"อภิสิทธิ์" แนะ "ประวิตร" เสี่ยงเกิดวิกฤติศรัทธา ยกมาตรฐานจริยธรรม ย้ำปัญหาบทบาทหน้าที่ สนช.ทับซ้อนงานหลัก ขาดประชุม ชี้เรื่องตำรวจเข้าข่ายขัดผลประโยชน์หน้าที่ แฉ ตร.แจกอั่งเปา เคยถูก คสช.เรียกตัวฐานะผู้มีอิทธิพล
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมาตรฐานดังกล่าวให้ใช้บังคับกับ ส.ส.-ส.ว.และคณะรัฐมนตรี ซึ่งกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็อยู่ในข่ายมาตรฐานจริยธรรมดังกล่าว แต่รัฐบาลประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบต่อไป
ดังนั้นวัฒนธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ความรับผิดชอบทางการเมืองกับความรับผิดชอบทางกฎหมายต่างกัน วัฒนธรรมต้องเกิดจากผู้มีอำนาจและผู้นำที่ต้องทำเป็นแบบอย่าง หากเรายังไม่สามารถสร้างตรงนี้ขึ้นมาในสังคมเราได้ ตนมองว่าการเมืองสุ่มเสี่ยงต่อการมีวิกฤติศรัทธา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเรามีผู้ที่มาดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่อาจจะยังเป็นข้าราชการหรือทำธุรกิจ ส่วน สนช.เป็นนักการเมืองไซด์ไลน์เต็มไปหมดหรือไม่นั้น หากใช้คำนี้เขาคงไม่พอใจ แต่ข้อเท็จจริงคือ เป็นตำแหน่งที่มาซ้อนกับงานหลักของเขา ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องเวลาประชุม แต่ยังรวมถึงบทบาทหน้าที่ที่มาปะปนกัน
ส่วนการลาเพื่อไม่ให้ขัดกับมาตรฐานจริยธรรมต้องพิจารณาว่าสมเหตุผลหรือไม่ สาเหตุลาเพราะอะไร จำนวนครั้งที่ลา สมมติตนเป็นข้าราชการอยู่ แต่ไม่มาทำหน้าที่ สนช.เลย โดยบอกว่าต้องไปปฏิบัติราชการซึ่งเป็นงานหนัก ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมไม่ลาออก เพราะควรจะมีคนอื่นที่มาทำหน้าที่ตรงนั้น
...
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณาเรื่องมาตรฐานจริยธรรมฯ สนช.บางคนพยายามจะไม่ให้บังคับใช้ข้อห้ามดังกล่าว โดยให้เขียนยกเว้นไว้ในบทเฉพาะกาล คิดว่ารัฐธรรมนูญไม่อนุญาต
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีรายได้ตำรวจของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ล้านกว่าบาทต่อปี แต่มีรายได้จากแหล่งอื่นจากธุรกิจอีกว่า จะเกิดคำถามว่ารายได้ดังกล่าวสัมพันธ์กับการดำรงตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไป และอดีต ผบ.ตร.ต้องชี้แจงให้ได้
เมื่อถามว่าที่ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบ พล.ต.อ.สมยศ ขออย่าให้เป็น ป.ป.ช.ไซด์ไลน์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกองค์กรที่อยู่ในภาครัฐรวม ทั้งองค์กรอิสระต้องตระหนักในหน้าที่ของตนเอง และยึดประโยชน์ส่วนรวม ส่วนกรณีที่มีคลิปของตำรวจชั้นผู้น้อยเข้าคิวรับอั่งเปานั้น ก็ต้องดูว่ารับกับใคร กระทบกระเทือนกับการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะคนที่ให้คือผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้ ร.ต.ต.นายดังกล่าวยังคงรับราชการอยู่ โดย คสช.เคยเรียกไปรายงานตัวในฐานะผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะเป็นปัญหาเรื่องผลประโยชน์ขัดกันหรือไม่