ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากด้วยกันทั้งคู่
สภาพฐานเสียงร่อยหรอ 2 ขั้วใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” หลังหมดเดดไลน์ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค
ฝั่งพรรคเพื่อไทยเหลือยอดสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการประมาณ 10,000 คน จากที่เคยมี 1.3 แสนคน แต่ยังไม่เสียหายหนักเท่าพรรคประชาธิปัตย์ที่สมาชิกพรรคลดฮวบอย่างน่าใจหาย เหลือ 1 แสนคน จากสูงสุดที่เคยมี 2.5 ล้านคน
แต่นั่นยังไม่น่าห่วงเท่าปริมาณอดีต ส.ส.ในสังกัด ที่นับวันยิ่งหดหาย มีแววถูกฉกตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขุมกำลัง 2 ค่ายการเมืองใหญ่ไม่แน่นปึ้กเหมือนเก่า ตามผลพวงการรีเซ็ตพรรคการเมือง
ตัวอย่างที่เห็นๆในโซน กทม. และภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียดุลตัวผู้เล่น
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่แว่วๆยังมีอดีต ส.ส.บางก๊วนไม่มารายงานตัวตามเส้นตายที่กำหนด ไม่ได้มีแค่เฉพาะตระกูล “สะสมทรัพย์” จ.นครปฐม หรือกลุ่มวังน้ำยม จ.สุโขทัย ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เครดิตการเป็นพรรคใหญ่ไม่ได้ช่วยมัดใจอดีตผู้แทนไม่ให้ตีจาก ภายใต้สถานการณ์ที่ฝ่ายการเมืองมีแนวโน้มต้องตกเป็นเบี้ยล่างท็อปบูตไปอีกพักใหญ่
มิหนำซ้ำอาจยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ตามรูปการณ์กลยุทธ์สกัดนายทุนจ่ายท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนพรรค การเมืองที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตีโพยตีพาย
บล็อกแหล่งน้ำเลี้ยง มิให้ส่งกำลังบำรุงได้ถนัด ชิงความได้เปรียบทุกวิถีทาง ก็เป็นธรรมดาที่นักเลือกตั้งต้องไขว่คว้าหาที่เกาะ ไม่ให้ตกขบวน
โยกไปอยู่กับฝ่ายกุมอำนาจตัวจริง ดีกว่าเสี่ยงล่มหัวจมท้ายอยู่ที่เก่า โดยไม่มีอะไรดีขึ้น
เกมคุมกำเนิดพรรคการเมืองทำงานได้ตามเป้า เล่นงาน “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ขาสั่น อยู่ไม่เป็นสุข
...
ระดับหัวแถวแต่ละพรรค ทั้ง “เดอะมาร์ค” และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องออกโรงเล่นเองต่อเนื่อง
แท็กทีมกันออกแอ็กชั่นหนักๆตอบโต้ปฏิบัติการพลังดูดของรัฐบาล คสช.
ไม่สนคำพูด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
ที่ปฏิเสธไม่เคยปูพรมดูด ส.ส.เข้าสังกัด แต่เป็นการยินยอมของนักการเมืองที่อยากมาร่วมทำงานกับรัฐบาลเอง
แนวโน้มไม่ใช่สะเทือนหนักแค่ประชาธิปัตย์พรรคเดียว
ทีมงาน “นายใหญ่” ก็ต้องสะดุ้ง เร่งปรับกระบวนทัพยกใหญ่ ตามกระแสข่าวที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมบินมาที่ประเทศสิงคโปร์
แก้เกมพลังดูดที่มีการใช้เงื่อนไขทางคดีความและธุรกิจมาล่อใจ ส.ส.อีสานในสังกัดให้ย้ายค่าย
เบอร์ 1 ที่เคยผูกขาดอำนาจอย่างพรรคเพื่อไทยก็เริ่มหวั่นไหวกับความแรงของ “บิ๊กตู่” ที่ไล่หายใจรดต้นคอ ทำแต้มเบียดขึ้นมาเรื่อยๆ
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาล คสช.ครองแต้มต่อ กุมสภาพความได้เปรียบ ถือกลไกควบคุมอำนาจรัฐไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ดึงอดีต ส.ส.เข้าสังกัดได้เป็นกอบเป็นกำ ล่าสุดยังไปทาบกลุ่มบ้านริมน้ำของ นายสุชาติ ตันเจริญ มาเติมแต้มไว้เป็นฐานกำลังสู้กับพวกขาใหญ่ทางการเมือง ช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง
เหลือแค่รอจังหวะให้ “บิ๊กตู่” ประกาศลงสนามเลือกตั้ง มาขายความต่อเนื่อง สานต่อโครงการประชารัฐและไทยนิยม ตลอดจนขยายเมกะโปรเจกต์ที่ตั้งแท่นรอไว้มากมาย
โชว์จุดขายล่อใจ รับประกันความเสี่ยง สงครามความขัดแย้งรอบใหม่จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ภายหลังการเลือกตั้ง หาก “ลุงตู่” ได้ต่อตั๋วอำนาจอยู่ต่อ
วัดกำลังกันในยามนี้ อำนาจพิเศษสามารถกุมสภาพครบเครื่องทุกขุมกำลัง กระแส–กระสุนมีเต็มหน้าตัก ยืนระยะวัดกับนักการเมืองได้สบายๆ
จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องยื้อการเลือกตั้งออกไป ตามท่าที “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล้าการันตีหนักแน่นไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกจากโปรแกรมเดิม เดือน ก.พ.2562
ความมั่นใจ “บิ๊กตู่” มาถึงขีดสุด เตรียมแต่งตัวรอกลับมาเบิ้ลอำนาจอีกรอบ
2 ขั้วยักษ์ใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ดูยังไงก็เหนื่อยหนักแน่นอน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน