ใครไปพร้อมจัดเสียบแทนทันที เทือกทาบวสิษฐ-เต่า-พงศ์โพยม โพลชัดชาวบ้านอยากกาบัตรแล้ว

สองพรรคใหญ่รุมยำคำพูดผู้นำไม่ขลัง เลือกตั้ง ก.พ.62 ไม่ชัวร์ยื้อซ้ำซาก “องอาจ” ขยี้เชื่อได้ไม่เต็มร้อย จี้เลิกตุกติกแก้ ก.ม. ยื้อหย่อนบัตร “วัชระ” อ้างชาวบ้านอึดอัดซัด คสช.ยิ่งอยู่ยิ่งโกง “จาตุรนต์” เหน็บซ้ำอยู่นานยิ่งเสื่อม ปชป.สกัดขั้วลุงกำนัน แจ้งเกิด “นิพิฏฐ์” เรียกเช็กยอดอดีต ส.ส.ใต้ 9 มี.ค. ใครไม่อยู่จัดคนเสียบทันที คาดมีแหกคอกแค่ 2-3 คน ภาค กทม.ยันไม่มีไหลออก “ธานี” ส่งตัวแทนจดแจ้งต่อ กกต. “เทือก” ร่อนเทียบเชิญคนดัง “พงศ์โพยม-หม่อมเต่า-วสิษฐ” ร่วมก่อตั้ง พท.ก่อศึกในไม่เลิก “เจ๊หน่อย-เฉลิม” งัดข้อเข่นเขี้ยว ลูกหาบจับสัญญาณหลังพบ “ทักษิณ-ปู” มีซิกเปลี่ยนตัวคนถือธงนำ “สมชัย” แจงชู “บิ๊กตู่” นั่ง นายกฯคนนอกได้ทุกค่าย แต่ใส่ชื่อในบัญชีได้พรรคเดียว โพลชี้ชาวบ้านอยากกาบัตรแล้ว ตั้งตารอนายกฯถกฝ่ายการเมืองเคาะวันเลือกตั้ง ไม่มั่นใจไม่เลื่อนอีก

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประกาศชัดเจนขึ้นว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือน ก.พ.2562 แต่หลายฝ่ายยังคงไม่เชื่อมั่น มองว่าอาจจะเลื่อนออกไปได้อีก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันไม่หวั่นไหวกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.แยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ แต่รีบเรียกเช็กยอดอดีต ส.ส. โดยเฉพาะภาคใต้ว่าจะย้ายออกไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ภายในวันที่ 9 มี.ค.

ปชป.ขยี้คำพูดผู้นำจริงไม่เต็มร้อย

วันที่ 4 มี.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.พ.2562 ว่า คำกล่าวของนายกฯอาจสร้างความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่เต็มร้อย เพราะนายกฯพูดถึงกำหนดการเลือกตั้งต่อนานาชาติมาแล้วถึง 3 ครั้ง คือพูดต่อหน้านายชินโสะ อาเบะ นายกฯ ญี่ปุ่นว่า จะมีเลือกตั้งภายในปลายปี 2558 ต้นปี 2559 จากนั้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสหประชาชาติว่า จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 พอปี 2560 ไม่มีเลือกตั้งไปกล่าวต่อหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า จะจัดการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย. 2561 แต่กำหนดเลือกตั้งทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมาไม่สามารถทำตามที่พูดได้ ดังนั้น การออกมาพูดครั้งล่าสุดนี้ จึงเป็นคำยืนยันที่ไม่ก่อให้เกิดความมั่นใจแต่อย่างใด

...

จี้เลิกตุกติกซ่อนกลแก้ ก.ม.เลื่อน ลต.

“ถ้านายกฯอยากให้สังคมมั่นใจในคำพูดของท่าน ต้องมีการกระทำที่ทำให้สังคมเกิดความมั่นใจดังนี้ 1.ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอีก 2 ฉบับ คือ กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยไม่มีการคว่ำกฎหมายเกิดขึ้นในการพิจารณาของสนช. 2.เปิดโอกาสให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมือง ได้หลังมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ต.ค.2560 แต่ คสช.ไม่ยอมปลดล็อก ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ 3.ไม่ใช้อำนาจของ คสช.ออกคำสั่งใดๆ ไปแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก ถ้านายกฯทำได้ตามข้อเสนอเหล่านี้สังคมจะมั่นใจ แต่ถ้านายกฯทำไม่ได้นอกจากความมั่นใจจะไม่เกิดขึ้นแล้ว อาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดปัญหาบานปลายกลายเป็นผลร้ายต่อนายกฯได้ในที่สุด” นายองอาจกล่าว

