"อภิสิทธิ์" ไม่หวั่นพรรคใหม่ผุดเพียบ ลั่น ปชป.เข็มทิศชัดเจน ปัดไร้ปมขัดแย้งในพรรค ต้องให้เกียรติประชาชน ไม่จับมือใครฮั้วเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่โรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มการเมืองเตรียมจัดตั้งพรรคการเมือง และได้ประกาศตัวว่าไม่ใช่พรรคทางเลือก แต่เป็นพรรคการเมืองที่พร้อมจะเข้ามาบริหารประเทศ ว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็ต้องการที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมือง และหวังที่จะนำแนวคิดของตัวเองมาผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ที่พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่หรือพรรคเก่าจะต้องปฏิบัติ ทั้งการยืนยันสมาชิกพรรค การรับสมัครสมาชิกพรรค และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ดังนั้นจึงต้องรอดูกันต่อไปว่า จะมีพรรคการเมืองทำได้มากน้อยแค่ไหน หรือทำได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ยอมรับว่าการมีพรรคการเมืองใหม่เพิ่มขึ้นมาก ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องตั้งใจทำงานขึ้น และต้องกำหนดทิศทางนโยบายการทำงานเพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็งและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้บริหารพรรคเตรียมดำเนินการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคการเมือง จะส่งผลกับการดำเนินงานของพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด สำหรับพรรคอื่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในพรรค ส่วนความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นจะทำให้การแข่งขันทางการเมืองในอนาคตมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ก็ต้องใจเย็นๆ ขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถทำกิจกรรมได้ จึงยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้ โดยระหว่างที่พรรคการเมืองยังไม่สามารถประชุม และทำกิจกรรมทางการเมืองได้ไม่ว่าใครก็สามารถพูดให้ข่าวได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่ คสช.ปลดล็อกทางการเมืองหลายอย่างก็จะเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น
...
ส่วนการพูดคุยหรือทาบทามกันระหว่างกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีใครเข้ามาพูดคุย และเห็นว่าเรื่องนี้ต้องให้เกียรติประชาชน ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งเบื้องต้นว่า จะเลือกใคร และต้องผ่านกระบวนการหาเสียงว่าใครคิดอย่างไร หากคิดว่าจะมีการจับมือกันล่วงหน้าโดยไม่ต้องสนใจว่าประชาชนคิดยังไงก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ส่วนกรณี สนช.ระบุว่า จะพิจารณาว่าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.นั้น ไม่ว่ากฎหมายจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม.