่ อยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รองลงมา ร้อยละ 34.18 พรรคอนาคตใหม่ เพราะเป็นพรรคใหม่ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน มีนโยบายน่าสนใจ ร้อยละ 33.88 พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคเก่าแก่ ก่อตั้งมานาน มีประสบการณ์ ร้อยละ 17.39 พรรคพลังประชารัฐ เพราะมีกระแสต่อเนื่อง เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบัน เป็นพรรคใหม่ มีนักการเมืองเข้ามาร่วมหลากหลาย ฯลฯ และร้อยละ 12.59 พรรคภูมิใจไทย เพราะชอบการบริหารงานที่ผ่านมา เป็นพรรคเล็กที่มีบทบาทสำคัญ อยากรู้ความเคลื่อนไหว ฯลฯ
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.33 เห็นว่า ผู้สมัคร ส.ส. ที่สังกัด “พรรคการเมืองเก่า” กับ “พรรคการเมืองใหม่” มีผลต่อการตัดสินใจ เพราะขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ชอบคนแต่ไม่ชอบพรรค การเลือกสังกัดพรรคส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และร้อยละ 45.67 มองว่า ไม่มีผล เพราะดูที่ตัวบุคคล ประวัติ ประสบการณ์ ผลงานที่ผ่านมา ชอบเป็นการส่วนตัว ไม่พิจารณาว่าสังกัดพรรคใดหากเป็นคนดีอยู่พรรคใดก็ทำงานได้
...
ขณะที่การเลือก ส.ส. ระหว่าง “ตัวผู้สมัคร” กับ “พรรคที่สังกัด”พบว่า ร้อยละ 41.63% พิจารณาทั้งตัวผู้สมัครและพรรคที่สังกัดไปพร้อมๆ กัน อยากได้ทั้งผู้สมัครและพรรคที่ดีมีคุณภาพ หากพรรคมีนโยบายที่ดี ก็จะส่งผลให้ผู้สมัครทำงานได้ดี มีผลงาน ส่วนร้อยละ 36.92 เลือกตัวผู้สมัครมากกว่า และร้อยละ 21.45 เลือกพรรคที่สังกัดมากกว่า.