คุณหญิงสุดารัตน์ ซัด ‘ครบ 4 ปี คสช.’ การปฏิรูปประเทศยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่าง บอกอย่าใช้แต่ ม.44 เป็นเครื่องมือให้ทุกฝ่ายกลัว แต่ปัดออกความเห็น กระแสพลังดูด ‘บิ๊กตู่’ จะไปสระแก้ว

เมื่อ 13 พ.ค.61 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวในโอกาสครบรอบ 4 ปีของ คสช. โดยเฉพาะด้านการปฏิรูปประเทศว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปร่าง การทำให้ปัญหาสงบได้โดยใช้มาตรา 44 นั้น ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติสันติสุขอย่างยั่งยืน เพราะสันติสุขจะยั่งยืนจะต้องเริ่มจากการปรับความคิดของตนเอง เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความคิดเห็นตรงกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่จะทำให้เกิดสันติสุขยั่งยืน จึงอยากให้ผู้มีอำนาจเดินหน้าไปสู่ความปรองดองอย่างแท้จริง อย่าใช้เพียงกฎหมายหรือมาตรา 44 มาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ทุกฝ่ายเกรงกลัว เพราะคนไทยทุกคนไม่ว่าจะฝ่ายใดหรือสีใด เป็นคนเข้าใจง่ายเพราะมีพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองด้วยความปรารถนาดีของทุกฝ่าย

ส่วนการยกเลิกมาตรา 44 เพื่อปลดล็อกให้นักการเมืองเคลื่อนไหวนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกฝ่ายในประเทศไทยเรียกร้องให้ยกเลิกอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง โดยเฉพาะบรรยากาศการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งที่ควรคืนโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และส่วนตัวไม่อยากให้ใครกลัวเพียงความคิดที่แตกต่าง เพราะความเห็นต่างคือความเห็นที่สร้างสรรค์

ขณะเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและพูดคุยกับอดีตนักการเมืองว่า ถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคล ซึ่งการพบและพูดคุยมีหลายรูปแบบ ส่วนที่มีกระแสว่านายกรัฐมนตรีจะไปพบกับนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วนั้น ส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเชื่อว่าสิ่งใดที่ทำและเป็นประโยชน์และทำให้การเมืองดีขึ้น นักการเมืองก็จะต้องคิดเองได้ ส่วนกระแสพลังดูดนักการเมืองเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ใช้กันมาจนเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ แต่จะไปบังคับผู้มีอำนาจไม่ให้ทำนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะได้เลือกใช้วิธีดังกล่าวเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป แต่ท้ายที่สุดผลออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นคนเลือก ส่วนที่ คสช.เดินสายทาบทามนักการเมืองอยู่ฝ่ายเดียวนั้น อยากทำอะไรขอให้ทำให้เต็มที่

...

ขณะเดียวกัน แกนนำและสมาชิกคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยจะยังคงอยู่กับพรรคต่อไปหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าทุกคนเป็นตัวแทนประชาชนต่างคนต่างมีอุดมการณ์และความรับผิดชอบต่อประชาชน น้อยคนที่จะทรยศต่ออุดมการณ์และประชาชนที่เลือกเข้ามา

ส่วนใครจะทรยศและไม่ร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อไทยก็เป็นส่วนบุคคล ตนเองไม่สามารถไปตัดสินได้ แต่เชื่อว่าน้อยคนจะทำเช่นนี้  เพราะส่วนใหญ่ยังยึดมั่นอุดมการณ์และความซื่อสัตย์ที่มีให้กับประชาชน และใครเห็นว่าการทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจจะทำให้อนาคตยืนยาวก็แล้วแต่จะคิด เพราะไปกับผู้มีอำนาจอาจจะง่ายมีทั้งอำนาจเงินและอำนาจรัฐ แต่เชื่อว่าทุกคนไม่ได้เห็นแก่เงินและอำนาจเหมือนกันหมด.