"บิ๊กฉัตร" ชี้รอคำตอบเยอรมนีส่งตัว "อดีตพระพรหมเมธี" ขออย่าเอาพระไม่กี่รูป เป็นตัววัดทำศาสนาเสื่อม

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงการติดตามจับกุมตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่ประเทศเยอรมนี ว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ ขอให้ทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไปก่อน คงจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อยู่ตรงนั้นแล้ว ส่วนที่ทางอดีตพระพรหมเมธีไม่ยอมพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยนั้นไม่เป็นไร ว่ากันไปตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงการติดตามตัวพระสงฆ์ที่หลบคดีไปต่างประเทศรูปอื่นๆ ที่ผ่านมา จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เหมือนกับการติดตามตัวพวกที่ผิดกฎหมาย ต้องถามว่าพระที่หลบหนีไปผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดจะต้องดำเนินการติดตามตัวกลับมา ทุกอย่างทำเหมือนกับบุคคลทั่วไป

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดนั้น ตอนนี้ พศ.ยังไม่มีการรายงานเพิ่มเติมเข้ามา แต่ถ้าพบมีใครเกี่ยวข้องให้เดินหน้าต่อไป ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้เรามองพระสงฆ์ที่น่าเคารพนับถือ ซึ่งยังมีอีกจำนวนมาก ที่ผ่านมาเห็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เกิดความเสียหาย ศาสนาเสื่อมเสีย ตนอยากเห็นภาพประชาชนเคารพพระสงฆ์ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้าน ชุมชน หรือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติธรรม ยังมีอีกเยอะมาก อยากให้คิดว่าประเทศเราคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และยังเชื่อมั่นในศาสนาอยู่ จึงอยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณ อย่าเอาคนไม่กี่คนที่ทำให้เสื่อมเสียมาเป็นปัญหา

เมื่อถามว่า พระสงฆ์ที่ทำให้เสื่อมเสียเป็นถึงพระผู้ใหญ่ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า พระสงฆ์ในประเทศไทยระดับราชาคณะมีเป็นร้อยรูป แต่ที่ทำให้เป็นปัญหามีอยู่ 5–10 คน ที่ดีมีอยู่อีกเป็นร้อยรูป โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีมาก อยากให้ดูพระจริยวัตรที่งดงามของพระองค์ แต่เราไปสนใจแต่เรื่องที่ทำให้เกิดความสะใจ

...

เมื่อถามว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นถึงเวลาที่เราจะต้องสังคายนาพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า วันนี้ พศ.ได้รับนโยบายแล้วให้เดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป สิ่งใดที่ไม่ถูกต้องก็ทำให้ถูกต้อง และจริงๆ การดำเนินคดีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งในการปฏิรูปเหมือนกัน ต้องทำให้ดีขึ้น อย่างน้อยเมื่อทำสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้นจะทำให้เราได้รู้ข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร.