โซเชียลแพร่ภาพ ‘สมชาย’ จี้โวยสื่อ
“บิ๊กตู่” สวมมาดเข้ม ขึงขังใส่ สนช.ถก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 3 ล้านล้านบาท อัดฉีด 6 ภูมิภาคกว่า 4 แสนล้าน อีสานได้มากสุด 1.13 แสนล้าน โวกระจายเท่าเทียมทุกพื้นที่ ฮึ่มใส่พวกหยามหมิ่นนายกฯ “ระวังหน่อยแล้วกัน” สนช.ยอวาทีไม่มีเสียงค้านซักแอะ “สมชาย” เจ้าเก่าโวยลั่นสื่อแฉภาพ สนช.แอบงีบ “เต้น” ตอกเกียรติยศผู้นำต้องมาจากประชาชน “วรชัย” บอกอยากได้ศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิต้องลงสนาม “สามารถ” กระทุ้งเหนื่อยนักกลับบ้านไปพัก “นิพิฏฐ์” ฟันธงเลือกตั้งได้สู้กันไฟแลบ “จุรินทร์” เย้ย รธน.ฉบับปราบโกงแค่ครึ่งใบ “หญิงหน่อย” ห่วงกรรมการเอียง “ศุภชัย” ลั่นไม่อยู่ใต้อำนาจใคร แต่รีรอแบ่งเขตเลือกตั้ง
เป็นที่น่าจับตาท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตลอดช่วงสัปดาห์นี้ที่อารมณ์ไม่ค่อยดี ถึงกับต้องบ่นระบายความอัดอั้นภายในใจ ท่ามกลางกระแสกดดันจากฝ่ายการเมือง ที่เรียกร้องให้ปลดล็อกทางการเมือง เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ตามโรดแม็ปที่รัฐบาล คสช.กำหนดไว้
“บิ๊กตู่” ขึงขังใส่ สนช.ถกงบ 3 ล้านล้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 วงเงินกว่า 3 ล้านล้านบาท ในวาระ แรก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมชี้แจง โดยระหว่างนั้นยังมีสมาชิก สนช.เข้ามาในห้องประชุมกันบางตา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดด้วยน้ำเสียงขึงขังเรียกให้ สนช.เข้ามาในห้องประชุมกันเร็วๆ เพราะเห็นยังมี สนช.อยู่ด้านนอกหลายคน จากนั้นนายกฯชี้แจงต่อที่ประชุมว่า เป้าหมายหลักยังเป็นตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง จัดสรรงบประมาณ จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 2.2 ล้านล้านบาท รายจ่ายเพื่อการลงทุน 660,305 ล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 78,205.5 ล้านบาท จำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน
...
อัดฉีดไปทั่วทุกภาค 4 แสนล้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการจัดสรรรายจ่ายเพื่อการลงทุนสู่ 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 411,552 ล้านบาท ภาคอีสานได้ 113,479 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ภาคใต้ 56,802 ล้านบาท พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอ ภาคเหนือ 78,411 ล้านบาท พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุข ภาคกลาง 94,562 ล้านบาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนา กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก 54,658 ล้านบาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ส่งเสริมการตลาดผลไม้ภาคตะวันออก ภาคใต้ชายแดน 13,905.9 ล้านบาท พัฒนาและส่งเสริมโครงข่ายคมนาคม เพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร
โวกระจายเท่าเทียมทุกพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า งบรายจ่ายที่สูงถึง 3 ล้านล้านบาทนั้น หลายคนบอกว่าถ้ามีงบมากแล้วอาจมีการทุจริตนั้น ถ้าคิดแบบนี้คงทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลนี้ถูกตรวจสอบทุกวัน อย่าให้ใครไปบิดเบือน การทุจริตไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่อยู่ที่คน อย่าโทษแต่ระบบ ขอให้ใช้สติปัญญาอย่าใช้ความรู้สึก ไม่ใช่ไปจับผิดจนทำอะไรไม่ได้ เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณนั้นขอให้ไว้ใจตน ไม่ได้ให้แบบส่งเดช ใครขอมาก็ให้ วันนี้แสดงให้เห็นว่าทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ได้ให้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ส่วนการปฏิรูปประเทศแม้ทำมาหลายปี ยังทะเลาะกันไม่เลิกในสื่อสังคมออนไลน์ ต้องแก้ให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามโรดแม็ป
ยังอารมณ์ค้างพวกชอบด่า
นายกฯกล่าวอีกว่า อยากให้ทุกคนอ่านหนังสือเรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ช่วยคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า หวังว่า สนช.จะสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ ขอให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลชุดต่อไปร่วมกันเดินหน้าประเทศให้ถึงทุกกลุ่ม ไม่ให้เกิดช่องว่างหรือความเหลื่อมล้ำเพื่อลดความยากจน ถ้าพูดอะไรแรงไปก็ขอโทษด้วย “ผมก็คือผม ความเป็นมนุษย์สูงหน่อย นายกรัฐมนตรีคือตำแหน่ง ดังนั้น จะมาหมิ่นตำแหน่งนายกฯไม่ได้ ถ้าจะด่าก็ด่า ผมได้ แต่ถ้าผมเป็นนายกฯอยู่ เวลาด่าผมกรุณาระวังหน่อยแล้วกัน ตำแหน่งนายกฯเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ผมอยากรักษาให้ตำแหน่งนี้มีเกียรติ การทำงานไม่ง่าย ถ้าไม่ให้กำลังใจกัน คนดีก็หมด คนไม่ดีก็ออกมาใหม่”
ยอวาทีไม่มีเสียงค้านซักแอะ
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง เพื่อชี้แจงหลักการและเหตุผลร่าง พ.ร.บ.งบฯ จึงเปิดให้สมาชิก สนช.อภิปราย โดยทั้งหมดลุกขึ้นกล่าวสนับสนุนเห็นด้วยกับวงเงิน 3 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลตั้งไว้ ไม่มีใครลุกขึ้นคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่าพอเหมาะพอดี สอดคล้องกับภารกิจ ทั้งการผลักดันโครงการไทยแลนด์ 4.0 ตามยุทธศาสตร์ชาติ เสริมสร้างศักยภาพของคนในประเทศ การพัฒนาประเทศด้านอื่น ส่วนการชำระคืนเงินกู้กว่า 7.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และไม่มีใครลุกขึ้นท้วงติงการของบประมาณเพื่อดำเนินโครงการประชารัฐ จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจนำไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
โวยลั่นสื่อแฉภาพ สนช.แอบงีบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 62 ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ใช้เวลานาน 2 ชั่วโมง มีสมาชิก สนช.นั่งหลับหลายราย โดยสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพดังกล่าว กระทั่งถึงคิวอภิปรายของนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ถึงการเผยแพร่ภาพดังกล่าวว่า มีการบิดเบือนโจมตีการทำงานของแม่น้ำ 5 สาย ที่นำภาพ สนช.นั่งหลับไปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคยปฏิรูปตัวเองเลย คือสื่อมวลชน ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง ที่จริงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสื่อที่ดีกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ขอบคุณรัฐจัดงบแก้ปัญหาลิง
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สมาชิกสนช. กล่าวว่า น่ายินดีที่เอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงมหาดไทย มีการจัดตั้งงบประมาณในส่วนการบูรณาการของกลุ่มจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างคนกับลิง ในพื้นที่วิกฤติ 12 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี สระบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี กระบี่ ตรัง ภูเก็ต สตูล ชลบุรี มุกดาหาร อำนาจเจริญ และ กทม. เพื่อนำไปใช้ดำเนินการหาเครื่องมือทำหมันลิง ตามที่ชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาเรียกร้องให้ทำหมันควบคุมลิง รวมถึงการทำนิคมลิงให้เป็นที่อยู่อาศัยของลิงส่วนเกินที่ทำหมันแล้ว ไปอยู่ตามนิคมลิง หรือเกาะต่างๆในภาคใต้ เพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ แม้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตแต่เป็นปัญหาที่รัฐบาลตระหนัก และจะเป็นจุดเริ่มต้นการแก้ปัญหาระหว่างคนกับลิงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขอเรียนนายกฯ รมว.