เดินสายถี่ยิบ แทบไม่ได้นั่งอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

โปรแกรมล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.นำทีมรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเพชรบุรี

ภาพของผู้นำที่ลุยนำนโยบายไปปฏิบัติแบบส่งตรงถึงมือชาวบ้าน

นี่คือสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้ตรงหน้า มีความเป็นรูปธรรมมากกว่ามโนภาพลอยๆ “น้ำบ่อหน้า” กระแสเลือกตั้งที่ยังมีความเป็นนามธรรมสูง

ซึ่งมันก็ล้อกับ “กรุงเทพโพลล์” สะท้อนรัฐบาลคะแนนดีขึ้น “ลุงตู่” แต้มหล่นนิดหน่อย

อย่างน้อยความพยายามปั่นเนื้องานของผู้นำ คสช.ก็ไม่สูญเปล่า เพราะจากตัวเลขโพลที่ออกมามันสวนทางกับธรรมชาติของรัฐบาลทหารที่ถูกปรามาสฟอร์มการบริหาร อ่อนเชิงเศรษฐกิจ โดนแรงต้านมาตลอด โดยเฉพาะต่างประเทศแซงก์ชั่น ที่สำคัญมันคือห้วงปี 3 ขึ้นปี 4 ท้ายเทอมรัฐบาล

ถึงวันนี้ “ลุงตู่” สอบผ่าน ประคองเรตติ้งได้เกินครึ่ง

มันบ่งบอกอะไรได้ลึกซึ้งกว่าที่นักการเมืองพยายามจะตีปี๊บโห่ฮาเบิ้ลบลัฟ “ผู้นำทหาร” แต้มตก

แต่ที่ตลกจริงๆก็คือ บรรยากาศการยื่นจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา เห็นชื่อเห็นหน้าตาแล้ว ยังเน้นเอามัน เอาฮา ซะมากกว่า

อีกจำพวกก็โดนจับตาวาระแฝง “อันตราย” แบบ “นิติราษฎร์–นิติเรด”

ความหวังภาพการเมืองยุคปฏิรูปยังเลือนราง

ตามสถานการณ์ก็อย่างที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ขึ้นเวทีปาฐกถาโน้มน้าวนักวิชาการ กวักมือเชิญชวนอาจารย์มหาวิทยาลัยให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ เพื่อให้พรรคการเมืองมีอาจารย์ นักวิชาการร่วมด้วย จะได้มีนโยบายที่ดีในการพัฒนาประเทศ

...

ถ้าคนเก่งๆเกลียดกลัวการเมืองหมด ประเทศไปต่อลำบาก

นี่ต่างหากโจทย์ยากของสถานการณ์ปฏิรูปที่ค่อนข้างย้อนแย้งกับกระแสเลือกตั้ง

เรื่องของเรื่อง มุมของนายสมคิดก็น่าจะโยงสถานการณ์เทียบเคียงกับจังหวะย่างก้าวของพี่เบิ้มแห่งเอเชียอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ที่กำลังประสบความสำเร็จก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก

ด้วยโมเดลการเมืองและเศรษฐกิจเฉพาะของตัวเอง

ว่ากันว่า ความสำเร็จของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ส่วนหนึ่งมาจากการมีกุนซือใหญ่เป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่วันนี้ได้รับแต่งตั้งให้เข้าไปมีบทบาทเป็น 1 ใน 7 คณะผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์

และมีส่วนสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของจีนยุคปัจจุบันที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้การเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ พร้อมๆกับการผ่อนจังหวะกระจายอำนาจ

เพื่อประคองความมั่นคงอย่างยั่งยืน

วันนี้ความสำเร็จของประเทศจีน ทำให้มีการแก้กฎหมายเพื่อเปิดทางให้ “สี จิ้นผิง” มีวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เกิน 2 สมัย

การเมืองจีนนิ่ง เพราะไม่มีเงื่อนไขป่วนว่าด้วยปมเลือกตั้ง

แต่นั่นคงเป็นเรื่องโคตรยากสำหรับประเทศไทย

ตามปรากฏการณ์แบบที่เห็นทันทีที่สัญญาณเลือกตั้ง ไฟเขียวให้จดทะเบียนพรรคก็ส่อวุ่นวาย

ป้อมค่ายใหม่ ไร้ความหวัง ยังห่างไกลการเมืองยุคปฏิรูป

ตรงกันข้ามอิทธิพลก็ยังอยู่กับพรรคเก่า ขาใหญ่ยี่ห้อเดิมยังกุมเชิงกุมสภาพไว้แน่น

สถานการณ์อย่างที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร บินโฉบพา “น้องสาว” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากระตุกเรตติ้งกองเชียร์ พร้อมเช็กขุมกำลังผู้จงรักภักดี

รูปเกมเดิมๆ “นายใหญ่” คิดหมากซ่อนกลซ่อนเหลี่ยม เฟ้นหานอมินี เดินยุทธวิธีสู้กับทหาร

เป้าหมายทวงคืนอำนาจรัฐไปอยู่ในมือ

ส่วนคู่แข่งที่ตามมาห่างๆอย่างยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็ตีกันเละ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สั่งลูกหาบไล่บี้ทีมงาน “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่กล้าแหกค่ายไปสู้กับเสาไฟฟ้า

ระแวงพวกอยู่เป็นหอกข้างแคร่ สวมวิญญาณ “งูเห่า” ตอนเลือกนายกฯ

ตลกร้ายการเมืองไทย

นับถอยหลังเลือกตั้ง เหมือนถอยหลังกลับเหววิกฤติ.

ทีมข่าวการเมือง