เจอกระทู้ถามในสภาฯ หนักแน่ ‘มาร์ค’ นำขบวนยืนยันสมาชิก โพลแฉคน 41% ไม่รู้จักไทยนิยม

พรรคเก่าคึกคัก “อภิสิทธิ์” นำขบวนประชาธิปัตย์ยืนยันสมาชิก ประกาศแนวทางสร้างพรรคใหม่ ยันมีแค่ “เทือก-ธานี” แยกทาง ลั่นใครหนุน “บิ๊กตู่” ให้ไสหัวไป “เอกนัฏ-พุทธิพงษ์” อดีต กปปส.กลับรัง คนการเมืองร่วมยินดี 9 ปี ภูมิใจไทย “อนุทิน” ประกาศเล่นการเมือง แบบมือสะอาด ไม่ปิดทางจับมือพรรคทหาร เพื่อไทยมั่นใจชนะเลือกตั้ง อดีต ส.ส.ยังปักหลักเหนียวแน่น “วาดะห์” กลุ่มเดียวขอแยกวง กลุ่มบ้านริมน้ำตบเท้ากินข้าวบ้าน “สุชาติ” แต่ไร้เงา “สมคิด” ร่วมแจม “ป๋าเหนาะ” ทำบุญวันเกิด 84 ปี ฟันธงเลือกตั้งกระเถิบอีก ไม่ใช่ ก.พ.62 เตือน “บิ๊กตู่” เล่นการเมืองเจอกระทู้จัดหนักในสภา อาจมีสภาพเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า ชี้อยากเป็นนายกฯ ต่อให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ “บิ๊กตู่” โยนเผือก สนช.ยื่นตีความกฎหมายลูก ส.ส. “ทักษิณ” สับอีก คสช.ไร้ความยุติธรรม โพลชี้ม็อบ กระทบเลือกตั้ง อึ้งชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้จักไทยนิยม

เข้าสู่วันที่ 1 เม.ย. วันแรกที่เปิดให้พรรคการเมืองเก่ายืนยันตัวตนเป็นสมาชิกพรรค ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย. ความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองต่างๆเริ่มคึกคัก พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย นัดหมายแกนนำ อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคมายืนยันตัวตนทันที

...

“มาร์ค” นำทีมยืนยันสมาชิก ปชป.

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เวลา 08.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ บรรยากาศคึกคัก แกนนำพรรคอดีต ส.ส.ทยอยเดินทางมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคเป็นวันแรก ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 นอกจากนี้ ยังเปิดให้สมาชิกพรรคที่เดินทางกันมาเนืองแน่นยืนยันตัวตนด้วย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค มายืนยันตัวตนโดยสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนที่ยึดเลข 13 หลัก พร้อมชำระค่าสมาชิก 2,000 บาท เป็นสมาชิกประเภทตลอดชีพ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช ฝ่ายยุทธศาสตร์พรรค นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ รวมทั้งอดีตแกนนำ กปปส. อาทิ นายอิสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม

ประกาศแนวทางสร้างพรรคยุคใหม่

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์แถลงชี้แจงต่อสมาชิกพรรคผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ หัวข้อ “อนาคตประชาธิปัตย์ อนาคตประเทศไทย” ว่า ในวันที่ 6 เม.ย. พรรคจะมีอายุ 72 ปี ที่ผ่านมาอุดมการณ์ชัดเจนไม่เคยเปลี่ยน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง พรรคจึงต้องปรับตัวให้ทันกับโลกาภิวัตน์ จากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนสับสนบทบาทของพรรคการเมือง พรรคจึงยืนยันยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่โปร่งใส เดินหน้าสร้างพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นพรรคของประชาชน จากนี้จะเดินหน้าระดมให้สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนกลับมายืนยันมากที่สุด เมื่อ คสช.ปลดล็อกจะเดินหน้าหาสมาชิกและให้มีสาขาพรรคมากที่สุด เป็นหลักประกันว่าประชาชนเป็นเจ้าของพรรค จะเขียนข้อบังคับพรรคให้ที่ประชุมใหญ่เคารพการตัดสินใจของสมาชิกที่หยั่งเสียงการเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง และให้สมาชิกมีโอกาสร่วมร่างนโยบายพรรคด้วย โดยมีแนวทางบริหารพรรคภายใต้แนวทางการสร้างใหม่ ต่อยอด ไม่รื้อทิ้ง ต่างจากการปฏิรูปที่ทำกันใน 3-4 ปี เพื่อนำมาสู่ 1.เศรษฐกิจยุคใหม่ 2.การศึกษายุคใหม่ 3.การเมืองยุคใหม่ 4.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมยุคใหม่ 5.ระบบราชการยุคใหม่ โดยพรรคเป็นผู้นำสร้างวัฒนธรรมประเพณีการเมืองที่โปร่งใส มีการกระจายอำนาจบริหารงาน ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม และสิ่งสำคัญการบังคับใช้กฎหมายจะต้องศักดิ์สิทธิ์