มหาดไทย และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯว่า กระบวนการทำงานแก้ปัญหาคนกับลิงมีความจำเป็นต้องบูรณาการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ท้าใครอยากเป็นรัฐบาลมาเลย
กระทั่งเวลา 17.30 น. ที่ประชุม สนช.ลงมติ ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ฯ ด้วยคะแนน 197 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 ใช้เวลาอภิปรายรวม 7 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปิดท้ายว่า ขอบคุณ สนช. ที่ให้ความเห็นชอบ จะนำข้อสังเกตนำไปปรับปรุง สิ่งที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันคือกฎหมาย วันนี้พยายามทำทุกอย่างไม่ให้เป็นอุปสรรค เพราะทุกอย่างเป็นของประชาชน หากใครพูดว่าแก้ไขปัญหาได้ก็มาเลย มาสมัครเป็นรัฐบาลให้หน่อย ตนจะเลือกให้ ส่วนเรื่องสื่อต้องมีจรรยาบรรณ ควรเสนอข่าว 2 ทาง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและอีกฝ่าย ขอแค่เรื่องจรรยาบรรณอย่าให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้ ไม่เคยไปรังแกใคร คนทำผิดกฎหมายแล้วหนีไปต่างประเทศ เป็นเพราะหนีคดีการเมือง แล้วบอกว่าถูกรังแก ทั้งที่ไม่เคยรังแกใคร ทำให้ประเทศเสียหายแต่สื่อก็ตีทุกวัน พอไปเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดี เขาก็ไม่ให้ มันลำบาก แต่คนหนีก็ต้องลี้ภัยไปตลอด
“เต้น” มีเหน็บเกียรติยศผู้นำ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า เข้าใจความเป็นมนุษย์ของนายกฯ และเชื่อว่ามีความตั้งใจแก้ปัญหาประเทศ แต่อยากให้ฝ่ายผู้มีอำนาจยอมรับเช่นกันว่า ประชาชนทุกคนก็เป็นมนุษย์ ถ้านายกฯมีความเป็นมนุษย์สูง ประชาชนคงมีไม่ต่ำกว่า นายกฯจึงไม่ควรใช้สิทธิ์ความเป็นมนุษย์ฝ่ายเดียว แต่ประชาชนควรได้รับสิทธิ์นั้นด้วย การประกาศจะปลดล็อกการเมืองเป็นรายกรณี ถือเป็นการลิดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์ประชาชนหรือไม่ การเลือกตั้งต้องโปร่งใส เสรี ให้ประชาชนตัดสินอนาคตเองได้ เป็นธรรมดาที่ผู้นำประเทศจะอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือล้อเลียน ไม่ได้ทำให้เกียรตินายกฯลดลง เพราะเกียรติยศที่แท้จริงของตำแหน่งนี้คือ การมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และปฏิบัติหน้าที่ตามระบบจนวินาทีสุดท้าย เช่นผู้นำจากการเลือกตั้งของไทยและอีกหลายประเทศที่แม้จะพ้นตำแหน่งเพราะถูกรัฐประหาร แต่ยังคงได้รับเกียรติและการยอมรับจากทั่วโลก
ศักดิ์ศรีเต็มตัวคือลงเลือกตั้ง
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้สื่อไม่ได้ใส่ร้ายนายกฯโดยไม่มีเหตุมีผล สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับจับกุมผู้ที่ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเรียกร้องการเลือกตั้งมาดำเนินคดี จนองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติต้องออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัว และยุติการดำเนินคดี นี่คือเหตุผลทำให้นายกฯถูกวิพากษ์วิจารณ์ อยากให้ เปรียบเทียบศักดิ์ศรีของนายกฯที่มาจากประชาชน กับนายกฯที่มาจากรัฐประหาร ต่างกันหรือไม่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยากได้ศักดิ์ศรีแบบเต็มภาคภูมิ ก็ควรประกาศตัวสนับสนุนพรรคการเมือง แล้วลงสนาม เลือกตั้งให้ประชาชนเป็นคนตัดสินการเข้าสู่อำนาจ
