ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง มีหวังได้ปรับ ครม.แน่
กับปรากฏการณ์ที่สำนักข่าวบีบีซีได้รายงานประโยคคำพูดร้อนๆของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ที่กล่าวต่อหน้านักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยในงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยระบุถึงกรณีปมนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นทำนองว่า หากเป็นตนเองคงลาออกไปตั้งแต่นาฬิกาเรือนแรกแล้ว
แนวโน้มคนใน ครม.เจาะยางกันเองแบบโจ๋งครึ่ม
กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ที่เมืองไทย แบบที่คนใกล้ชิดยอมรับว่า พล.อ.ประวิตร เองซึ่งอยู่ระหว่างไปราชการประเทศลาว ยังตกอกตกใจ
มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่
ท่ามกลางการลุ้นอย่างใจจดใจจ่อของคอการเมือง “หมอธี” กินดีหมี ท้าทายขนาดนี้แล้ว จะลุยต่อไปถึงขั้นไหน จะมีการหักดิบถึงกับไขก๊อกกดดัน เพิ่มแรงบีบเลยหรือไม่
เสียงเชียร์ของกลุ่มพันธมิตรฯ นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย ยกให้เป็นฮีโร่
เตรียมแห่กระแสไล่ “พี่ใหญ่” กันเต็มที่
แต่เอาเข้าจริง นพ.ธีระเกียรติ กลับออกมาแถลงยอมรับ “เสียมารยาท”
ภายหลังรีบแจ้นเข้าชี้แจงกับ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. พร้อมเอ่ยปากขอโทษคู่กรณีอย่าง “บิ๊กป้อม” กับพฤติการณ์ “ทิ้งระเบิด” ผ่านสำนักข่าวบีบีซี
ยืนยันการทำงานจากนี้จะราบรื่น ไม่มีความขัดแย้ง
โดยจะไม่มีการลาออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด
จบแบบหักมุม มาเร็วเคลมเร็ว ทำเอากองเชียร์อารมณ์ค้างไปตามๆกัน
และนั่นก็ทำให้เสียงโห่ย้อนกลับไปหา นพ.ธีระเกียรติเอง อาการแบบที่กลุ่มพันธมิตรฯบอกให้เตรียมตัวตายเดี่ยวได้เลย เพราะทำกองหนุนถอย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็เย้ยซ้ำ “หมอธี” ไม่กล้าหักลำเพราะหวงเก้าอี้
...
จากฮีโร่พลิกเป็นผู้ร้ายในสายกองเชียร์ที่ผิดหวัง

ตามจังหวะรีบรวบรัดตัดความ “นายกฯลุงตู่” ชิงเบรกกระแสทันควัน ยืนยัน ครม.ไม่มีรอยร้าว ทุกคนรักใคร่กันดี เข้าใจกัน มีอะไรพูดจาให้กำลังใจกัน
ทำผิดอะไรก็ขอโทษ มันก็จบ
แต่โดยรูปการณ์ ต่อให้ “คนโลกสวย” ยังไง
ก็เชื่อยากว่าจะจบแบบไม่มีอะไรในกอไผ่
เพราะมันเห็นๆกันอยู่กับ “รอยร้าว” แฝงอยู่ภายใต้อาการนิ่งๆของ พล.อ.ประวิตร ที่ไม่ตอบคำถามว่าให้อภัย นพ.ธีระเกียรติ หรือไม่
อาการแบบที่บรรดาลูกน้องคนสนิทรอบข้างเดาได้ “พี่ใหญ่” กลืนเลือดอยู่ในคอ
ซึ่งนั่นก็ล้อไปกับ “แรงสะท้อน” กลับไปที่ รมว.ศึกษาธิการ
แบบที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ “จอมสอยอาชีพ” จากพรรคเพื่อไทย ยื่นให้ตรวจสอบ
นพ.ธีระเกียรติ มีพฤติการณ์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยถือครองหุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นสัมปทานกับรัฐ จำนวน 5,000 หุ้น
หรืออย่างที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกมาทวงถามเรื่องของมารยาทในการอยู่ร่วมรัฐบาล กับการที่คนระดับ รมว.ศึกษาธิการ แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างไม่ดี ในการแอบพูดลับหลังคนร่วม ครม.เดียวกัน
เบิ้ลกดดัน “ย้อนศร” นพ.ธีระเกียรติให้ไขก๊อก ตามมาตรฐานอังกฤษ
ทีมงาน พล.อ.ประวิตร “ตั้งป้อม” สวนกลับแบบไม่เอา “ไส้ศึก” ไว้ร่วมชายคา ครม.