เมินคลื่นลูกใหม่-กทม.ไม่มีไหลออก

นายองอาจ ยังกล่าวถึงการที่มีกลุ่มการเมือง 42 กลุ่มขอจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่ รวมทั้งกลุ่มกปปส.ด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์คงไม่ได้เตรียมการอะไรเป็นพิเศษต่อสถานการณ์นี้ ต้องจัดเตรียมนโยบายตอบโจทย์ให้ประชาชนตรงจุดมากที่สุด และต้องดำเนินขั้นตอนต่างๆตามกฎหมายกำหนด ส่วนพรรคเกิดขึ้นใหม่เป็นสิทธิของแต่ละกลุ่มการเมืองจะไปขอจดแจ้งเพื่อตั้งเป็นพรรคการเมือง ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีอดีต ส.ส.ภาคใต้ 3 คน ย้ายไปสังกัดกับพรรคใหม่นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ปกติแล้วหากพื้นที่ใดขาดบุคคลผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง คณะกรรมการของพรรคในแต่ละพื้นที่ต้องจัดให้มีผู้สมัครคนใหม่ ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ตนดูแลรับผิดชอบ ขณะนี้ยังไม่มีอดีต ส.ส.คนใดแสดงความจำนงว่าจะขอไปสังกัดพรรคใหม่

“อภิสิทธิ์” รับ ปชป.งานหนักขึ้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่ม กปปส.จะตั้งพรรคและกระทบต่อฐานเสียงของพรรคว่า การมีพรรคการเมืองเพิ่มขึ้นก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนมากขึ้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็คงต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาปฏิรูปพรรคการเมืองต่อเนื่องในภาวะที่มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องเกรงกันว่าอาจส่งผลกระทบให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียฐานเสียงนั้น ก็เป็นเรื่องที่มีการคาดหมายว่าอาจจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ระบบของพรรคก็จะต้อง เดินหน้าโดยสรรหาผู้สมัครมาทดแทนในพื้นที่นั้นๆ แต่มั่นใจว่าประชาชนที่สนับสนุนเรา ยังมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความมุ่งมั่นและมั่นคงในอุดมการณ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

“นิพิฏฐ์” เช็กยอดอดีต ส.ส.ใต้ 9 มี.ค.

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคใต้ที่รับผิดชอบ ได้เตรียมการภายในก่อนจะถึงวันที่ 1 เม.ย.ที่รัฐบาลให้พรรคการเมืองเก่าทำกิจกรรมหรือการยืนยันตัวตนสมาชิกพรรค เรามีสมาชิกมากจึงเริ่มจากอดีต ส.ส.พรรคและสมาชิกพรรคบางส่วนก่อน ได้แจ้งขอให้อดีต ส.ส.ยืนยันตัวตนมาเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมา ณ ที่ทำการพรรคว่าจะอยู่ต่อกับพรรคประชาธิปัตย์ภายในวันที่ 9 มี.ค. จะได้ทราบว่ามีใครบ้างที่ยืนยันจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ ใครบ้างจะไปสังกัดพรรคอื่น ขอให้คนที่จะมายืนยันแสดงตัวตนการเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 1 เม.ย. ที่พรรคตั้งเป้าเบื้องต้นไว้ 500 คน ให้นำบัตรประชาชนและทะเบียน บ้านตัวจริง มาชำระเงินค่าสมาชิกพรรคตลอดชีพ คนละ 2,000 บาท รวมแล้วจะเป็นเงิน 1,000,000 บาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนก่อตั้งพรรคตามกฎหมายพรรค การเมืองใหม่กำหนด เราจะทำขั้นตอนนี้ให้เสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 1 เม.ย.

10 มี.ค.ปิดยอด คาดตีจาก 2–3 คน

นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า วันที่ 10 มี.ค.จะทำ รายงานแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รับทราบยอดอดีต ส.ส.ของพรรคภาคใต้ว่ามีเท่าไหร่ และเตรียมจัดหาคนมาลงสมัครในพื้นที่ที่ขาด มั่นใจว่าการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่ม กปปส.จะไม่กระทบกับพรรคประชาธิปัตย์มากนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากแกนนำ กปปส.ในพื้นที่แต่ละจังหวัดในภาคใต้ส่วนใหญ่สนิทชิดเชื้อกับอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น โดยเฉพาะพื้นที่ จ.พัทลุง แกนนำ กปปส.กว่า 30 คนประกาศตัวชัดเจนยืนยันในสื่อโซเชียลเช่น เฟซบุ๊กว่าจะไม่ย้ายพรรคไปอยู่กับกลุ่ม กปปส. แต่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นจะนำใครมาสมัครลงรับเลือกตั้งขึ้นอยู่กับพรรคนั้นฟังจากแกนนำ กปปส.ในพื้นที่ซึ่งเคยร่วมต่อสู้ ออกมาท้วงติงเองว่าคนที่พรรค กปปส.จะนำมาสมัครลงเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของปลอม เพราะตัวจริงยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะมีอดีต ส.ส.ไปเพียง 2-3 คนเท่านั้น