เหนื่อยนักก็กลับบ้านไปพัก
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองเป็นเรื่องๆนั้น ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไรในทางปฏิบัติ แบบนี้ไม่มีประโยชน์ จะมายึกยักอะไรอีก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าท่านกำลังหวงอำนาจ หรือมีแผล กลัวคนจะมาเปิด ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ต่อว่าสื่อโซเชียลไม่ให้เกียรติตำแหน่งนายกฯนั้น การเป็นบุคคลสาธารณะย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกว่าถูกก้าวล่วงหรือว่าไม่จริง ท่านมีทั้งทีมโฆษกและสื่อเยอะแยะให้ช่วยกันแก้ข่าวหรือตอบโต้ ดังนั้นอย่าบ่นเลยถ้าเหนื่อยมากนักก็กลับบ้านไปพัก
“ปู” เตรียมจัดเบิร์ธเดย์ที่อังกฤษ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังอยู่ระหว่างเดินทางพักผ่อนและพบปะกลุ่มนักธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับกำหนดการต่อไป ทั้งคู่เตรียมเดินทางต่อไปยังประเทศโซนยุโรป โดยจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ และคาดว่าจะอยู่ฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 51 ปี ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะมีบุคคลใกล้ชิดเดินทางไปร่วมฉลองวันเกิด ด้วย และช่วงเวลาดังกล่าวยังตรงกับช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเดินทางไปเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-25 มิ.ย.ด้วย
“นิพิฏฐ์” ฟันธงได้สู้กันไฟแลบ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากความเคลื่อนไหวของพรรคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ถือเป็นเรื่องดีเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน อย่าไปคิดว่าเป็นพรรคสาขา หรือพรรคสำรอง เพราะสู้กันไฟแลบ สู้กันจริงทั้งนั้น พูดตรงไปตรงมาพรรคที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่มีผลกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะเป็นฐานเดียวกัน แต่ความแตกต่างคือ พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกฯ เพราะจะตั้งพรรคมารองรับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ สมมติว่าระหว่างการหาเสียงบุคคลนั้นเกิดเป็นลมตายขึ้นมาจะทำอย่างไร เราเป็นพรรคใหญ่กว่าคนอื่น ถือว่าเราเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นพี่ใหญ่ ฉะนั้นเล็กๆน้อยๆ ถือว่าเราขอกันกินมากกว่านี้ ไม่มีปัญหา จะสตาร์ตวิ่งไปก่อนเราก็ไม่เป็นไร แต่กำลังอย่าตกแล้วกัน
ชทพ.กระทุ้งจะฟักไข่ให้รีบทำ
นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 53/60 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ปัญหาของพรรคการเมืองตอนนี้เป็นอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยบอกคือ เป็นปัญหาว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เพราะเนื้อหาตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/60 ได้ยุบสาขาพรรคเก่าที่มีอยู่เดิมทิ้งไปหมดแล้ว แต่การจะประชุมกรรมการบริหารพรรคได้ ต้องมีตัวแทนสาขาพรรค 4 สาขาเข้าร่วม แต่ไม่สามารถจัดประชุมพรรคเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายได้ ต่างจากพรรคที่จดจัดตั้งใหม่ที่สามารถจัดประชุมพรรคได้ แถลงนโยบายพรรคได้ แต่พรรคเก่าอย่างพรรคเพื่อไทยแค่แถลงข่าวยังโดนถูกดำเนินคดี ผลของคำสั่งที่ 53/60 ทำให้พรรคเก่าอยู่ในสภาพเสียเปรียบมาก ทั้งหมดจึงเป็นปัญหาลักลั่นเหมือนเรื่องไก่กับไข่ จึงอยากเรียกร้องว่าจะฟักไข่ให้เป็นไก่ด้วยวิธีการใด ขอให้รีบฟักสักที พรรคเก่าจะได้เตรียมตัวเลือกตั้งทันตามโรดแม็ป
“ศุภชัย” เปิดเสวนา 20 ปี กกต.
วันเดียวกันเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานวันสถาปนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี มีนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวเปิดการเสวนาวิชาทางการเรื่อง “ทศวรรษใหม่ กกต. : กลไกใหม่กับการปราบโกงเลือกตั้ง” ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญ ที่ กกต.จะดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ ภารกิจ กกต.จึงอยู่ในความคาดหวังของคนทั่วประเทศ จึงวิวัฒนาการทุกด้านให้ทันสมัย ทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกในการเลือกตั้ง ป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง การจัดเลือกตั้งครั้งต่อไปดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5 ด้าน คือ 1.จัดการเลือกตั้งที่คุ้มค่าและสะดวกต่อประชาชน 2.ให้เป็นที่ยอมรับ 3.ประชาชนมีส่วนร่วม 4.สร้างความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง และ 5.พัฒนาองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพ โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
ชู 4 นวัตกรรมจัดเลือกตั้งสงบ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง “กกต.กับนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาการทุจริตเลือกตั้ง” ว่า เชื่อมั่นว่าด้วย 4 นวัตกรรม ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ 1.ให้พรรคการเมือง และสมาชิกพรรค จ่ายเงินตั้งแต่ 1,000-50,000 บาท ร่วมเป็นเจ้าของพรรค ไม่ใช่ของนายทุน 2.ระบบไพรมารีโหวต 3.ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน และ 4.การตัดทุจริตเลือกตั้ง ผู้ทุจริตเลือกตั้งกรณีได้ใบแดง จะตกเป็นจำเลยและเป็นลูกหนี้ทันที ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะนำมาสู่การเลือกตั้งที่สงบ ได้พรรคการเมืองและนักการเมืองที่ปราศจากครอบงำกลุ่มนายทุน และกลุ่มผู้มีอิทธิพล สิ่งสำคัญจะนำไปสู่ความมั่นคงยั่งยืนของระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“เจษฎ์” ย้ำ รธน.กลไกป้องโกง
ต่อมานายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปราบโกงถือเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่สมาชิกพรรคการเมืองต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ไม่ใช่ผู้สมัครที่มีนายทุนชี้ หากนักการเมืองเดินหน้าด้วยอุดมการณ์จริง ต้องไม่มีซื้อสิทธิขายเสียง หากประชาชนไม่รับกลไกการซื้อสิทธิขายเสียงก็ไม่มี ประเทศเสรีประชาธิปไตยที่ไม่มีการโกงได้ ประชาชนต้องเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน เพื่อให้ได้ผู้แทนที่เหมาะสม และไม่ให้เกิดการโกงตั้งแต่เริ่มต้น
“จุรินทร์” สวนปราบโกงแค่ครึ่งใบ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถามว่าจะมีเลือกตั้งไหม ยืนยันแทน คสช.ได้ว่ามี แต่จะมีเมื่อใดเป็นเรื่องของคสช. ตนตอบไม่ได้ แต่เป็นห่วงเงื่อนไขนอกรัฐธรรมนูญ เช่น คำว่า “ไม่สงบ ก็ไม่ต้องเลือกตั้ง” ที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กลัวคนหยิบตรงนี้มาใช้เป็นเงื่อนไข เมื่อพูดถึงรัฐธรรมนูญปราบโกง รัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้มา 1 ปีแล้ว แต่การโกงยังมีอยู่ ทำให้เกิดความเที่ยงธรรมได้แค่ครึ่งใบ จึงขอย้อนถามว่าใช้ได้จริงหรือไม่ รัฐธรรมนูญจะปราบโกงได้เมื่อใช้กับระบอบประชาธิปไตยที่มีการตรวจสอบ การเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าถามว่ามีโอกาสสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ เพราะกฎกติกาสำคัญอย่างรัฐธรรมนูญ ไม่สุจริตเที่ยงธรรมตั้งแต่ต้น การใช้อำนาจรัฐของผู้มีอำนาจ เปลี่ยนสถานะจากคนเขียนกติกา จากกรรมการมาเป็นผู้เล่น ที่สำคัญคือเป็นห่วงเรื่องการใช้อำนาจเหนือองค์กรอิสระ เช่น การใช้มาตรา 44 จึงเป็นห่วงกลัวว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สมัครบางคนบางพรรคได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ กกต. ถ้า กกต.ดำรงความเป็นอิสระไม่เป็นเสือหมอบ เสือกระดาษ คิดว่ากระบวนการเลือกตั้งยังมีความหวัง ที่จะเห็นความสุจริตเที่ยงธรรม แม้กติกาจะไม่เที่ยงธรรมมาตั้งแต่ต้นก็ตาม
“หญิงหน่อย” ชี้ภาระหนักตก กกต.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอฝากความหวังไว้ที่ กกต. แม้กฎกติกา และปัจจัยหลายอย่าง กกต.อาจกำกับเองไม่ได้ เช่น การใช้อำนาจรัฐ รู้ว่า กกต.ต้องรับภาระ และเป็นผู้ไขกุญแจว่าเราจะเดินออกจากปัญหาได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งจะกลายเป็นปัญหา มี 5 ปัจจัยที่จะแก้ปัญหา คือ 1.การมีส่วนร่วมของประชาชน กับพรรค 2.ตัวพรรคการเมือง และนักการเมืองต้องปรับตัว 3.กฎหมาย และกติกาต่างๆ ที่ผ่านมาปัญหาความขัดแย้งเกิดจากการใช้ดุลพินิจที่ไม่เที่ยงธรรม 4.การดำเนินงานของ กกต. และ 5.การใช้อำนาจรัฐ คาดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะเจอปัญหาการใช้อำนาจรัฐผ่านราชการ จะเป็นที่หนักใจของ กกต. เพราะวันนี้ผู้เขียนกติกาบอกจะไม่เป็นกรรมการแล้ว แต่จะลงมาเป็นผู้เล่น
ปธ. กกต.ลั่นไม่อยู่ใต้อำนาจใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการเสวนา นายศุภชัย สมเจริญ กล่าวปิดการเสวนาว่า พรรค การเมืองไม่ต้องกังวลเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ใต้อำนาจใคร เราถูกเซ็ตซีโร่ไปแล้ว ที่อยู่เพราะมีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ ดังนั้นการทำอะไรจะคำนึงถึงกฎหมาย เมื่อต้องพ้นจากตำแหน่งไป กกต.ทั้ง 4 คน ก็อยากอยู่สบาย ไม่อยากไปอยู่ในที่จำกัด ไม่ต้องกลัว ถึงแม้จะมี กกต.ใหม่มา การเลือกตั้งก็ไม่สะดุด
กกต.แหยงรีรอแบ่งเขตเลือกตั้ง
นายศุภชัยยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายก-รัฐมนตรี ระบุว่า กกต.สามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องรอร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับว่า ปกติต้องรอให้กฎหมายลูกมีผลใช้บังคับก่อนจึงจะแบ่งเขตเลือกตั้งได้ แต่เลขาธิการ กกต.ได้สั่งการไปยังสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศ ให้แบ่งเขตไว้ก่อนแล้ว แต่คงต้องหารือกับนายวิษณุก่อน ก่อนหน้านี้ เลขาธิการ กกต. มีแนวความคิดจะขอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ให้อำนาจ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งไปก่อนที่กฎหมายลูกจะมีผลใช้บังคับ แต่ กกต.เห็นว่าควรศึกษากฎหมายให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นหากเลือกตั้งไปแล้วมีนักเลงดีไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ว่า กกต.ทำขัดกฎหมาย อาจมีผลทำให้การเลือกตั้งมีผลเสียไปทั้งหมด
“วิษณุ” เตรียมทางหนีทีไล่แล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติสำหรับพรรคการเมือง เช่น การตั้งสาขาพรรค การเลือกกรรมการบริหารพรรคที่ยังลักลั่นกันอยู่ว่า เรารับทราบปัญหามาหลายเดือนแล้ว หลังจากนี้รัฐบาล กกต. และ กรธ. จะหาทางออกร่วมกัน ผู้เกี่ยวข้องดูรายละเอียดอยู่ ทางออกจะมีมาก่อนที่ คสช.จะปลดล็อกให้พรรค การเมือง ส่วนแนวทางแก้ปัญหาจะเป็นอย่างไรยังตอบไม่ถูก เมื่อถามว่าจะชัดเจนก่อนการปลดล็อกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า แน่นอน
จ่อฟ้องนักร้องปูดซื้อดาวเทียม
