"จาตุรนต์" โพสต์เฟซฯ สับระเบียบจ้างพนักงาน-ลูกจ้าง ใช้เงินนอกงบฯ ทำโกลาหล แน่ เชื่อเดินต่อไปไม่ได้ แนะ เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือแก้ปัญหาแบบภาพรวม
วันที่ 1 มิ.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก "ปัญหาใหญ่และความโกลาหล : กรณีการจ้างพนักงานและลูกจ้างนอกงบประมาณ" ว่า ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานและลูกจ้างโดยใช้เงินนอกงบประมาณ กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่และคงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง การออกระเบียบนี้ สะท้อนถึงส่วนหนึ่งของปัญหาตรงนี้ทั้งระบบ ยังไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณากันในภาพรวม โดยที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐจำนวนมากต้องดิ้นรนหารายได้ เพราะได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ การใช้เงินนอกงบประมาณในเรื่องต่างๆ ไม่มีใครห้ามแล้ว หลายหน่วยงานยังถูกตั้งเงื่อนไขในการของบประมาณให้ใช้เงินนอกงบประมาณสมทบในโครงการต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ มีหน่วยงานของรัฐจำนวนมากในหลายกระทรวงที่ใช้เงินนอกงบประมาณในการจ้างพนักงานและลูกจ้างกันอยู่ ที่มากเป็นพิเศษได้แก่โรงพยาบาลต่างๆ มหาวิทยาลัยต่างๆ โรงเรียนต่างๆ เป็นต้น เมื่อมีระเบียบออกมาบอกว่าให้หน่วยงานของรัฐหลีกเลี่ยงการใช้เงินนอกงบประมาณจ้างพนักงานและลูกจ้าง และถ้าจำเป็นต้องจ้างก็ให้ทำความตกลงกับกรมบัญชีกลางเสียก่อน ก็ย่อมเกิดความโกลาหลขึ้นแน่ เพราะหลายหน่วยงานจะอยู่ในสภาพที่ไม่รู้จะเอางบประมาณที่ไหนมาใช้แทนและถ้ารอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลางก็อาจจะต้องเข้าคิวรอความเห็นของกรมบัญชีกลางนาน จนกระทั่งเสียหาย เพราะขาดแคลนคนทำงาน ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา ก็ย่อมจะกระทบผู้รับบริการทั้งหลาย จนทำให้มีองค์กรของผู้รับบริการอีกจำนวนมากกำลังจะเคลื่อนไหวคัดค้านการออกระเบียบนี้
ผมเชื่อว่าอย่างไรเสียระเบียบนี้คงใช้ต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ คงจะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแน่ แต่ทางออกในเรื่องนี้ ควรดูภาพรวม เพราะบางโครงการใช้เงินนอกงบประมาณ บางโครงการใช้เงินงบประมาณและบางโครงการใช้เงินทั้งสองประเภท เงินนอกงบประมาณ บางหน่วยงานได้งบฯ มาจากการบริจาคแล้ว ก็ได้มาจากใช้งบประมาณของรัฐไปทำกิจกรรมหรือการใช้ทรัพย์สินของทางราชการไปหาประโยชน์หรือรายได้เข้ามา
...
ส่วนเรื่องพนักงานและลูกจ้างก็มีปัญหาอยู่ เช่น สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ความมั่นคงในอาชีพและเส้นทางความก้าวหน้าควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร และยังมีปัญหาในเชิงระบบ คือ ไม่มีใครดูภาพรวมได้ว่าประเทศกำลังมีพนักงานลูกจ้างมากหรือน้อยเกินไปหรือไม่อย่างไร จะเพิ่มหรือลด กลายเป็นแต่ละหน่วยงานตัดสินใจกันเอง ยิ่งมีเงินนอกงบประมาณมากและสามารถใช้จ้างพนักงานและลูกจ้างกันได้ตามอัธยาศัย ก็ยิ่งไม่มีทางที่ใครจะดูแลภาพรวมในเรื่องนี้ได้ การปรับพนักงานหรือลูกจ้างเป็นข้าราชการ อาจจะขัดแย้งกับการรับคนเข้าเป็นข้าราชการ ซึ่งมีหลักเกณฑ์คุณสมบัติที่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าปัญหาอีนุงตุงนังได้ และย่อมเกิดปัญหาตามมาแน่นอน
ทางออกในเรื่องนี้ คงไม่ใช่ยกเลิกระเบียบแบบแล้วก็แล้วกันไป เพราะนอกจากสะสมปัญหาต่างๆ ต่อไปแล้ว ยังจะทำให้กระทรวงการคลังขาดความน่าเชื่อถือไปด้วย ทั้งนี้ทางที่ดีรัฐบาลควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบทั้งหลายได้ให้ข้อมูลและแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลปัญหาภาพรวม นอกจากกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลังแล้ว น่าจะมีสำนักงบประมาณ สำนักงานก.พ. ก.พ.ร.และหน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณอยู่มากหรือใช้เงินนอกงบฯ จ้างพนักงานและลูกจ้างอยู่มากๆ เป็นต้น เพราะการออกระเบียบดังกล่าวแก้ปัญหาเป็นจุดๆ ไม่มองภาพรวม ขาดการปรึกษาหารือฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จนกลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ที่ท่องคาถาปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งแบบนกแก้วนกขุนทองมา 4 ปีแล้ว