นั่นก็เพราะปักใจเชื่อแล้วว่า คิวของ นพ.ธีระเกียรติ เป็นเกมเจาะยาง กระบวนการต่อเนื่องกับ “นิด้าโพล” ปมนาฬิกา และแกะรอยจากประโยค “ลาออกตั้งแต่นาฬิกาเรือนแรก” ก็สคริปต์เดียวกับคิวของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ สายตรงทีม “ขิงแก่”
เป็นเกมแห่กระแสของทีมงานขั้วอำนาจอำมาตย์ ม็อบพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์
เจ้าภาพร่วม “กฐินสามัคคี” ล้มโต๊ะ “พี่ใหญ่”
กระตุกสภาวะ “สนิมเนื้อใน” กร่อนสถานะความมั่นคงของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์
อย่างไรก็ดี ณ จุดนี้ สังเกตจากยุทธการลุยเจาะยาง “บิ๊กป้อม” ที่เจ้าภาพกฐินสามัคคีลุยไล่บี้ไล่ต้อน จัดหนักทุกกระบวนท่า ทั้งตามกติกา ทั้งชกใต้เข็มขัด ใต้ดิน บนดิน
ยกระดับเกมเดิมพันต้องโค่น “พี่ใหญ่” ให้ได้
แต่บางจังหวะก็เหมือนยังกั๊ก ยั้งมือใส่ไม่เต็มแรง จำกัดวงลามถึง “น้องเล็ก”
แบบที่ นพ.ธีระเกียรติ พูดหลังเคลียร์ปมโยนระเบิดใส่ “บิ๊กป้อม” ยืนยันว่ายังให้ความมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรีร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนเองเข้ามาทำงานร่วมกับ ครม.ก็เพราะนายกรัฐมนตรี
ทิ้งทุ่นให้ตีความเลยว่า เลือกศรัทธาเฉพาะ “บิ๊กตู่” ไม่เอา “บิ๊กป้อม”
ตามเงื่อนไขที่ตรงกับแรงกดดันของกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ และสายอำมาตย์ที่ส่งซิกให้ พล.อ.ประยุทธ์ โละทิ้ง “พี่ใหญ่” ตัดตัวถ่วงรัฐบาล
เพื่อที่ “นายกฯลุงตู่” ที่ต้นทุนคะแนนนิยมดีจะได้ไปต่อแบบฉลุย
เป้าหมายแซะ “น้องเล็ก” ออกจาก “พี่ใหญ่” ชัดเจน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยัน ถ้ารักตนเองก็ต้องรักรองนายกฯและรัฐมนตรีทุกคนด้วย เพราะทำงานเป็นทีมเดียวกัน ต้องไปด้วยกันทั้งหมด
“นายกฯลุงตู่” คนเดียวไปไม่ได้
นั่นก็ทำให้ขบวนการโค่น “พี่ใหญ่” ต้องยกระดับแรงกดดัน เพิ่มแรงเขย่าหนักขึ้น
ทำให้ “บิ๊กตู่” รู้สึก “โหลด” น้ำหนักจนรับไม่ไหว
ในจังหวะเกมการเมืองเน่าๆสถานการณ์มั่วๆขนมผสมน้ำยา แบบที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ จอมแฉยี่ห้อประชาธิปัตย์ ออกมาต่อจิ๊กซอว์
ตัดต่อหนังได้เป็นตุเป็นตะ
โยงเอาปรากฏการณ์ที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โผล่เคลื่อนไหวที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นฉาก “ละครตบตา” ประชาชน
สงสัยกระบวนการ “รู้กัน” ระหว่าง คสช.กับตระกูลชิน
ปล่อยให้สองพี่น้องโฉบไปโฉบมาตบหน้ากระบวนการยุติธรรมของไทย
ตั้งใจกระตุกปมให้ผู้คนในสังคมเคลือบแคลงรายการ “หลิ่วตา” ปล่อยให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์หลบหนีไปต่างประเทศ เพิ่มแรงกดทับไปที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะเบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง
โยงภาพผู้ร้ายให้ “พี่ใหญ่” ดูเป็นตัวปัญหาตามฟอร์ม
และก็อย่างที่เห็น พอโดนสถาน-การณ์กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ก็หงุดหงิด ขึ้นเสียงเขียวหลุดคำ “ไอ้กระพี้”
แล้วก็ถูกตีความว่า ไม่ให้เกียรติ 2 อดีตผู้นำ
กลายเป็นออกซ้ายก็โดน ออกขวาก็โดน
“นายกฯลุงตู่” ตกอยู่ในวงล้อม ทั้งฝ่ายตรงข้าม “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์” เริ่มขยับทวงคืนอำนาจ ทั้งแนวร่วมฝ่ายที่ร่วมกันโค่นระบอบทักษิณ ก็กดดันให้สลัดทิ้ง “พี่ใหญ่” เพื่อเกลี่ยอำนาจ แชร์ผลประโยชน์กันใหม่
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ของ “นายกฯลุงตู่” ถึงจะขยับเขยื้อนตัวลำบากเต็มที
อีกมุมมันก็กระตุกคะแนนสงสาร
โดยเฉพาะคนที่เป็นกลางจะเห็นอกเห็นใจ กับสภาพที่ไม่มีทางเลือกมากมาย ตามเงื่อนไขสถานการณ์อำนาจพิเศษช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศที่ถูกออกแบบไว้อย่างนี้
“พี่ใหญ่–น้องเล็ก” ต้องเดินไปด้วยกัน แยกตัวเมื่อไหร่ก็เสี่ยงพัง
อีกทั้งยังเห็นถึงความพยายามของ พล.อ.ประยุทธ์และทีมงานที่ออกแรงประคับประคองสถานการณ์
กอบกู้ประเทศจากวิกฤติรัฐล่มสลาย เริ่มฟื้นกลับคืน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่เป็นโจทย์ยาก
ที่สำคัญ ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ถอดใจไป ใครจะมาแทน
ในเมื่อผู้นำแบบ “ลุงตู่” ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ภายใน 24 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงจุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องใช้เวลาสะสมชั่วโมงบิน เสริมฐานต้นทุนส่วนตัวมาหลายปี
อีกทั้งถ้าไม่มี “ลุงตู่” คุมเกม คนก็กลัวบ้านเมืองย้อนกลับไปลงเหว
มันจึงเป็นอะไรที่เห็นได้เลยว่าในสถานการณ์หนักๆของ “บิ๊กป้อม” ท่ามกลางวิกฤติของรัฐบาล
แต่มันยังเป็นโอกาสของ “ลุงตู่”.
“ทีมการเมือง”