สะกิด ปชช.ส่องนโยบายทำได้จริง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การมีพรรคใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลของพรรคเก่า แต่เป็นแรงขับให้พรรคเก่าต้องทบทวนและตื่นตัวมองเขามองเรา อาจเป็นสีสันหรือทางเลือกใหม่ให้ประชาชนให้บ้านเมืองได้ทั้งนั้น ขอให้ประชาชนสนใจข่าวสาร ตื่นตัวทางการเมืองและทำการบ้าน ก่อนตัดสินใจเลือกนโยบายที่ดี เลือกพรรคผู้ผลักดันนโยบายมีความน่าเชื่อถือที่สุด ตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ใช่เพราะรักหรือเพราะเกลียด และเมื่อได้รัฐบาลแล้วประชาชนต้องใส่ใจการเมืองต่อไป ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้อง หากทำได้จริงประชาธิปไตยจะงอกงามตามระบบได้เอง

“วัชระ” ยก ปชช.เอือมสิ้นหวัง คสช.

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสำรวจกรุงเทพโพลระบุว่าผลงาน 3 ปีครึ่งรัฐบาลมีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกด้าน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คะแนนลดเกือบทุกด้านว่า เมื่อรัฐบาลคะแนนเพิ่มเหตุใดตัวผู้นำรัฐบาลจึงคะแนนนิยมลดลง ชี้ถึงนัยสำคัญของคนในสังคมว่า ความนิยมต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์เริ่มลดลง ขอเสนอแนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปเดินจ่ายตลาดกับภริยาสองต่อสอง แล้วจะรู้ว่าความจริงกับในโพลต่างกันลิบลับ ประชาชนรู้สึกอึดอัด สิ้นหวังสรุปได้ 5 ข้อคือ 1.“ยิ่งอยู่ยิ่งจน” รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ รัฐบาลเข้าข้างนายทุนคนรวย เสียงชาวบ้านไม่เคยมีความหมาย 2.“ยิ่งอยู่ยิ่งโกง” แม้นายกฯขึงขังปราบโกง แต่คนรอบข้างในแม่น้ำ 5 สายโกงเป็นว่าเล่น โกงแม้กระทั่งเงินคนจน ไร้ที่พึ่ง คนป่วยโรคเอดส์ 3.คำพูดเชื่อถือไม่ได้ “ยิ่งอยู่ยิ่งโกหก” สัญญาจะปฏิรูปบ้านเมือง 3 ปีไร้ผลงานเป็นรูปธรรม 4.“ยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีอนาคต” แม้จะมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ประชาชนไม่ได้มีส่วนกำหนดอนาคต ซ้ำเอื้อประโยชน์นายทุนต่างชาติ ให้เช่าที่ดินได้ 99 ปี 5.“ยิ่งอยู่ยิ่งสืบทอดอำนาจ” เกือบ 4 ปี มีอำนาจตามมาตรา 44 แต่ผู้เดียว แต่กลับไม่ใช้อำนาจปฏิรูปประเทศ หลิ่วตาให้จัดตั้งพรรคทหาร หรือสนับสนุนให้เป็นนายกฯคนนอกสมัยหน้าอีก ไม่รู้จักคำว่าพอ ประชาชนจึงเห็นว่าอยากเป็นนายกฯไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

“ธานี” เตรียมผู้ก่อตั้งพรรค กปปส.

นายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยฯ (มปท.) ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้สนใจร่วมลงชื่อเป็นสมาชิกสนับสนุนให้มีการก่อตั้งพรรคมวลมหาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้วจำนวนมาก ตามกฎหมายต้องมีไม่น้อยกว่า 500 คน แต่ตนจะไม่ได้เป็นผู้ไปยื่นจดทะเบียนตั้งพรรค เพราะอยู่พื้นที่ คาดว่าภายวันที่ 5-6 มี.ค. จะมีผู้ไปยื่นจดทะเบียน เพื่อจองชื่อพรรคและขอตั้งพรรคการเมืองต่อ กกต.ส่วนจะเป็นใครไม่ทราบ