ยันมีแค่ “เทือก-ธานี” ที่แยกทาง

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นกลุ่มกปปส.ว่า ยืนยันว่านอกจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่ลาออกไป และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่แสดงเจตนาว่าจะเป็นผู้ไปจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็ยังไม่มีอดีต ส.ส.ท่านอื่นมาบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับเรา และเท่าที่สังเกตวันนี้หลายท่านก็มายืนยันแล้ว ส่วนบางท่านที่มายืนยันไม่ได้เนื่องจากไปบวช แล้วพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องรอสมัครสมาชิกพรรคใหม่

ใครหนุน “บิ๊กตู่” ให้ไสหัวไป

“ยืนยันว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.นั้น ให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคอื่นรองรับเยอะแยะ ถ้าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรค ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร ก็ตาม ซึ่งความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนทหารเป็นรัฐบาลนั้น ต้องไปดูว่าทหารเข้ามาได้อย่างไร และมีกี่เสียง” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ชี้พูดบิดพลิ้วเสี่ยงเกิดขัดแย้ง

เมื่อถามว่า ตามเงื่อนไขการยืนยันสมาชิกของพรรคที่มีอยู่กว่า 2.5 ล้านคน อาจจะเหลือเพียงแค่แสนคน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราพยายามให้ได้มากที่สุด ทุกคนทราบดีว่าการออกกฎหมายเช่นนี้มีอุปสรรคอะไร หากวันหนึ่งบ้านเมืองถึงวิกฤติและจำเป็นต้องให้ทหารอยู่ในอำนาจต่อจะเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าการจะเดินหน้าที่จะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง คือ ทุกคนต้องรักษาคำพูดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ถ้าทำอะไรที่ประชาชนมองว่ามีการบิดพลิ้ว ก็จะเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้ง จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้

“เอกนัฏ-พุทธิพงษ์” ตายรัง ปชป.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า ยืนยันยังทำกิจกรรมการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ การเดินทางมาที่พรรคเพื่อยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค เพราะขาดสมาชิกภาพตั้งแต่ตอนไปบวช แต่ตามขั้นตอนยังไม่สามารถกระทำอย่างเป็นทางการได้ ต้องรอจนกว่า คสช.จะปลดล็อก ทั้งนี้แม้จะเคยร่วมอุดมการณ์กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ก็ไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ภารกิจนั้นสิ้นสุดลงแล้วหลังการรัฐประหาร ผู้เคยร่วมต่อสู้สามารถสานต่อเจตนารมณ์ตามความถนัดของแต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคเก่าหรือตั้งพรรคใหม่ ไม่บาดหมางกัน ยืนยันจะสานต่อเจตนารมณ์ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงพรรคให้เป็นของประชาชน ตามที่หัวหน้าพรรคประกาศไว้ ไม่มีเงื่อนไขเรื่องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า แม้จะกลับมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปพรรคให้เป็นพรรค การเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

สรุปยอดสมาชิกวันแรก 1.3 พัน

ต่อมาเวลา 16.00 น. น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า ยอดสรุปผู้ที่มาแสดงตนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 1 เม.ย. มีจำนวน 1,308 คน แบ่งเป็นสมาชิกตลอดชีพ จำนวน 556 คน และสมาชิกแบบรายปี 752 คน รวมเงินค่าบำรุงพรรคทั้งสิ้น 1,187,200บาท เบื้องต้นยังพบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่บางคนนำบัตรมายืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อไปตรวจสอบฐานข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ามีชื่อเป็นสมาชิกพรรคอื่นด้วย จึงยังไม่สามารถลงทะเบียนกับพรรคเราได้ ต้องไปลาออกจากพรรคอื่น และต้องรอ คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองเปิดรับสมาชิกใหม่ คนเหล่านี้จึงจะมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้ และยังมีปัญหาการที่สมาชิกต้องชำระค่าบำรุงพรรคในระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.นี้ ซึ่งจำกัดมาก เพราะในเดือน เม.ย.มีวันหยุดราชการหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงเหลือวันทำการแค่ 17 วัน ดังนั้นพรรคจะหารือว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

จวกยับ คสช.-กกต.ก่อปัญหาภาระ

น.ต.สุธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความไม่ชัดเจนของ กกต.หลายกรณี อาทิ กรณีห้ามพรรค การเมืองทำการประชาสัมพันธ์ แต่ให้สื่อสารกับสมาชิกได้ เราก็ไม่ทราบว่าหมายถึงวิธีการใดและทำได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้ง กกต.เพิ่งชี้แจงความชัดเจนกับพรรคต่างๆ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้แต่ละพรรคการเมืองมีเวลาประสานงานกับสมาชิกน้อยมาก ขณะที่คำสั่ง คสช. ที่ห้ามพรรค การเมืองทำกิจการใดๆ ยังเป็นอุปสรรคปัญหา อาทิ การประชุมขอมติจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเปิดบัญชีรับเงินบำรุงพรรคจากสมาชิก ทั้งหมดเป็นปัญหาเพราะความไม่ชัดเจนในกติกาของ คสช. และ กกต.ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ตามหน้าที่ที่ระบุในกฎหมายว่าต้องทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็ง แต่กลับตีความเข้าข้าง คสช.ตลอด จนสร้างความสับสน เป็นภาระให้ประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ เขาสั่งอะไรมา กกต.ก็ไม่มีปากเสียง อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่ กกต.จะอยู่ต่อ

ภูมิใจไทยทำบุญพรรคก้าวสู่ปีที่ 10

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย ย่านบางเขน มีการทำบุญใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 9 ปี ก้าวสู่ปีที่ 10 ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งปีนี้เลื่อนงานวันเกิดพรรคขึ้นมาจากวันที่ 6 เม.ย. มาเป็นวันที่ 1 เม.ย. เนื่องจากต้องการให้สมาชิกพรรคภูมิใจไทยมายืนยันตัวตนด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำสำคัญเดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รองหัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และยังมีแกนนำพรรคภาคอีสาน และภาคใต้เข้าร่วมพิธีสงฆ์ พิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในพรรคเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ด้วย ขณะที่พรรค การเมืองอื่นๆ ส่งตัวแทนมาร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นอกจากนี้ยังมีกระเช้าดอกไม้จากพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

เปิดยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยได้เปิดช่องทางผ่านเว็บไซต์ของพรรคให้สมาชิกพรรคสามารถดาวน์โหลดเอกสารยืนยันตัวตนความเป็นสมาชิกพรรค ขณะเดียวกันที่พรรคมีสมาชิกมายืนยันตัวตนเป็นจำนวนมาก โดยพรรคภูมิใจไทยมีสมาชิกเก่าประมาณ 150,000 คน ทั่วประเทศ

“อนุทิน” ลั่นไม่เล่นการเมืองสกปรก

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายอนุทิน แถลงว่าขณะนี้พรรคมีความพร้อมเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่กับ คสช.ที่จะปลดล็อกข้อห้ามต่างๆ เราพร้อมรับกฎกติกาทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญใหม่ สมาชิกและผู้สมัครของพรรคจะปฏิบัติตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช้วิธีสกปรกก่อให้เกิดความขัดแย้งเพียงเพื่อให้ได้เปรียบในการชิงพื้นที่ พรรคภูมิใจไทยก้าวสู่ปีที่ 10 มีประสบการณ์และบทเรียนความสำเร็จ ผิดพลาด มุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ยืนยันจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 350 เขต มั่นใจจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม และจะเสนอชื่อคนเป็นนายกฯจากพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น

ไม่ปิดทางจับมือพรรคทหาร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ นายอนุทินตอบว่า วันนี้เห็นนายพิเชษฐ์ ตันเจริญ พี่ชายนายสุชาติ รวมทั้งหลานชายนายสุชาติและทีมงานยังมาที่พรรค คงต้องรอดูความชัดเจนจนถึงช่วงรับสมัครเลือกตั้ง ขณะนี้ทีมงานจังหวัดพิจิตร นำโดยนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ยังอยู่พรรคภูมิใจไทยแน่นอน เมื่อถามว่า จะจับมือกับพรรคทหารหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า หากพรรคการเมืองใดมีอุดมการณ์เดียวกัน ทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มั่นคง และยึดตามกติกา พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะร่วมด้วย แต่หากพรรคใดทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ ก็จะไม่ร่วมด้วย เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นนายกฯคนนอก พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะสนับสนุนหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรคภูมิใจไทยต้องยึดกฎกติกาที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ แล้วต้องดูสถานการณ์ตอนนั้นด้วย และยืนยันว่าจะเป็นการตัดสินที่ดีที่สุด ขณะนี้เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรผูกมัดตัวเอง

พท.มั่นใจอดีต ส.ส.ไม่ชิ่งหนีตีจาก

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมเปิดให้สมาชิกยืนยันความเป็นสมาชิกภาพระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.ว่า สมาชิกส่วนใหญ่จะเดินทางมายืนยันการเป็นสมาชิกกันวันที่ 4 เม.ย. ในวันดังกล่าวจะจัดให้มีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในเทศกาลสงกรานต์ด้วย คิดว่าอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทุกคนจะเข้ามายืนยันความเป็นสมาชิก คงไม่มีใครไปไหน เมื่อถามถึงกรณีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ระบุจะยังไม่เดินทางมายืนยันความเป็นสมาชิกในวันที่ 4 เม.ย. พล.ต.ท.วิโรจน์ตอบว่า คงไม่เป็นปัญหา เพราะยังมีเวลาถึงสิ้นเดือน วันดังกล่าวท่านอาจติดธุระ ส่วนสมาชิกพรรคเดิมตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ที่ขาดความเป็นสมาชิกไปนั้น สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ได้หลังจาก คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้

เชื่อชนะเลือกตั้งคนติดใจนโยบาย

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง พล.ต.ท.วิโรจน์ตอบว่า พรรคยังไม่ได้มีการประเมินเรื่องดังกล่าว แต่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เพราะประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดยังให้ความนิยมพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก เพราะติดอกติดใจในนโยบายของพรรคตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน เพราะนโยบายต่างๆ สามารถทำได้จริง