อีกเรื่อง พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกประจำตัว พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่านายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ พล.อ.อ.ประจินเรื่องการจัดซื้อดาวเทียมเธเออ (THEIA) นั้น ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน มอบให้ฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรม ไปตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับนายศรีสุวรรณ ฐานให้ข้อมูลที่เป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. สร้างความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรองนายกฯ และสร้างความสับสนต่อสังคม สำหรับข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้คือโครงการดาวเทียมเธเออ (THEIA) เป็นดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ มีแค่การศึกษาด้านเทคนิค ยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ
“โภคิน” รอดชดใช้รถ–เรือดับเพลิง
ที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 1365/2557 ลงวันที่ 21 เม.ย.2557 ที่ให้นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทยสมัยนั้น ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กรุงเทพมหานคร ในคดีทุจริตโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย เป็นจำนวนเงิน 1,434,463,937.07 บาท ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า ความเสียหายที่ กทม.ได้รับจากการเปิด L/C ให้แก่บริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด เพื่อซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ไม่อาจถือว่าเป็นผลโดยตรงมาจากการที่นายโภคิน รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น ละเลยต่อหน้าที่ในการกำกับดูแล กทม. และไม่ต้องรับผิดชำระราคารถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยในงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 9 รวมทั้งความเสียหายอื่นๆ เนื่องจาก กทม. ดำเนินการเองมาตั้งแต่ต้น นายโภคินไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม เป็นเรื่องที่ กทม.ต้องรับผิดตามสัญญาเป็นการเฉพาะ
“วัชระ” จี้นายกฯสแกนงบฯไอที
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมเสนอของบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) รัฐสภาใหม่ 3,000 ล้านบาท ลดจากเดิมที่เคยยื่นขอ ครม. 8,648 ล้านบาท ว่า ผอ.สำนักงบประมาณ และอธิบดีกรมบัญชีกลาง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ถ้าไม่อยากติดคุกตอนแก่ และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. อย่าหลับหูหลับตาอนุมัติ ตัวท่านไม่โกง แต่กับคนอื่นท่านแน่ใจหรือว่าไม่โกง เรื่องก่อสร้างรัฐสภาใหม่นี้ ท่านไม่สงสัยบ้างหรือว่า อยู่ๆรัฐสภาที่เคยดึงดันของบฯระบบไอซีที 8,648 ล้านบาท ส่งเข้า ครม.ถึง 2 ครั้งติดๆกัน ทำไมลดเหลือ 3,000 ล้านบาท ถ้า พล.อ. ประยุทธ์เอาจริงต้องเชือดข้าราชการที่เกี่ยวข้องให้ดูเป็นตัวอย่าง
“สมคิด” เร่งสปีด 8 เดือนที่เหลือ
ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “เปลี่ยนธุรกิจไทยสู่โลกออนไลน์” แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ว่า เข้ามาในแวดวงการเมืองแล้ว 2 สมัย ได้ทำงานมากว่า 4 ปี มุ่งหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น น่าเสียดายที่เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ประเทศไทยเสียโอกาสอย่างมาก มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองส่งผลให้ประเทศวุ่นวายมาเป็นเวลากว่า 10 ปี การเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้ จึงมุ่งหวังตั้งใจทำ อยากทำให้สำเร็จ ขอเชิญทุกคนเข้ามาร่วมกันทำให้การเมืองดีขึ้น ไม่ใช่จะรอติแบบนักวิชาการ เข้ามาช่วยกันทำงานได้ รัฐบาลเหลือเวลาทำงานอีกแค่ 8 เดือน ได้สั่งให้ทุกหน่วยทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อว่าเวลา 8 เดือนนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้
