การเลือกตั้งตามโรดแม็ปจะเกิดขึ้นหรือไม่

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งนั้น คือ รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดชัดเจนให้ดำเนินการเลือกตั้งภายใน 150 วัน เมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ มีผลบังคับใช้แล้ว

ขณะนี้ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกาศใช้ไปล่วงหน้า

เหลืออีก 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 11 คน ประกอบด้วยกรรมาธิการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 1 คน กรรมาธิการจาก สนช. และกรรมาธิการจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ฝ่ายละ 5 คน

พิจารณาแล้วเสนอต่อ สนช.ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างเพื่อให้ความเห็นชอบ

ถ้า สนช.มีมติไม่ถึง 2 ใน 3 ให้ถือว่าเห็นชอบตามร่างที่ กรธ.เสนอ

กรณี สนช.มี “มติไม่เห็นชอบ” ด้วยเสียงเกิน 2 ใน 3 ให้ “ร่างเป็นอันตกไป”

สำหรับประเด็นที่ กรธ.มีมติทำความเห็นโต้แย้งร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ประกอบด้วย ตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ห้ามเป็นข้าราชการการเมือง

การจัดมหรสพหาเสียง เพราะเป็นปัญหาด้านการกำหนดค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร ส.ส.

เวลาลงคะแนนที่ สนช.แก้ไขเป็นเวลา 07.00-17.00 น. เพราะเป็นปัญหากับผู้ปฏิบัติงาน

การลงคะแนนแทนผู้พิการทางสายตา

สำหรับความเห็นโต้แย้งร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ประกอบด้วย การลดกลุ่มอาชีพเหลือ 15 กลุ่ม กรธ.ขอยืนยันที่ 20 กลุ่ม เพราะเหมาะสมกว่า เป็นไปตามผลการรับฟังความเห็นจากประชาชนของ กรธ.

การแยกประเภทผู้สมัครแบบอิสระและนิติบุคคล กรธ.ไม่เห็นด้วยที่จะแยกประเภท เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญในประเด็นความหลากหลายและสิทธิของผู้สมัครที่ทุกคนสามารถสมัครเป็น ส.ว.ได้

...

ยืนยันวิธีการเลือกไขว้ เพราะป้องกันการฮั้วลงคะแนนได้ดีกว่าการเลือกตรง

ส่วนท่าทีของ กกต.มีความเห็นโต้แย้งร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ประกอบด้วย ผู้สมัครพรรคการเมืองมีหมายเลขแตกต่างกันไปตามเขตเลือกตั้ง ทำให้กระบวนการจัดพิมพ์บัตรต้องกระจายออกไปในพื้นที่ต่างๆ ทำให้ยากที่จะจัดการเลือกตั้งให้เกิดการสุจริต เที่ยงธรรมได้

การจัดมหรสพหาเสียง นำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต เที่ยงธรรม

การกำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของพรรคการเมืองเท่ากัน จะไม่เที่ยงธรรมเมื่อถูกนำไปปฏิบัติ พรรคใหญ่เสียเปรียบ

ศาลฎีกาสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือให้ใบเหลืองหลังประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นการเขียนกฎหมายเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ

ในที่สุดแล้วร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับสุดท้ายจะถูกคว่ำหรือไม่

หากแกะลอยตามโทนเสียงของผู้มีอำนาจ เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศย้ำหลายครั้งว่า หากกฎหมายลูกเสร็จก็เลือกตั้ง แต่ถ้าไม่เสร็จไม่ใช่ไปโทษ สนช.

ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. บอกต่อ ทีมข่าวการเมือง เอาไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.59 ทำนองว่า คนทำงานไม่คิดว่าจะถูกคว่ำ แต่หากโหวตไม่ผ่านในชั้น สนช. ก็จะต้องยกร่างกฎหมายลูกชนิดไม่มีระยะเวลากำหนด

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ให้ความมั่นใจไม่ได้ว่ากฎหมายลูก 2 ฉบับ จะถูกคว่ำหรือไม่

ทิศทางลมสุดท้ายจะพัดหวนไปทางใด นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า กมธ.

ร่างกฎหมายบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ

ออกแบบให้ประชาชนสมัครและเลือกกันเอง แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ การบล็อกโหวต

เพราะพรรคการเมืองจะรู้ว่าฐานเสียงแต่ละพื้นที่มีเท่าไหร่ อาจจะเกิดการระดมพลได้

กมธ.ได้แก้ไขจำนวนกลุ่ม การเลือกไขว้เป็นเลือกตรงแบบกลุ่มอาชีพ และการแบ่งกลุ่มอาชีพ ถูกแก้ในที่ประชุม สนช. ทั้งหมดที่แก้ไขคงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เพราะจำนวนกลุ่มอาชีพไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ การลดจาก 20 กลุ่ม ยุบรวมอยู่ใน 10 กลุ่มอาชีพหมด ครบถ้วนแน่นอน ขอยืนยันทั้ง 20 กลุ่มอาชีพอยู่ใน 10 กลุ่มอาชีพหมด