ผวาสมาชิกวูบเหลือ 5 หมื่น

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากครบกำหนดยืนยันสมาชิกวันที่ 30 เม.ย.แล้ว พรรคจะเหลือยอดสมาชิกพรรคประมาณ 50,000 คน จากจำนวนสมาชิกพรรคอย่างเป็นการในปัจจุบัน 133,000 คน แต่ไม่หวั่นไหวอะไร เพราะทุกพรรคจะมีจำนวนสมาชิกพรรคลดลงเหมือนกันหมด เนื่องจากมีระยะเวลาดำเนินการจำกัดแค่ 30 วัน และชาวบ้านยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีดำเนินการ

เชื่อวาดะห์แยกตัวแค่กลุ่มเดียว

นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนวันที่ 4 เม.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะให้อดีต ส.ส.มายืนยันการเป็นสมาชิกที่พรรคเพื่อไทย เท่าที่เห็นมีแค่กลุ่มวาดะห์เท่านั้นที่จะแยกตัวไป ส่วน ส.ส.อีสานและภาคเหนือ เท่าที่เช็กดูยังไม่มีใครออกจากพรรค มีแต่คนอยากขอเข้ามาเพิ่ม ส่วนกลุ่มตระกูลสะสมทรัพย์จะแยกตัวออกไปหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ แต่เชื่อว่าน่าจะยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้คือจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หลายคนไม่เชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ยังสงสัยเรื่องนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ พูดอะไรแล้วต้องทำตามที่พูดให้ได้ อย่าเป็นไม้หลักปักขี้เลน เพราะขณะนี้กฎหมายลูก ส.ส. และ ส.ว.ยังมีปัญหาวุ่นๆ อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่กฎหมายลูกเหล่านี้มีที่มาจากกอเดียวกัน

ชทพ.เช็กขุมกำลังสมาชิกในพื้นที่

นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ในวันที่ 1 เม.ย. สาขาพรรคในพื้นที่ให้ประธานสาขาพรรค ตัวแทนในพื้นที่ของพรรค นำเอกสารยืนยันสมาชิกไปให้สมาชิกพรรคกรอกยืนยันความประสงค์เป็นสมาชิก พร้อมชำระค่าบำรุง มีพื้นที่เป้าหมายหลัก เช่น สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี เพชรบุรี ร้อยเอ็ด นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ จากนั้นในวันที่ 2 เม.ย.พรรคชาติไทยพัฒนาจะเริ่มส่งจดหมายจาก นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค พร้อมใบยืนยันความประสงค์เป็นสมาชิกพรรคให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อยืนยันแล้วส่งกลับมายังพรรค

ไร้เงา “สมคิด” กินข้าวบ้านริมน้ำ

ส่วนบรรยากาศที่บ้านริมน้ำ ย่านนนทบุรี ของนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคภูมิใจไทย ที่มีกระแสข่าวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะเดินทางมากินข้าวเที่ยงนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า มีอดีต ส.ส.ในกลุ่มหลายคนทยอยเดินทางมา อาทิ นายรณฤทธิชัยคานเขต อดีต ส.ส.ยโสธร นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายสรชาติ สุวรรณพรหม อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น ขณะที่นายสุชาติซึ่งเดินทางออกไปธุระข้างนอกตั้งแต่ช่วงเช้า ได้เดินทางกลับเข้ามาในเวลา 12.30 น. พร้อมได้หยุดรถเปิดกระจกทักทายผู้สื่อข่าว ก่อนเรียกให้ผู้สื่อข่าวเข้ามารอทำข่าวภายในบ้าน ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่มีข่าวจะเดินทางมาร่วมด้วย ปรากฏว่าไม่ได้เดินทางมา โดยอดีต ส.ส.บางคนบอกทีเล่นทีจริงว่า “นักข่าวมานายสมคิดเลยไม่มา”

“สุชาติ” ยังกั๊กเดินหมากการเมือง

ต่อมานายสุชาติเปิดเผยว่า พบปะกับอดีต ส.ส.เพื่อหารือนำเสนอนโยบายส่งเสริมสุขภาพประชาชนแห่งชาติ (สสปช.) ให้รัฐบาลพิจารณา ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นไปได้จะเสนอผ่านนายกฯหรือนายสมคิดเพื่อผลักดันออกเป็นกฎหมาย ยืนยันการพูดคุยกันวันนี้ไม่มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ไม่รู้ใครปล่อยข่าวนายสมคิดจะมา ไม่รู้ว่าหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ ส่วนอนาคตทางการเมืองจะตัดสินใจอย่างไรนั้น คงต้องรอให้มีการปลดล็อกก่อน ขณะนี้ตนก็ยังเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ยังมีเวลาในการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคอีก 30 วัน และถ้ามีการแข่งขันสูง ตนอาจต้องพิจารณาตามเสียงประชาชนเรียกร้อง เมื่อถามว่า มองอย่างไรหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะตัดสินใจลงเล่นการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสุชาติตอบว่า เป็นเรื่องดี ทำไมต้องห้าม ประชาชนจะได้มีทางเลือก และหากมาตามระบอบประชาธิปไตยได้ยิ่งดี ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกหรือไม่