ยธ.จี้ “ตั๊น” โชว์หลักฐานการเงิน
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร (สกุลเดิม ภิรมย์ภักดี) หรือตั๊น หนึ่งในแกนนำ กปปส. ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือเงินประกันตัวจากกองทุนยุติธรรม โดยก่อนหน้านั้นได้ขอเลื่อนนัดอัยการสำนักงานคดีพิเศษ การฟังคำสั่งในคดีกบฏและอื่นๆ ให้เหตุผลว่ารอเงินช่วยเหลือการประกันตัวจากกองทุนยุติธรรม น.ส.จิตภัสร์ยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 28 พ.ค. หลังจากนี้จะขอความร่วมมือให้แสดงหลักฐานเกี่ยวกับฐานะทางเศรษฐกิจ ภายใน 15 วัน นับจากที่ยื่นคำร้อง หรือต้องยื่นเอกสารหลักฐานมาให้สำนักงานกองทุนยุติธรรม ภายในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าส่งเอกสารมาให้พิจารณา ยืนยันไม่เลือกปฏิบัติ หากเข้าข่ายยินดีที่จะช่วยเหลือทุกคน
คนอยากเลือกตั้งตบเท้ามอบตัว
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ช่วงเช้าที่หน้าอาคารสหประชาชาติ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำโดยนายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นัดผู้ชุมนุม 47 คน เดินเท้าเข้ามอบตัวที่ สน.นางเลิ้ง หลังถูกฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความกล่าวโทษ นายรังสิมันต์แถลงว่า ทางกลุ่มยังคงเดินหน้าเคลื่อนไหวต่อ เพราะโรดแม็ปที่วางไว้บรรลุผลแล้ว ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยประกาศไว้ว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน เราจะติดตามตรวจสอบว่าจะมีการละเมิดคำสัตย์ที่ให้กับประชาชนอีกหรือไม่ ด้านนายสิรวิชญ์กล่าวว่า จะจับตาทุกฝีก้าวที่จะไปสู่การเลือกตั้ง และขอขีดเส้นตายให้รัฐบาลว่าเดือน มิ.ย.นี้ ต้องกำหนดการเลือกตั้งให้ชัดเจน ถ้าเลื่อนอีกเราจะขยับให้ใหญ่กว่าเดิม
องค์กรนานาชาติเฝ้าจับตามอง
ต่อมานายรังสิมันต์นำมวลชนเคลื่อนขบวนออกจากหน้าอาคารสหประชาชาติ แต่แทนที่จะไป สน.นางเลิ้ง กลับพากันมุ่งหน้าข้ามสะพานมัฆวานฯไปทำเนียบรัฐบาลแทน ทาง พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.ดุสิต ที่นำกำลังตำรวจมาควบคุมสถานการณ์ จึงสั่งตำรวจตั้งแถวสกัดขวางไว้ จนเกิดการปะทะยื้อยุดชุลมุนกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายกลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้เปลี่ยนใจ เดินไปพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สน.นางเลิ้งแทน โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รอง ผบ.ตร. มาอำนายการเรื่องคดีด้วยตัวเอง โดยมีตัวแทนสถานทูตและองค์กรระหว่างประเทศ มาร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ประมาณ 10 คน
รวมถึงนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ด้วย
ปล่อยตัวทั้งหมดไร้เงื่อนไข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 มาตรา 215 ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/58 ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.จราจร ทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์แจ้งกับทนายความกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าจะส่งตัวฝากขังทั้งหมด แต่สุดท้ายกลับสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข และให้มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งวันที่ 29 มิ.ย. เพื่อส่งฟ้องต่ออัยการ สร้างความแปลกใจให้แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