"อภิสิทธิ์" ยัน กปปส. ไม่ใช่ "พรรคมวลมหาประชาธิปัตย์" ระบุ ปชป.ต้องแข่งขันกับตัวเองในอนาคต ชี้พรรคการเมืองใหม่ หนุน-ไม่หนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ แค่ทางเลือกใหม่
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากที่ กปปส.แยกออกไปตั้งพรรคว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการแข่งขันกับตัวเอง โดยตนมีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์พื้นฐานของพรรคฯ มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่ได้เคยทำงานให้กับบ้านเมือง ทั้งในฐานะฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน อีกทั้งได้เตรียมการกันมาระยะหนึ่งว่า ความเปลี่ยนแปลงในเชิงของการพัฒนา หรืออาจจะเรียกว่าการปฏิรูป ทำอย่างไรให้พรรคประชาธิปัตย์สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ว่า เราเป็นที่พึ่งเป็นนักการเมืองที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน และรักษาระบบได้ รวมไปถึงความสามารถในการแก้ปัญหาพื้นฐานของประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง รวมทั้งการวางแนวทาง โครงสร้างให้ประเทศ มีความเจริญก้าวหน้าไปได้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ถ้าหากว่าเราไม่มีกรอบความคิดใหม่ๆ ในเชิงนโยบายสาธารณะ เราก็จะตอบโจทย์ของประชาชนกับสังคมไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นภาระที่ใหญ่
เมื่อถามว่า หาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ตั้งพรรคการเมืองจริง ความสัมพันธ์ของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคที่เขาจัดตั้งจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีการตั้งพรรคโดยใคร หรือไม่ อย่างไร แต่ถ้าบอกว่าจะเป็นพรรคการเมืองโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตรงนี้คงเป็นจุดต่าง เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ นโยบาย บุคลากรของตนเองที่เสนอเป็นทางเลือกให้กับประชาชนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ดังนั้น กปปส.ก็จะไม่ใช่ พรรคมวลมหาประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเกิดทางพรรคการเมืองใหม่นี้ แล้วเขาเห็นว่าแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ตรงกับความคิดเขา เขาคงไม่จำเป็นจะต้องออกไปตั้งพรรค แต่การออกไปตั้งพรรคต้องมีจุดต่างในบางเรื่อง เช่นกรณีที่ผูกพันว่าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เป็นจุดหลักของการทำงานการเมือง อันนี้คงไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์
...
เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนก็เป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีทางเลือก ส่วนทางเลือกนั้นจะตรงหรือไม่ตรงใจกับประชาชนแต่ละคนอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะเลือก แล้วก็ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ อย่างไรก็ตามตนคิดว่ายังค่อนข้างเร็วที่จะไปพูดถึงพรรคการเมืองต่างๆ เพราะพรรคใหม่ทั้งหลายที่กำลังจะอยู่ในขั้นตอนของการไปจองชื่อ ยังต้องผ่านอีกหลายอย่าง
เมื่อถามถึงข่าวการที่ นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้มีการสั่งให้เช็กชื่อสมาชิกพรรค นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พวกตนไม่ใช่นักเรียนที่ต้องเข้าแถวเช็กชื่อ เรื่องนี้ไม่มี แต่ในกฎหมายกำหนดว่าวันที่ 1-30 เม.ย.นี้ สมาชิกของพรรคฯที่ประสงค์จะเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่าให้ต้องมายืนยันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นภายในสิ้นเดือน เม.ย. ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามีใครมายืนยันสมาชิกบ้าง
"คนที่ทำงานในพรรคฯ ในส่วนของรองหัวหน้าพรรคฯ โดยเฉพาะผู้ดูแลพื้นที่ต่างๆ ท่านก็คงอยากจะทราบว่า เป็นอย่างไรบ้าง ก็อาจจะมีการสอบถามอะไรกันไป เพราะว่าท่านก็มีหน้าที่ในการที่จะต้องเตรียมในเรื่องของการเลือกตั้งต่อไป"
ทั้งนี้เท่าที่ตนทราบ ยกเว้นกรณีของ นายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ซึ่งบังเอิญนายธานีพ้นจากสมาชิกพรรค ปชป.ตอนที่ไปบวช แต่คนอื่นที่เป็นอดีต ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ก็ยังไม่มีใครที่ได้มาแสดงเจตจำนงในการที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์