รอคำตอบเทียบเชิญคนดี–เด่น–ดัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเตรียมก่อตั้งพรรค กปปส. มีการทาบทามบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมและอดีตข้าราชการระดับสูง มาร่วมเป็นผู้ก่อตั้งพรรคด้วย แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอคำตอบ อาทิ นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีต รมช.มหาดไทยและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิก สปช. เป็นต้น

“ภูมิธรรม” ต้อนรับหน้าใหม่ลงสังเวียน

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการเปิดตัวตั้งพรรคการเมืองใหม่หลายพรรคขณะนี้ว่า เป็นสิ่งที่ต้องชื่นชมควรให้การต้อนรับ ให้กำลังใจอย่างเต็มที่ในความกระตือรือร้น มีส่วนร่วมในเวทีการเมืองครั้งนี้ การที่ประชาชนรวมตัวแสดงออกซึ่งความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาทางเลือกใหม่ๆ ให้กับอนาคตประเทศด้วยวิถีทางเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตย เต็มใจผ่านการตัดสินใจของประชาชน เป็นวิถีทางที่มีเกียรติยศศักดิ์ศรี เพราะมิใช่หนทางแบบผู้มีอำนาจและอาวุธอยู่ในมือเคยใช้ เพื่อบีบบังคับกำหนดอนาคตให้ประชาชน โดยไม่ได้รับความยินยอม ขอสนับสนุนและต้อนรับการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ๆ ไม่ว่าพรรคนั้นจะมีความคิด ความเชื่อหรือเสนอตัวเป็นทางเลือกเช่นไร เพราะคือโอกาสที่เปิดกว้างให้ประชาชนได้พิจารณาถึงเงื่อนไขและนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของพวกเขาเองอย่างเป็นอิสระ ไม่มีเหตุผลใดต้องคัดค้านขัดขวาง

ปลุกซีก ปชต.ร่วมแรงเปลี่ยนแปลง

นายภูมิธรรมระบุว่า ทุกกลุ่มของฝ่ายประชาธิปไตยต้องร่วมกันหาจุดลงตัวที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ หาจุดร่วมมือกันที่ลงตัว จะส่งผลให้ฝ่ายประชาธิปไตยและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลเรื่องความถูกผิด เพราะสถานการณ์เช่นนี้นำไปสู่การเปิดมุมมองในการตัดสินใจ ทำให้ได้ใคร่ครวญตัดสินใจถึงสิ่งที่ดี เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่เป็นจริง เชื่อมั่นว่าทุกกลุ่มทุกพรรคในฝ่ายประชาธิปไตยต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดให้เกิดขึ้น หลังจากที่เสียเวลา เสียโอกาสมาหลายปีให้ฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย ถ้าพรรคใดตัดสินใจแล้วก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างหนักแน่นมั่นคง ผลที่เกิดขึ้นทุกอย่างคือ กระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญของฝ่ายประชาธิปไตยและของประชาชนสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักประชาธิปไตยทุกท่าน

ลั่นสองขั้วเอา–ไม่เอา คสช.สู้เดือด

นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเป็นการเลือกระหว่างพรรคสนับสนุนและพรรคที่ไม่สนับสนุน คสช. แน่นอนแล้วว่าต้องมีเลือกตั้ง จะเป็นเดือน ก.พ.2562 หรือไม่ ต้องจับตากันดูต่อไป พวกที่ต้องการรักษาและสืบทอดการรังสรรค์ของ คสช.ได้ประกาศชัดเจนว่า จะเดินตามรอย คสช.โดยไม่เคอะเขิน อาทิ พรรค กปปส.ของพวกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. พรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอีกหลายพรรคที่แสดงตัวชัดเจนแล้ว เหลือแต่พรรคฝั่งประชาธิปไตยเท่านั้น จะกล้าหาญชาญชัยแสดงออกอย่างชัดเจนหรือไม่ว่าปฏิเสธเส้นทาง คสช. เพื่อกลับไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยของอารยประเทศทั้งหลาย คนไทยทั้งประเทศกำลังเฝ้ารออยู่

