นายกฯ ทาแป้งหน้านวล ก่อนแถลงข่าวหลังถก ครม.บอกอารมณ์ดี ได้ทำงานให้ประเทศ เผยถามพรรคหนุนแล้ว ไม่ดูดแลกเก้าอี้ รมต.โวเนื้อหอม นั่งเฉยๆ วิ่งมาเอง แนะจับตาพรรคใดหนุน "คนอยากเลือกตั้ง" ชุมนุมค้างคืน ย้ำเลือกตั้งแน่ต้นปี 62 อย่าห่วงจะเลื่อนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงจากห้องประชุม ครม.เพื่อมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งสื่อมวลชนได้ทักนายกฯ ว่า หน้าตาสดใสลงมาเลย เนื่องจากเห็นว่านายกฯ ทาแป้งจนหน้านวล ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า วันนี้ที่หน้าตาสดใสเพราะว่าอารมณ์ดี มีความสุขที่ได้ทำอะไรให้กับประเทศชาติ จะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็ได้ทำไปเยอะพอสมควร
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักวิชาการออกมาวิจารณ์คนในรัฐบาลและ คสช. เล่นการเมืองด้วยวิธีการดูด ส.ส.เป็นการกลับเข้าสู่วงจรแบบเก่าว่า ตอนนี้ตนก็เห็นนักวิชาการออกมาทักท้วงตั้งข้อสังเกตมาวิจารณ์กันเยอะ ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไป ตนก็ฟังแต่สิ่งสำคัญ คือ ตนรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ การที่ตนพูดว่าดูดเป็นมานานแล้ว คงไม่ใช่ว่าตนยอมรับกติกาตัวนี้ อยากให้พิจารณาดูว่า ที่มีข่าวสารออกมามันเป็นเรื่องที่นักการเมืองสมัครใจกันเองหรือไม่ ทุกทีเวลาเลือกตั้งสื่อก็จะเห็นอยู่ ทุกคนจะย้ายไปตรงนู้นตรงนี้อะไรต่างๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคที่เขาอยู่มาก่อน แล้วเขาเห็นอนาคตหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้เลย
"ผมยังได้สอบถามพรรคการเมืองที่มีข่าวว่าสนับสนุนผม โดยถามไปว่าทำแบบนั้นหรือ ไปเสนอผลประโยชน์กันไว้หรือเขาบอกว่าไม่ได้มีอะไร นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบหารือ ซึ่งเป็นธรรมดาของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้ ทุกอย่างยังไม่ไปสู่ขั้นตอนอะไรซักอย่าง ฉะนั้น ยังไม่ชัดเจนหรอก ผมยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการพูดคุยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องระมัดระวัง ซึ่งทุกคนคงทราบดีแล้ว ตนไม่เห็นด้วยเลย หากเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง หรือนโยบายต่างๆ เป็นเรื่องของเขา ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่การใช้เงิน หรือเสนอผลประโยชน์ไว้ล่วงหน้า สิ่งนี้ ตนไม่ต้องการโดยเด็ดขาด จะไปซื้อ สัญญา จะให้ตำแหน่งโควต้ารัฐมนตรี ตนคิดว่าไม่ค่อยถูก แต่หากเป็นเรื่องที่ทุกคนจะเข้ามาทำการเมือง หรือพัฒนาประเทศร่วมกัน จะต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรในการเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน
เมื่อถามถึงมาตรการรับมือกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่เตรียมชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ โดยจะชุมนุมปักหลักค้างคืน ว่า พวกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เราบอกแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้านี้แน่นอน ก็ยังจะเคลื่อนไหวอีก ต้องไปดูว่ากลุ่มคนที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มไหน คนเดิมๆ หรือคนใหม่ มีการสนับสนุนจากใคร สอดคล้องกับสิ่งที่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองออกมาพูดตรงไหน ก็แสดงว่ากลุ่มนั้นเป็นผู้สนับสนุนให้ออกมา ดังนั้นอยากให้ประชาชนใช้การเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา ช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา เพราะกฎหมายมีทุกตัว พอบานปลายก็ต้องใช้กฎหมายเสร็จแล้วกลายเป็นว่ารัฐบาลไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ตัวเองไปละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น วันนี้บ้านเมืองต้องสงบเพื่อให้ทำมาหากินได้ การท่องเที่ยวไปได้ ชุมนุมไปไม่ได้อะไรขึ้นมา รัฐบาลนี้เอาทุกประเด็นมาแก้ปัญหาอยู่แล้ว
"การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตย ต้องคิดดูว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำอย่างไร จึงจะได้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันสังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีการเลือกตั้ง หลักการที่จะเลือกคนไปเป็นส.ส.จะต้องเปลี่ยนวิธีการหมดแล้วผมจะไปบังคับใครได้ มันขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด ทั้งระดับบน กลางผู้มีรายได้น้อย ทั้งหมดต้องช่วยกันออกมาเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นักการเมืองใหม่ขึ้นมาให้ได้ หรือนักการเมืองเดิมๆ ที่ดีๆให้ได้ ผมยังไม่ไปก้าวล่วงพวกนี้เลย ขอเถอะ บ้านเมืองกำลังไปได้ด้วยดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราก็พูดและประกาศไปแล้ว เราจะเลือกตั้งในต้นปี 62 ก็ไม่เห็นมีประเทศใดทักท้วงเขาก็พอใจขอให้เราเดินไปตามนั้น ไม่ต้องมาเป็นห่วงว่ารัฐบาลนี้จะเลื่อน ผมไม่เคยคิดจะเลื่อนเลย แต่ที่มันปรับมาก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ก็ยังมาหาว่าผมทำให้กฎหมายยืดเยื้อ ผมจะไปทำอะไรขนาดนั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ผมกังวลในวันนี้คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไว้ วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ไม่ทราบ บางอย่างที่แก้ไปแล้วก็โอเค แต่จะกลับมาใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ และสิ่งที่เริ่มไปแล้วจะทำต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราทำมาต่อเนื่อง 4 ปี มันถึงสำเร็จในบางเรื่อง บางเรื่องใช้เวลาปีเดียว แต่บางเรื่องต้องใช้เวลาถึง 10-20 ปีด้วยซ้ำ มันจะได้รับการสานต่อหรือไม่จากฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลในสภา นั่นคือสิ่งที่ทุกคนน่าจะห่วงใยมากกว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งมาตีกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง