"ราเมศ" ไล่ "โอ๊ค" ศึกษาประชาธิปไตย ใช้เสียงข้างมาก สวนพรรคไหนโกงจนติดคุก ยกสารพัดเหตุเรียกทหารยึดอำนาจ จวกน่าอายมากกว่า มี "พ่อ-อา" แทรกแผ่นดินหนีต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 61 นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ไอจีพาดพิง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายพานทองแท้ เหน็บแนมพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคแล้ว รู้เลยว่า นายพานทองแท้ ไม่เคยศึกษาบทเรียนประวัติศาสตร์ เรื่องเสียงข้างมากในระบบประชาธิปไตย ที่ใช้เสียงข้างมากในการย่ำยี ทำลายระบบประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ว่า เราจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ นี่คืออุดมการณ์พรรคที่ยืนหยัดมาตลอด 72 ปี เราแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน ชนะก็เป็นรัฐบาล แม้ขณะนี้จะมีการยึดอำนาจ แต่เรายังเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยังเปิดทำหน้าที่ไม่มีวันหยุดเพื่ออยู่เคียงข้างประชาชน และยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย แม้เป็นเสียงข้างน้อย เราเป็นฝ่ายค้านที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และคอยเตือนรัฐบาลเพื่อไม่อยากให้เกิดเงื่อนไขนำไปสู่การปฏิวัติ แต่รัฐบาลเสียงข้างมากไม่เคยสนใจ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า หรือความหมายประชาธิปไตยของคุณพานทองแท้ คงจดจำแต่พฤติกรรมที่พรรคของบิดานายพานทองแท้ และครอบครัวได้สร้างขึ้นมา คนในพรรคซื้อเสียงจนถูกยุบพรรค คนในพรรคโกงจนติดคุก หรือหนีไปต่างประเทศ หรือพยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์จนศาลตัดสินว่า ออกกฎหมายโดยไม่ชอบ เสียบบัตรแทนกัน ออกกฎหมายล้างผิดช่วยคนเผาบ้านเผาเมือง คนที่คดโกงประเทศ หรือแม้แต่พยายามสร้างหนี้ให้ประเทศเป็นร้อยปี โดยการกู้ยืมเงิน 2 ล้านล้าน หรือออกนโยบายเพื่อโกงเงินแผ่นดินมากที่สุดเกือบ 1 ล้านล้านบาท เช่น โกงในโครงการรับจำนำข้าว ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ และคนในพรรคที่แบ่งแยกประชาชน ที่ระบุว่าจะพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคเราก่อน ล้วนเป็นเหตุแห่งเงื่อนไขเรียกให้ทหารออกมายึดอำนาจ
...
"พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียกทหารมายึดอำนาจ แม้คนที่ออกไปต่อสู้ร่วมกับประชาชนหลายคนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่เขาก็ยังมีสถานะความเป็นประชาชน ที่ออกมาต่อสู้กับรัฐบาลทรราช และไม่ได้ไปเพราะพรรคมีมติ และไม่ได้ไปทำสิ่งที่ชั่วร้ายไปเผาบ้านเผาเมือง ส่วนที่คุณพานทองแท้ระบุว่า อาย อยากแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า "ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบนั้น" เรื่องนี้ไม่น่าอายเพราะคือความจริง แต่ถ้าเป็นตัวผม ผมจะอายมาก ถ้าพ่อหรืออาของผมหนีคดี แล้วแทรกแผ่นดินหนีไปอยู่ต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่น่าอับอายในความคิดของผม" นายราเมศ กล่าว