“อ๋อย” เหน็บ “บิ๊กตู่” อยู่นานยิ่งเสื่อม

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯประกาศโรดแม็ปเลือกตั้งไม่เกิน ก.พ.62 เพราะต้องการลดกระแส ความรู้สึกของคนต้องการให้เลือกตั้งเร็ว ไม่ให้เลื่อนไปเรื่อยมีมากขึ้น แต่ไม่มีใครเชื่อแล้วทั้งในสากลและในประเทศ คงแค่ลดกระแสลงไปได้บ้างและอาจเลื่อนอีกก็ได้ เพราะนายกฯต้องการหาเสียงให้ได้เกินครึ่งหนึ่งของสภาฯก่อนถึงจะให้มีเลือกตั้ง แต่ยิ่งอยู่นาน พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ยิ่งเสื่อมหรืออาจอยู่ไม่ได้ ยิ่งอยู่ยิ่งลำบาก ทำให้การเมืองไม่แน่นอนสูงทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ส่วนท่าทีบางพรรคสนับสนุนนายกฯ ชัดเจนตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ประชาชนตัดสินใจง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการที่พรรคการเมืองที่มี ส.ส.จะสนับสนุนนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งต้องมีเสียง 376 เสียงไม่ง่ายเช่นกัน พรรคเพื่อไทยต้องหนักแน่นสู้เพื่อประชาธิปไตย และต้องเปิดกว้างรับคนรุ่นใหม่

พท.พร้อมรับมือสำรวจสมาชิก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยถึงความพร้อมในการสำรวจสมาชิกพรรคเพื่อเตรียมดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่จะเริ่มต้นได้ในวันที่ 1 เม.ย.ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมเตรียมรองรับอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาพรรคมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยแยกเป็นวงกลุ่มย่อย อาทิ วงของคณะแกนนำระดับคนใกล้ชิดนายทักษิณ มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นประธานประชุม วงสื่อสารทางสื่อมีนายนพดล ปัทมะ เป็นประธาน วงการประชุมสมาชิกพรรค มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย บางครั้งจะมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นประธานร่วมประชุมด้วย

“หญิงหน่อย–เหลิม” ฟัดกันไม่เลิก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของคุณหญิงสุดารัตน์ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับจากแกนนำและอดีต ส.ส.พรรค รวมไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้จะมีความพยายามจากผู้ใหญ่ในพรรคมาเจรจาขอยุติความบาดหมางในอดีตแต่ไม่เป็นผล หากทั้ง 2 คนปะหน้ากัน จะอยู่ในอาการที่ต่างไม่ยอมกันและกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากมีการประชุมกลุ่มย่อยแล้วเสร็จ คณะอดีต ส.ส.7-8 คน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน กำลังล้อมวงคุยถึงสถานการณ์การเมือง แต่ปรากฏว่าคุณหญิงสุดารัตน์เดินเข้ามาในวงพร้อมชี้ไปทาง ร.ต.อ.เฉลิมและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ได้ข่าว ยังด่าฉันอยู่ทุกวัน” ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมสวนกลับไปทันที “ทีชม ไม่เห็นเอาไปพูดบ้าง” และยังมีการปะทะคารมอีกเล็กน้อย ก่อนที่ คุณหญิงสุดารัตน์จะเดินออกไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ท่ามกลางการตกตะลึงของอดีต ส.ส.พรรคที่กำลังพูดคุยกันอยู่

จับสัญญาณเปลี่ยนคนถือธงนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากนี้ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา คณะอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เดินทางมายังแถบภูมิภาคเอเชีย มีอดีต ส.ส.พรรคที่คุ้นเคยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สอบถามถึงผู้นำพรรคคนใหม่เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบลากเสียงยาวว่า “จริงเหรอ จริงเหรอ” ถึง 3-4 รอบ ทำให้กลุ่มอดีต ส.ส.ตีความสัญญาณภายในตรงกันว่า อาจมีการเปลี่ยนผู้นำถือธงนำพรรคอย่างแน่นอน

“ท็อป” รอจูบปากคนเจนเดียวกัน

นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่มี 42 กลุ่ม เข้าจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า การจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองง่าย แต่ขั้นตอนการตั้งพรรคตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองยุ่งเหยิงยากมาก ต้องเตรียมตัวให้ดี ขอเป็นกำลังใจให้ทุกกลุ่มที่เสนอตัวเป็นทางเลือกให้คนไทย ไม่จำเจอยู่กับตัวเลือกเก่าๆ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นเรื่องดี ถ้าหากได้เข้ามาทำงานร่วมกันในสภาฯ สิ่งที่ถูกเรียกว่าสภาน้ำเน่า สาดโคลนกัน หรือเกมการเมืองเก่าๆ จะได้หมดไปเสียที ถ้ามีเลือดใหม่เข้ามาทีมนิวบลัดมีความหวัง จะได้เข้าไปทำงานในสภากับคนรุ่นเดียวกัน มองไปข้างหน้าเหมือนกัน จะตั้งตาคอยเข้าไปทำงานในสภาฯด้วยกัน แม้ว่าต้องเป็นคู่แข่งกันแน่นอน

พลังชลแทงกั๊กจับมือ ชทพ.

นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวว่า การมีพรรคการเมืองใหม่ถึง 42 พรรคมายื่นขอ จดจัดตั้งพรรคตั้งแต่วันแรก ถือเป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย แต่ขั้นตอนยังมีอีกมากเพื่อให้ได้รับการรับรองเป็นพรรคการเมืองอย่างสมบูรณ์ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวพรรคพลังชลเตรียมจับมือกับพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพันธมิตรสู้ศึกเลือกตั้ง นายสุระตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน คสช.ยังห้ามพรรค การเมืองทำกิจกรรม จึงยังบอกไม่ได้ว่าใครจะไปรวมกับใคร หรือจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ยังมีเวลาอีกนาน ขอให้ชัดเจนวันเลือกตั้งก่อนค่อยหารือ

“สมชัย” แจงชู “บิ๊กตู่” ได้ทุกพรรค

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวว่าจาก กระแสชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ หลังจากวันเปิดจับจองชื่อพรรคการเมืองใหม่ หลายพรรคแสดงจุดยืนว่า จะหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง มีสื่อมาถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ตอบไปว่าไม่ผิดเพราะเป็นการแสดงเจตจำนงของผู้ก่อตั้งพรรค แต่พอไปดูพาดหัวของบางสำนักว่า “กกต.ไฟเขียว พรรคการเมืองชูบิ๊ก ตู่เป็นนายกฯ” เห็นแล้วอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่า กกต.เอนเอียงไปยังผู้มีอำนาจ จึงชี้แจงว่ามาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุให้พรรคการเมืองจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯไม่เกินสามรายชื่อ ส่วนมาตรา 89 ระบุว่าการเสนอชื่อต้องมีหนังสือยินยอม และไม่เคยทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองอื่น หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในหนึ่งในสามชื่อที่พรรคการเมืองจะเสนอให้เป็นนายกฯ เสนอได้แค่พรรคเดียว โดยเจ้าตัวต้องยินยอม

แต่ส่งชื่อใส่บัญชีได้พรรคเดียว

นายสมชัยกล่าวว่า วันนี้พรรคไหน จะบอกว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ผิดอะไร เป็นการเรียกเรตติ้งกันไป แต่พรรคที่จะเสนอเป็นทางการจะมีได้พรรคเดียว พล.อ.ประยุทธ์คงต้องตัดสินใจให้ดี และควรเลือกพรรคที่น่าจะได้ ส.ส.ในสภา ไม่น้อยกว่า 25 คน เป็นเงื่อนไขในการเสนอชื่อเข้าแข่งขันลงคะแนนด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน เลือกถูกพรรค วางแผนดี มีแนวร่วม ได้ 375 เสียงขึ้นไป ก็โหวตจบในรอบเดียว เลือกผิดพรรค หรือไม่เลือก ก็ต้องรอให้เขา โหวตไม่ได้ในรอบแรก แล้วค่อยรอเป็นนายกฯคนนอกบัญชี

สนช.ถกรัฐบาลร่าง กม.ลูก 2 ฉบับ

นายยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า วันที่ 5 มี.ค.จะมีการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายกับรัฐบาล หารือกันรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. สนช.จะรายงานให้รัฐบาลทราบว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2ฉบับ คณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายได้พิจารณาแล้วเสร็จ และแก้ไขประเด็นที่เห็นแย้งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะรับฟังความเห็นรัฐบาล แล้วนำเรื่องมาหารือเข้าสู่ที่ประชุมวิป สนช.ในวันที่ 6 มี.ค.ต่อไป และจะกำหนดวาระการประชุมร่างกฎหมายทั้งสองฉบับในวันที่ 8 มี.ค. หรือไม่ แต่คาดการณ์ว่าจะเรียบร้อยดี ส่วนเวลาในการอภิปรายของสมาชิก สนช.แต่ละคนคงต้องรอมติที่ประชุมวิป สนช.ว่า จะใช้เวลาพิจารณาเท่าไร

