“ถ้าคนหนุนหลักร้อยยังหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องทะลึ่งมาลงสมัคร ส.ส.ให้อายเขาหรอก”

นี่คือคำพูดจากปากของเซียนการเมืองรุ่นใหญ่ ระดับหัวหน้าป้อมค่ายที่บอกชื่อไปต้องร้องอ๋อ ที่พูดถึงประเด็น “ไพรมารีโหวต” ที่พรรคการเมืองต่างๆพยายามอ้างเป็นเงื่อนไขในการเรียกร้องกดดันให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ปลดล็อกให้พรรคการเมืองเร่งหาสมาชิก

เพราะหวั่นปัญหาการทำไพรมารีโหวตไม่ทัน

นั่นหมายถึงถ้าเอาจริงๆก็ไม่มีปัญหา การหาคนมาการันตีสิทธิการลงสมัครในพื้นที่ ไม่เหนือบ่ากว่าแรงนักเลือกตั้งอาชีพ แค่อ้างกดดันตามเหลี่ยมเกมการเมือง

ตามท้องเรื่องโหมกระแส เร้าสถานการณ์เข้าโหมดเลือกตั้ง

โดยจังหวะที่ คสช.เองก็ไม่ได้แสดงท่าทีแข็งขืนเหมือนช่วงแรกๆ เพราะล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งฝ่ายความมั่นคง คสช. ก็ประกาศตัวเองเลย ได้รับมอบหมายจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

ให้นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุมฟลอร์ใหญ่ปลายเดือนมิถุนายนนี้

ตามโปรแกรมที่ คสช.นัดตัวแทนพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หารือเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีคำตอบล่วงหน้าก่อนแล้ว แนวโน้มแบบที่ “บิ๊กป้อม” แบไต๋เป็นนัยกั๊กๆ จะยังไม่ปลดล็อกทั้งหมด เน้นแค่การเปิดให้หาสมาชิกพรรคการเมืองได้

อย่าเพิ่งหวังถึงขั้น “ปล่อยผี” เปิดประตูป่าช้าให้นักการเมืองลุยหาเสียงเลือกตั้ง เพราะต้องรอกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับบังคับใช้ครบก่อน

ค่อยๆผ่อนทีละขยัก ไม่ปล่อยไฟเขียวแบบพรวดพราด

...

ก็ขนาดยังไม่ปลดล็อก ผู้นำรัฏฐาธิปัตย์ถือดาบมาตรา 44 อำนาจพิเศษอยู่เต็มกำมือ

“นายกฯลุงตู่” กับทีมรัฐบาล คสช.ยังเจอฤทธิ์เดชนักการเมืองอาชีพ เล่นแต้มล้อกระแสในโซเชียลมีเดีย ล้อมกรอบรุมสกรัมจนงอมพระราม

ตามรูปการณ์ ขืนปล่อยให้อาละวาดกันแบบฟรีสไตล์คงดูไม่จืด

แต่มาถึงตรงนี้ เหมือนเริ่มชินกับแรงเสียดทานทางการเมือง ตามอารมณ์แบบที่ “ลุงตู่” พูดบนเวทีเปิดโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ

ส่วนตัวพร้อมยอมรับคำด่า ดีกว่าคำชมที่อาบด้วยยาพิษ

แค่แอบน้อยใจนิดๆว่า ชาวบ้านไม่สนใจสิ่งที่รัฐบาลทำให้ แต่ไปสนใจข่าวหวย 30 ล้าน เรื่องดาราเลิกกัน จนไม่รู้ว่ารัฐบาลช่วยอะไรไปแล้วบ้าง

ปรับวิธีคิด “บิ๊กตู่” เข้าใจธรรมชาติทางการเมืองขึ้นเป็นลำดับ

และนั่นก็มาพร้อมๆกับยุทธการตีไพ่ ชิงแต้มต่อในสนามเลือกตั้ง ตามจังหวะต่อเนื่องจาก ครม. สัญจรรอบล่าสุดที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่ ครม.อนุมัติงบประมาณอัดฉีดชาวบ้านฐานราก

ท่ามกลางเสียงเหน็บแนม เอื้อประโยชน์การเมือง

แบบที่ “บิ๊กป้อม” ต้องแก้เกี้ยวว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ เพราะนายกฯก็ไปเยี่ยมไปดูแลประชาชน เอางบประมาณให้ทุกภาคเหมือนกัน ทัดเทียมทุกจังหวัด ไม่มีการได้มากได้น้อย

เรื่องของเรื่อง ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องฉวยความได้เปรียบตรงนี้

เป็นวิถีที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจในระบบนิเวศการเมืองแบบไทยๆ

และก็เริ่มไหลมาเป็นชุดๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) สั่งตรึงราคาแก๊สหุงต้มถึงสิ้นปี เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนรวมถึงหาบเร่แผงลอย

รัฐบาลเร่งคิว “ปล่อยของ” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แก้โจทย์ปัญหาปากท้อง

ปิดจุดอ่อนไหวที่ถูกขบวนการฝ่ายต่อต้านจ้องทุบ

อีกจุดที่ต้องจับตา กับปรากฏการณ์ที่ “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท ให้สัมภาษณ์นักข่าว หลังช็อตการพูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ

ส่งซิกให้แปรสัญญาณเป็นนัย จะมีข่าวใหญ่ปลายเดือนนี้ คงมีงานทำ

เดาทาง “นายกฯลุงตู่” น่าจะเสริมทีมนักการเมืองเข้ามาช่วยงานอีก หลังการมอบหมายงานให้ “เดอะแป๊ะ” นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ช่วยดูงานในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

ให้เครดิตกุนซือการเมือง เปิดพื้นที่ให้ทำงานเต็มที่

อย่างที่รู้ๆกัน มุมของนักเลือกตั้งอาชีพเป็นเรื่องที่ “ลุงตู่” จำเป็นต้องเสริมทักษะ

เพิ่มเติม “วิทยายุทธ์” ไว้สู้ในยามไร้ดาบวิเศษมาตรา 44.

ทีมข่าวการเมือง