“ป๋าเหนาะ” เชื่อเลื่อนเลือกตั้งอีก

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดบ้านพัก อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ให้ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ และนักการเมืองอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 84 ปี มีอดีต ส.ส.อาทิ นายพยัพ ปั้นเกตุ นายวิทยา บุรณศิริ นายการุณ โหสกุล ร่วมอวยพร จากนั้นนายเสนาะได้ไปทำบุญวันเกิดที่วัดนครธรรม โดยพระราช- ธรรมภาณี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว กล่าวเจริญพรให้นายเสนาะมีอายุยืน 100 ปี นายเสนาะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า อยากเห็นบ้านเมืองราบรื่น ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข บุคคลที่อาสามาบริหาร ประเทศต้องมีเป้าหมาย ไม่ใช้กำลังอำนาจแทรกแซงระบอบประชาธิปไตย ตนไม่เชื่อว่าจะเลือกตั้งเดือน ก.พ.2562 หากรีบร้อนจะบกพร่องในเรื่องสำคัญ ทำให้ ส.ส.ต้องอภิปรายตอบโต้กันวุ่นวาย ยอมรับเป็นห่วงการใช้มาตรา 44 เพราะอาจมีผลย้อนหลังในอนาคตได้ ในส่วนของนายกฯ และ ครม.ก็มีความนับถือกัน ก็รู้สึกเป็นห่วง ให้กำลังใจเสมอ หากจะ เลือกตั้งต้องคิดให้รอบคอบ ความจริงบ้านเมืองยังมีทางออกอีกหลายทาง เพียงแต่ว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ความถูกต้องได้เข้ามา ทุกคนจะใช้ความถูกต้องบริหารบ้านเมือง ทั้งเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือทำอย่างไรจัดการให้ถูกต้อง คิดว่าการเลือกตั้งจำเป็นต้องเลื่อนออกไป เพราะรัฐธรรมนูญยังไม่เรียบร้อย เลือกตั้งมาก็จะทำให้เกิดปัญหา

หวั่น “บิ๊กตู่” เป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า

นายเสนาะกล่าวว่า ตอนนี้มีการตื่นตัวจะเลือกตั้ง ตั้งพรรคจำนวนมาก ตนเป็นห่วงเรื่องระเบียบและกฎเกณฑ์ที่ยังไม่เรียบร้อย พรรคใหม่ที่จะเข้ามามีข้อจำกัดคือ ต้องมีสมาชิกตามรัฐธรรมนูญ เพราะคุณสมบัติต้องมีสมาชิก 100 คนหายากมาก โดยเฉพาะพื้นฐานเงื่อนไข ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมาเล่นการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐนั้น ถือว่าเหนื่อย เพราะไม่เหมือนการบริหารงาน 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เจอของจริงในสภา หากเจอคงจะไม่ไหว แค่เจอสื่อมวลชนยังหน้าบูดหน้าบึ้ง ยิ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ไปเจอกระทู้หนักๆ ในสภาจะยิ่งกว่าไส้เดือนถูกขี้เถ้าอีก พล.อ. ประยุทธ์อยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะมีอำนาจพิเศษรองรับ ไม่มีอะไรขวางการปฏิบัติงานของรัฐบาล คสช. มีแต่สื่อมวลชนเมื่อไปจี้ถาม ดีไม่ดีเดี๋ยวโดนเตะ

อยากเป็นนายกฯต่อ ตั้ง รบ.แห่งชาติ

นายเสนาะกล่าวว่า ตนให้กำลังใจรัฐบาลมาตลอด แต่พูดกันตรงๆ นายกรัฐมนตรีพูดเก่ง แต่งานจริงๆ การบริหารบ้านเมืองตกต่ำมากพอสมควร พูดภาพรวมคือเสียหาย ต่างชาติก็แอนตี้ อยากให้รัฐบาลทำให้ถูกต้อง ยังไม่สาย เมื่อเสียเวลาแล้วก็เสียเวลาไป หากอยากเป็นนายกรัฐมนตรีต่อก็ตั้งเป็นรัฐบาล แห่งชาติ ทุกฝ่ายรับผิดชอบร่วมกัน การเลือกตั้งยังไม่ใช่ทางออกของประเทศ ต้องเลื่อนออกไปก่อน ทางออกรัฐบาลน่าจะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่มีปัญหา เมื่อถามว่า อนาคตตระกูลเทียนทองจะเล่นการเมืองอย่างไร นายเสนาะตอบว่า ตระกูลเทียนทองยังอยู่พรรคเพื่อไทย ตอนนี้ไม่มีพรรคอื่นมาทาบทาม ยืนยันจะอยู่พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นรุ่นก่อตั้งพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2543 และชนะเลือกตั้งมาทุกครั้ง