ชาวบ้านรอฟังได้วันเลือกตั้ง

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิตสำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,232 คน เรื่องประชาชนคิดอย่างไร กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จะเชิญพรรคการเมืองหารือกำหนดวันเลือกตั้ง พบว่าร้อยละ 52.25 สิ่งที่อยากให้พูดคุยกันมากที่สุด คือกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ร้อยละ 34.93 กฎ กติกา ข้อกำหนด ที่ต้องปฏิบัติร่วมกัน ร้อยละ 28.28 การเตรียมความพร้อม ปัญหา อุปสรรคของแต่ละพรรค ร้อยละ 21.62 การป้องกันการทุจริต ซื้อสิทธิ ขายเสียง และร้อยละ 19.08 การปลดล็อกพรรคการเมือง ยกเลิกการควบคุมพรรค ทั้งนี้ ร้อยละ 53.65 เห็นว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเหมือนเดิม ร้อยละ 42.37 ดีขึ้น ร้อยละ 3.98 แย่ลง เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนจะได้จากการพูดคุยหารือครั้งนี้ ร้อยละ 54.28 ระบุว่ากำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนมากขึ้น ร้อยละ 36.51 ความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง ร้อยละ 22.94 ทำให้มีเวลาได้ศึกษาข้อมูลการเลือกตั้ง ร้อยละ 22.13 แสดงให้เห็นบรรยากาศทางการเมืองที่ดีขึ้น และร้อยละ 20.52 ได้เห็นท่าทีของรัฐบาล และแนวคิดของแต่ละพรรค

ไม่ชัวร์ไม่เลื่อนอีกแต่อยากกาบัตร

ขณะที่ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “เชื่อมั่นหรือไม่กับการเลือกตั้ง ภายในเดือน ก.พ.2562” ในแง่ความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 โดยไม่เลื่อนออกไปอีก ร้อยละ 10.80 เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 24.32 เชื่อมั่นค่อนข้างมาก ร้อยละ 23.76 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อย ร้อยละ 15.36 เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 25.76 ไม่เชื่อมั่นเลย โดยปัจจัยที่อาจทำให้ยังไม่มีการเลือกตั้งตามกำหนด ร้อยละ 22.64 ระบุพรรค การเมืองยังไม่พร้อม ร้อยละ 21.20 เศรษฐกิจยังไม่ดีพอจะเลือกตั้ง ร้อยละ 21.12 ปัญหาการยังไม่มี กกต.ชุดใหม่ ร้อยละ 14.32 ประชาชนยังต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อ ร้อยละ 19.52 ระบุอื่นๆ ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่เรียบร้อย บ้านเมืองยังไม่สงบ ร้อยละ 1.20 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามถ้าหากการเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไป ร้อยละ 66.16 ยอมรับได้ ร้อยละ 33.36 ยอมรับไม่ได้ ร้อยละ 0.48 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ เมื่อถามว่าตอนนี้ประชาชนอยากเลือกตั้งแล้วหรือยัง ร้อยละ 79.84 ระบุว่าอยากเลือกตั้ง อยากให้ประเทศชาติพัฒนา เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น ขณะที่บางส่วนไม่พอใจกับการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 19.60 ไม่อยากเลือกตั้ง เพราะบ้านเมืองยังไม่ปกติ อยากให้โอกาสรัฐบาลบริหารงานต่อไป มีเพียงร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

“จ่านิว” ปลุกพลังทวงคืน ปชต.

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ริมชายหาดชายหาดพัทยา หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล บีช เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย นำโดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว จัดกิจกรรม “START UP PEOPLE ON TOUR : ปลุกพลังคนอยากเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 @พัทยา” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่ง นายสิรวิชญ์ปราศรัยผ่านไมโครโฟนแบบพกพาระบุว่า อยากเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดคือเดือน ก.พ.62 ตามคำพูดของ พล.อ.ประยุธทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จะไม่ยินยอมให้มีการเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก เพราะต้องการเห็นประชาธิปไตยกลับมาอีกครั้ง หลังการรัฐประหารปี 2557 ประเทศไทยถูกประชาคมโลกมองให้ภาพที่ไม่สวยงาม ส่งผลกระทบหลายด้าน เรียกร้องให้รัฐบาลมีความจริงใจกับประชาชน ด้วยการหยุดการใช้อำนาจ หยุดยื้อเวลาการเลือกตั้ง หยุดการกระทำที่ส่อถึงการสืบทอดอำนาจ และเอาประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชน

กร้าวนัดรวมพลใหญ่ 10 มี.ค.

นายสิรวิชญ์กล่าวต่อว่า หากการเลือกตั้งไม่ดำเนินการตามกำหนด การเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น สำหรับการจัดกิจกรรมปลุกพลังคนอยากเลือกตั้งจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นรูปธรรม จะมีการนัดชุมนุมอีกครั้งเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวมีตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ฝ่ายปกครอง เทศกิจ และอาสาสมัครกว่า 100 คน เข้ามาดูแลและควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กิจกรรมยุติลงเมื่อเวลา 18.30 น.

