ต้องยอมรับว่ารัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลที่มุ่งมั่นปฏิรูปตำรวจมากที่สุด เขียนบังคับไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรก ทั้งยังตั้งองค์กรขึ้นมาศึกษา และเสนอแนะแนวทางปฏิรูปหลายคณะ เริ่มตั้งแต่สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการการปฏิรูปตำรวจ เป็นต้น แต่ล้มเหลวทุกครั้ง จนต้องกลับไปใช้บริการผู้ร่างรัฐธรรมนูญ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผู้เขียนรัฐธรรมนูญมากับมือ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ประกาศรับอาสาจะเป็นผู้นำการปฏิรูปตำรวจ เริ่มต้นด้วยการตั้งโจทย์ 2 ข้อ คือความทุกข์ของประชาชน และความทุกข์ของตำรวจอาสาว่าจะช่วยแก้ปัญหา โดยไม่เกรงใจตำรวจหรือใครๆ

ประธานการปฏิรูปตำรวจคนใหม่ มองว่าตำรวจมีภารกิจมาก แต่มีบุคลากรไม่เพียงพอ จึงต้องโอนงานซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักของตำรวจ ให้หน่วยงานอื่นๆไป เช่น งานจราจรและงานทะเบียน เพราะไม่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ส่วนงานสอบสวนยังคงเป็นหน้าที่ของตำรวจ ควบคู่กันไปกับการป้องกันและปราบปราม แต่จะให้มีอิสระ

จะปฏิรูปงานสอบสวนอย่างไร จึงจะสามารถอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนได้ เป็นประเด็นที่โต้เถียงกันมา ทั้งในการร่างรัฐธรรมนูญ และเวทีอื่นๆ พ.ต.อ.วรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ผู้มีประสบการณ์ด้านตำรวจอย่างโชกโชน และเพิ่งจะพิมพ์หนังสือชื่อ “วิกฤติตำรวจและงานสอบสวนจุดดับกระบวนการยุติธรรม” แสดงความเป็นห่วงว่าการปฏิรูปจะถูกทางหรือไม่

อดีตนายตำรวจผู้นี้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า นายมีชัยอาจจะกล้าทำโดยไม่เกรงใจตำรวจ แต่มีปัญหาว่ามีความเข้าใจในปัญหามากน้อยแค่ไหน รับรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชน และตำรวจชั้น ผู้น้อยแค่ไหน ขณะที่นายมีชัยชี้ว่าหัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจได้แก่การแต่งตั้งโยกย้าย ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ต้องยึดหลักอาวุโสและความรู้ความสามารถ

...

การปฏิรูปตำรวจเป็นประเด็นสำคัญ ที่สังคมไทยจะถกเถียงและผลักดันต่อไป อาจเป็นการมองต่างมุม แต่ก็เป็นเรื่องปกติและเป็นประโยชน์ ถ้าหากมองในภาพรวม น่าจะต้องปฏิรูปตำรวจในทุกด้าน โดยยึดหลักที่นักวิชาการบางท่านเสนอ คือต้องกระจายอำนาจไปเป็นตำรวจจังหวัด ต้องมีระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ตำรวจ และทำให้องค์กรตำรวจเล็กลง

ปัจจุบันองค์กรตำรวจมีสถานะเทียบเท่ากองทัพ มีกำลังพลกว่า 2 แสนคน มีนายพลเกือบ 500 คน มากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นองค์กรที่ติดอาวุธ มีอำนาจจับคนเข้าคุก และปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ จึงเป็นองค์กรที่มีปัญหามากมาย ระบบอุปถัมภ์เล่นพรรคเล่นพวก ระบบส่วย ไม่สามารถผดุงความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในทุกกลุ่มโดยเสมอหน้า.