“มาร์ค” ย้ำโรดแม็ปอยู่ในมือ คสช.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า หัวหน้า คสช.มีอำนาจแก้ปัญหานี้ได้อยู่แล้ว แต่จะตีความกี่วัน หัวหน้า คสช.ก็ไปร่นระยะเวลาก่อนการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามเดิม ส่วนจะเป็นรัฐบาลหรือ สนช.ส่งตีความกฎหมายนั้น ทุกอย่าง คสช.เป็นผู้กำหนด คสช.เคยบอกคนไทยอย่างไรควรเป็นไปตามนั้น อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำเท่านั้น สำหรับ สนช.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเป็นหลักในความรอบคอบ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงกฎหมายตลอดเวลา สะท้อนให้เห็นการทำงานที่บกพร่องมาก ควรทบทวนไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก

“บิ๊กตู่” โยนเผือก สนช.ยื่นตีความ

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับความชัดเจนการส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องการให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความตามที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ท้วงติง แต่นายกฯจะไม่เป็นผู้ยื่นเอง จะให้ สนช.เข้าชื่อกันตามกฎหมายยื่นเรื่องเหมือนกับร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และไม่ถือว่านายกฯส่งร่างกฎหมายส่งกลับให้ สนช. เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าเมื่อประธาน สนช.ส่งร่างกฎหมายให้นายกฯ ซึ่งระหว่างนี้นายกฯ มีเวลารอไว้ 5 วัน ถ้าไม่มีใครคัดค้านให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน แต่ในระหว่าง 20 วันนั้นยังให้สิทธิ์สมาชิก สนช.เข้าชื่อเพื่อส่งให้ประธาน สนช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้ คาดว่าจะมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 เม.ย.นี้ ส่วนที่นายกฯไม่ยื่นตีความร่างกฎหมายด้วยตัวเอง แต่ให้สมาชิก สนช.ยื่นนั้น เพราะเกรงจะทำให้นายกฯถูกมองไม่ดี

คาดศาลชี้คำสั่ง คสช.ขัด รธน.

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้า คสช.มีความกล้าหาญ และกล้ายอมรับข้อผิดพลาดในคำสั่งหัวหน้า คสช. 53/2560 ที่สร้างภาระให้พรรคการเมืองเกินจำเป็น ควรแก้ไขคำสั่งดังกล่าวด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ดูเหมือนเมื่อ คสช.รู้ว่าคำสั่งดังกล่าวมีปัญหา จึงใช้ช่องทางให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่งหัวหน้า คสช. 53/2560 แทน เพื่อแก้เกมที่ทำงานผิดพลาด มิให้ตัวเองเสียหน้า ส่วนตัวเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีคำวินิจฉัยว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะมีปัญหาเกิดขึ้นในทางปฏิบัติแก่พรรคการเมืองจริง อาจเป็นเหตุให้ คสช.แก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช. อาทิ การขยายเวลายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.นี้ออกไป อย่างไรก็ตามในส่วนของตนนั้นวันที่ 1 เม.ย.ได้สั่งเปิดสำนักงานพรรคเพื่อไทยที่ จ.เชียงราย เพื่อให้ประชาชนมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคที่ จ.เชียงราย อย่างเป็นทางการ 2,000-3,000 คน

“อ๋อย” หวังศาล รธน.ช่วยเบรก

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ถ้าสุดท้ายแล้วทำให้คำสั่ง คสช.ที่ 53 ถูกยกเลิกหรือถูกแก้ไขในสาระสำคัญจะลดความเสียหายที่เกิดกับพรรคการเมืองลง และถ้า คสช.รีบปลดล็อกพรรคการเมือง จะทำให้พรรคการเมืองดำเนินการในเรื่องต่างๆเร็วขึ้น และการเลือกตั้งจะไม่ล่าช้าจนเกินไป เพราะพรรคการเมืองยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้รับ แต่เมื่อผู้ตรวจการเป็นคนยื่นเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรับ เพราะต้องถือว่าความเห็นของผู้ตรวจการมีประเด็นอยู่เพราะเห็นว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นการทำลายพรรคการเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะคำสั่งนี้ขัดรัฐธรรมนูญ กลายเป็น คสช.และรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งเอง เราก็ได้แต่หวังว่าจะมีการวินิจฉัยไปในทางที่ทำให้ลดความเสียหายต่อฝ่ายต่างๆลงได้

“ชัยเกษม” หวั่นได้เลือกตั้งชาติหน้า

นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตั้งคำถามโรดแม็ปเลือกตั้งประกาศชัดแล้ว แต่ทำไมยังมาเร่งรัด และมีบางพรรครุมสกรัมรัฐบาล คสช.ว่า เป็นเพราะคำพูดของ คสช.หรือหัวหน้า คสช.ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่ยึดถือคำพูดของท่านเองว่าถูกต้องเป็นจริงตามนั้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วประชาชนจะเชื่อถือได้หรือไม่ ศรัทธาหมดแล้ว กลายเป็นโรดแม็ปแบบมีซอกมีซอย เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปตามความพอใจของผู้มีอำนาจในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าคราวนี้รักษาคำพูดแน่นอน เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับคำพูดที่ว่า ถ้ายังขัดแย้ง บ้านเมืองไม่สงบ ไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นายชัยเกษมตอบว่า เป็นการ ยกขึ้นมาอ้างมากกว่า และความไม่สงบเกิดขึ้นได้ตามสถานการณ์ หรือเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาก็ได้ หากใช้ตรงนี้เป็นข้ออ้างชาติหน้าบ่ายๆ ถึงได้เลือกตั้ง

