"วิษณุ" โยน กกต.ตรวจสอบปม "หมอธี" ถือหุ้นสัมปทานรัฐ ปัดคำขอ "ส.ศิวรักษ์" ทบทวน ม.112 รับตกใจ สปส.ใช้งบ 3,000 ล้านเลือกบอร์ด

เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติกรณีการถือหุ้นสัมปทานรัฐหรือไม่ของ น.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ว่า ตนไม่ทราบเป็นเรื่องที่ กกต.จะเป็นผู้พิจารณาเอง

เมื่อถามว่า หากมีการยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของรัฐมนตรีจะสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่มีการร้องให้ตรวจสอบการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ไปแล้ว โดยส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.และ กกต.พิจารณา ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือมาถามรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และแจ้งมาที่นายกฯ ให้ตรวจสอบ ส่วนความคืบหน้าเป็นอย่างไรไม่ทราบ อย่างไรก็ตามต้องแยกให้ออกระหว่างการถือหุ้นสัมปทานของรัฐ กับการถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน

นายวิษณุ กล่าวถึงกรณี นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ระบุกับสื่อต่างประเทศ เสนอชื่อนายวิษณุและสถาบันพระปกเกล้า ให้พิจารณาทบทวนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า "เรื่องนี้ไม่เคยมี ไม่เคยทำ ไม่เคยเกี่ยว และไม่มีใครมาขอคำปรึกษากับผม แต่หลังจากนี้จะมีใครมาขอคำปรึกษาหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ อดีตและปัจจุบันไม่มี แต่อนาคตไม่รู้ และผมไม่เกี่ยวกับสถาบันพระปกเกล้ามา 4 ปีแล้ว"

เมื่อถามว่า 4 ปี ที่ผ่านมา สถิติการดำเนินคดีมาตรา 112 มีจำนวนมากขึ้น จนถูกวิจารณ์ว่า คสช.ใช้เป็นเครื่องมือ นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยทราบ ไม่กล้าบอกว่าไม่มี ใครอาจจะทำผมไม่รู้ แต่ผมไม่ทราบ" นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีการคัดเลือกคณะกรรมการประกันสังคม (สปส.) ที่ยังมีปัญหาติดขัดของหน่วยงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ตัวแทนจากกระทรวงแรงงาน จะเข้ามาหารือในเรื่องดังกล่าวกับตน ยังไม่ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมการเลือกตั้งคณะกรรมการฯ ถึงใช้งบประมาณสูงถึง 3,000 ล้านบาท เมื่อทราบตัวเลขจากข่าวก็ตกใจเหมือนกัน เพราะตัวเลขดังกล่าวเกือบเท่ากับการเลือกตั้งใหญ่ แต่หลายคนก็เห็นว่าใช้งบ 200-300 ล้านบาท ก็สามารถเลือกตั้งบอร์ดได้แล้ว

...