ทบ.ลุยไทยนิยมเก็บข้อมูลทุกพื้นที่

อีกเรื่อง พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงสนับสนุนโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” อย่างต่อเนื่อง โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารในนามกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค (กอ.รมน.ภาค) และ กอ.รมน.จังหวัด ร่วมทีมขับเคลื่อนระดับตำบลทั้ง 7,463 ทีมเข้ารับฟังความเดือดร้อน ความต้องการ และข้อคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการนำ 10 ชุดความรู้ไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ได้ย้ำให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมณฑลทหารบกเข้าไปมีส่วนร่วมเก็บรวบรวมข้อมูลปัญหาแต่ละพื้นที่ และมอบหมายให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) นำนักศึกษาวิชาทหารที่สมัครใจ และเป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ระดับตำบล ทีมละ 2 คน เพื่อรับทราบข้อมูลและประเมินความ พึงพอใจของประชาชนที่มีต่อสัญญาประชาคม ประเด็นปัญหาสำคัญที่ประชาชนแจ้งมามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ปัญหายาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาหนี้สิน

“พิชัย” หวั่นโกงซ้ำรอยงบฯคนจน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงการทุจริตโครงการช่วยเหลือเงินสงเคราะห์คนจนของศูนย์คนไร้ที่พึ่ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า ตอกย้ำการทุจริตในรัฐบาลนี้และตรวจสอบไม่ได้ แม้นายกฯจะย้ายปลัดและรองปลัด พม.ไม่ได้แปลว่าจะปัดความรับผิดชอบได้ ปล่อยเกิดทุจริตขนานใหญ่ เบียดเบียนคนยากไร้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ จะตัดตอนแค่ปลัดกระทรวงไม่ได้ ขนาดโครงการช่วยคนจนยังปล่อยให้โกง แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า โครงการ ไทยนิยมที่อาจใช้เงินเป็นแสนล้านบาท โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากที่ต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาทจะไม่มีการโกง และเมื่อโกงก็โยนให้ข้าราชการรับผิดชอบใช่หรือไม่ การทุจริตของรัฐบาลพบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนทราบว่า รัฐบาลที่ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทุจริต แต่อาจทุจริตมากกว่าทุกรัฐบาลด้วยซ้ำ อยากถามว่าการปฏิวัติเป็นการคอร์รัปชันของอำนาจหรือไม่ ส่งผลให้ประเทศไทยเสียหายและเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมาตลอดเกือบ 4 ปี

“ปึ้ง” ฟ้อง 50 ล้าน สนช.สอยมิชอบ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ไปยื่นเรื่องต่อศาลแพ่งวันที่ 5 มี.ค. เวลา 10.00 น. เพื่อฟ้องร้องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีลงมติถอดถอนนายสุรพงษ์ออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2560 เนื่องมาจากคำร้องที่มิชอบ ไม่ได้ทำตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย ป.ป.ช.กำหนด แม้นายสุรพงษ์โต้แย้งคัดค้านในชั้น ป.ป.ช.และ สนช.แล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานชัดเจนว่า การร้องขอถอดถอนนักการเมืองออกจากตำแหน่ง หากคำร้องที่ถอดถอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีการทักท้วงจากผู้ถูกกล่าวหา สนช. และ ป.ป.ช.มีหน้าที่ต้องฟังคำทักท้วง จึงต้องฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเพื่อทวงสิทธิ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติ สนช.ที่มิชอบ และเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จากสมาชิก สนช. 242 คน ที่ร่วมประชุมถอดถอนนายสุรพงษ์ รวมทั้งกรรมการ ป.ป.ช. 9 คน ที่ละเมิดสิทธินายสุรพงษ์ พร้อมทวงสิทธิเงินกองทุนเลี้ยงชีพที่เสียสิทธิไปคืนมาด้วย

คนเพชรฯลุยหาช่องร้อง “นายกฯตู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.เพชรบุรี วันที่ 5-6 มี.ค.โดยมีกระแสข่าวประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ประสานศูนย์ดำรงธรรม ขอเข้ายื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แต่ถูกสั่งห้ามนั้น นายพสิษฐ์ ภวังคะนันท์ ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มรักบ้านเกิด คัดค้านโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะของบริษัทเอกชนในพื้นที่ ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ทราบว่านายกฯจะลงพื้นที่ อ.บ้านลาด จึงได้ประสานขอยื่นหนังสือ แต่ถูกกีดกัน ล่าสุดทราบว่านายกฯเปลี่ยนจุดไม่มา อ.บ้านลาดแล้ว ยืนยันจะทำทุกวิถีทาง เพื่อเข้าร้องเรียนกับนายกฯให้ได้ เพราะมีความไม่ชอบมาพากล