เหน็บผู้นำทำตัวน้ำเต็มแก้ว

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าว ว่า ที่ผ่านมาสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ได้วิจารณ์อย่างเดียว แต่เสนอแนะวิธีแก้ปัญหาต่อ คสช.และรัฐบาลมาตลอด แต่ส่วนใหญ่ไม่มีการตอบสนอง ผู้มีอำนาจที่ทำตัวเป็นแก้วเต็มน้ำจะแก้ปัญหาได้ยาก สิ่งที่น่า ประหลาดใจที่สุดคือ เกือบ 4 ปีหลังรัฐประหารยังคงห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ทั้งที่ขณะนี้ปัญหาในประเทศเต็มไปหมด เช่น เศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพการศึกษา ราคาพืชผลการเกษตร ถ้าปัญหาง่ายๆ อย่างเรื่องความไม่ชัดเจนของกรอบเวลาเลือกตั้งยังมีอยู่ ปัญหาใหญ่ๆ เช่น เศรษฐกิจ ปากท้อง การสร้างความปรองดองคงยากจะแก้

ชาวบ้านส่งสัญญาณอยากเลือกตั้ง

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การกลับมามีชีวิตชีวาของพรรคการเมือง การยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค และการตบเท้ากลับเข้าพรรคของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ รวมทั้งสมาชิกพรรค สะท้อนความเบื่อหน่ายของสังคมที่มีต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ชี้ให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดถึงบรรยากาศเลือกตั้ง ชาวบ้านเป็นฝ่ายกระตือรือร้นติดต่อพรรคการเมืองเองด้วยซ้ำ ขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ว่าต้องมองปรากฏการณ์นี้ให้ออก จะได้เข้าใจความต้องการสังคมอย่างถูกต้อง ไม่ใช่นั่งฟังแต่รายงานจากลูกน้องที่พูดเอาใจว่า ประชาชนอยากให้รัฐบาลทหารอยู่ต่อ ทั้งที่ในโลก ความเป็นจริงมีแต่คนขับไล่ 3 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา

“ทักษิณ” สับข้ามโลก คสช.อยุติธรรม

วันเดียวกัน เว็บไซต์ “เอ็นเอชเคเวิร์ล” สำนักข่าวญี่ปุ่น รายงานบทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยยามนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือดินแดนที่มีสิทธิเสรีภาพการแสดง ออกด้วยคำพูด และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารของไทยว่า “ไม่มีความยุติธรรม” นอกจากนี้ นายทักษิณคาดหวังว่าประเทศไทยจะได้ประชาธิปไตยกลับคืน ภายหลังการเลือกตั้ง ที่คณะรัฐบาลทหารคาดหมายว่าจะให้มีขึ้นช่วงเดือน ก.พ.ปีหน้า โดยย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนตนจะได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว 2 อดีตนายกฯของ ไทย อยู่ระหว่างภารกิจเยือนญี่ปุ่นตั้งแต่วันพฤหัสบดี 29 มี.ค.ที่ผ่านมา และกำหนดเดินทางออกจากญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ 1 เม.ย. เพื่อไปยังประเทศจีน

โพลชี้ม็อบป่วนกระทบเลือกตั้ง

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2562 ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ โดยสำรวจระหว่างวันที่ 28-31 มี.ค.2561 ถึงการจัดตั้งพรรค การเมืองของกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มวาดะห์ตั้งพรรคประชาชาติเป็นทางเลือกให้ประชาชนภาคใต้ ซึ่งร้อยละ 42.2 เห็นว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ ร้อยละ 30 เป็นทางเลือกใหม่ กรณี บก.ลายจุดตั้งพรรคเกรียน ร้อยละ 41.1 เห็นว่าสร้างสีสันให้การเมืองไทยน่าสนใจ กรณีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ พบว่าร้อยละ 38.38 เป็นพรรคใหม่มาแรง น่าจับตา ส่วนการชุมนุมเคลื่อน ไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น ร้อยละ 57.56 เห็นว่า ควรแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ร้อยละ 21.84 ควรชุมนุมอย่างสงบ ส่วนการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งของ กกต. ร้อยละ 47.71 เป็นหน้าที่ของ กกต. ร้อยละ 27.52 อยากให้กกต.ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ขณะที่สถานการณ์ทาง การเมืองที่มีความเคลื่อนไหวต่างๆ จะมีผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งหรือไม่ ร้อยละ 35.75 เห็นว่า มีผลกระทบ อาจเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร้อยละ 32.92 เห็นว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะรัฐบาลและคสช. น่าจะควบคุมดูแลได้

อึ้งชาวบ้านไม่รู้จัก “ไทยนิยม”

ขณะเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ไทยนิยม ยั่งยืน VS ประชานิยม” ระหว่างวันที่ 28-29 มี.ค.ถึงการรับรู้โครงการไทยนิยมยั่งยืนพบว่าร้อยละ 41.04 ระบุไม่เคยได้ยิน/ไม่รู้จัก ร้อยละ 32.24 ระบุว่า รู้จัก ร้อยละ 26.72 เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าทำเกี่ยวกับอะไร ส่วนความคาดหวังของประชาชนต่อโครงการไทยนิยมยั่งยืน ร้อยละ 38.08 ระบุเป็นการแก้ปัญหาพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ร้อยละ 33.44 ไม่คาดหวังโครงการนี้ ส่วนโครงการไทยนิยมยั่งยืน จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนให้พ้นจากความยากจนได้หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 54.16 ระบุสามารถแก้ไขได้ เพราะเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 42.16 ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะแก้ปัญหาปลายเหตุ ไม่ตรงจุด ขณะที่ความแตกต่างระหว่างโครงการไทยนิยมยั่งยืน กับนโยบายประชานิยมนั้น ร้อยละ 48.96 ระบุว่า ไม่แตกต่าง เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ร้อยละ 43.44 ระบุแตกต่าง เพราะนโยบายประชานิยมให้ความหวังประชาชน ดูฉาบฉวย เกิดประโยชน์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่โครงการไทยนิยมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น เมื่อถามถึงความเห็นการลงพื้นที่พบปะประชาชนของนายกฯเป็นการหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งปี 62 หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 50.48 ระบุเป็นการหาเสียง ร้อยละ 42.32 ระบุ ไม่เป็นการหาเสียง

รบ.ขอบคุณร่วมลงทะเบียนต่างด้าว

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบข้อมูลการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวเบื้องต้น หลังจากปิดรับลงทะเบียนเมื่อเวลา 24.00 น.ของวันที่ 31 มี.ค.61 โดยตัวเลขล่าสุดที่รวบรวมไว้ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการ OSS และผ่านระบบออนไลน์ รวม 1,304,269 คน จากทั้งหมด 1,379,252 คน คงเหลือ 74,983 คน ซึ่งนายกฯขอบคุณนายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่ให้ความร่วมมือ รวมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทั่วประเทศที่ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทะเบียน หลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะรวบรวมรวมรายชื่อและจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด และประมวลผลวางแผนกำหนดสถานที่และวันเวลา เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย.61 โดยจะส่งเอสเอ็มเอสแจ้งไปยังนายจ้างต่อไป ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ทำตามกำหนดอยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยไม่ได้ และมีความผิดต้องรับโทษ เช่นเดียวกับนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต และวันที่ 1 เม.ย.เป็นวันแรก อัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ที่อยู่ระหว่าง 308-330 บาทต่อวันมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ

“โอ๊ค” โชว์เช็คกรุงไทยโอน “ป๋าเปรม”

วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กลงรูปภาพเช็ค 3 ฉบับพร้อมระบุว่า มีคนส่งรูปเช็ค 2 ฉบับและใบนำฝากของธนาคารมาให้ตน เมื่อนำไปให้ใครดูก็ตกใจ จึงอยากให้สังคมช่วยกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐ ทั้ง ปปง. และดีเอสไอ ตลอดจนผู้มีอำนาจในรัฐบาลช่วยออกมายืนยันว่ารูปถ่ายเช็คดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ ถ้าจริงเหตุใดจึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อรับผลประโยชน์ เพราะคนที่ส่งรูปมาให้นั้นยืนยันว่า ทั้ง 2 หน่วยงานต่างก็มีหลักฐานเดียวกันนี้เก็บไว้ทั้งคู่ แต่ไม่เคยมีใครยอมปริปาก โดยเช็คดังกล่าวสั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีคนดังระดับประเทศ และเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องตนข้อหาฟอกเงินในคดีเงินกู้แบงก์กรุงไทย โดยเช็คฉบับที่ 1 เป็นเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรม เซ็นชื่อกำชับแบบชัดๆว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิของตัวเอง ฉบับที่ 2 เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสด ซึ่งเช็คใบนี้ถูกนำไปเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท ของ พล.อ.เปรม

งงคนคืนผิด คนเอาไปใช้ไม่ผิด

นายพานทองแท้ระบุว่า เงินก้อนเดียวกัน ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีตนซึ่งได้โอนคืนกลับหมดแล้ว ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แต่เงินอีกส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีคนอื่น ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ กลับปราศจากความผิดใดๆ แบบนี้คงไม่มีใครยอมแน่ครับ ทนายตนได้ส่งหลักฐานเหล่านี้ให้ดีเอสไอแล้ว ถือว่าทุกท่านได้รับทราบข้อผิดสังเกต และได้ทราบประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลไปแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีการกระทำอะไรที่เป็นสองมาตรฐาน และไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนอีก คงต้องขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด ในทุกตัวบทกฎหมาย ตลอดอายุความที่สามารถจะกระทำได้