10 กลุ่มอาชีพหรือ 20 กลุ่มอาชีพล้วนบล็อกโหวตได้ทั้งคู่

ยิ่งกลุ่มเล็กยิ่งบล็อกง่าย

การเลือกไขว้เป็นเลือกตั้งตรงก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีการเลือกไขว้หรือวิธีการอื่นก็ได้

การแบ่งกลุ่มผู้สมัครอิสระ กับให้องค์กรนิติบุคคลเลือกตัวแทนมา ประเด็นนี้ กรธ.แย้งแน่ มีคนมาถามว่าผมต้องรับผิดชอบหากขัดรัฐธรรมนูญ ก็บอกไปว่าบอกไม่ได้ มันมองได้หลายมุม รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าจะต้อง “สมัครอิสระ” หรือ “สมัครกลุ่ม”

กรธ.อาจคิดว่าหากให้องค์กรนิติบุคคลเลือกมาแล้วจะสมัครอิสระไม่ได้ ก็แก้ปัญหาโดยให้องค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อมาก่อน ใครไม่ได้รับเลือกก็ให้ไปลงสมัครอิสระ สมัครคนละเวลาได้

สนช.บางท่านเคยให้ความเห็นว่า หากสมัครอิสระ เช่น “กลุ่มเกษตรกร” มีระดับนายทหารยศพลเอก ทำสวนนิดๆหน่อยๆ ก็มาสมัครได้ อาจจะเกิดการล็อบบี้จนไม่ได้ตัวแทนเป็นเกษตรกรตัวจริงๆ

หรือ “กลุ่มสื่อมวลชน” หากให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เสนอชื่อก็ต้องเสนอบุคคลที่เป็นนักข่าวจริงๆ การเสนอแบบนี้มีเหตุผลที่ฟังได้

กรธ.ตั้งบนพื้นที่ฐานกลุ่มชาวนา ชาวสวนที่แท้จริง แต่ถ้าถามว่าหากมีคนให้ทุนชาวนา ชาวสวนไปทำในที่ดินของเขา เขาเป็นชาวนา ชาวสวนด้วยหรือไม่

แต่ถ้าให้สมาคมเกษตรกร เชื่อว่าต้องส่งเกษตรกรตัวจริง รับรองไม่ส่งชื่อนายทุนมาแน่

ทั้งหมดอธิบายให้เห็นภาพถึงเหตุผลว่าทำไมเราต้องแบ่งกลุ่มผู้สมัคร ขอยกตัวอย่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จะส่งผู้สมัครก็ให้ส่งได้จังหวัดละ 1 คน ภายใต้ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการเกิด การทำงาน การศึกษาอยู่ที่จังหวัดนั้นตามรัฐธรรมนูญกำหนด

ฉะนั้น เชื่อว่ากฎหมายเดินต่อได้อยู่แล้ว

ไม่มีแนวคิดที่ สนช.จะล้มกฎหมายและ สนช.น่าจะโหวตชนะด้วย เพราะการพิจารณากฎหมายที่ผ่านมา สนช.ชนะมาโดยตลอด

ทีมข่าวการเมือง ถามว่ามีความพยายามต้องการให้ยืดการเลือกตั้งออกไปอีก โดยคว่ำร่างกฎหมายลูกที่เหลือ นายสมคิด บอกว่า เรื่องนี้มันสำเร็จไปแล้วตามที่เนื้อหาในกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดให้มีผลบังคับใช้ 90 วัน หลังประกาศใช้

ใจของทุกคนตอนนี้มุ่งไปที่การเลือกตั้ง คสช.คงไม่ยืดการเลือกตั้งออกไปอีก จบที่ 90 วันแล้ว คงไม่มีอะไรเพิ่มมากไปกว่านั้น คงไม่มาแก้ให้โดนด่าอีกรอบ

การตั้ง กมธ.ร่วมไม่ถือเป็นการยืดการเลือกตั้ง

จะยืดการเลือกตั้งได้จริงๆ สนช.ต้องไม่เห็นด้วย และการเมืองจะถึงทางตัน

เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเอาไว้ให้ใครยกร่างกฎหมายต่อ

สนช.หรือ กรธ.จะเป็นฝ่ายร่าง กำหนดเวลาก็ไม่มี

“คิดว่าหากเกิดการล้มแบบนี้จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่ตอนนี้ยืนยันไม่มีสัญญาณอะไรที่จะทำให้ สนช.ล้มกฎหมาย 2 ฉบับ

เขามั่นใจจะผ่านและจะชนะใน กมธ.ร่วม

ผมไม่เชื่อว่ากฎหมาย 2 ฉบับนี้จะไม่ผ่าน เพราะหากไม่ผ่านจะเกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรง

ความเชื่อมั่นต่อ คสช.-สนช.จะหมดไป เพราะการยืดเยื้อเลื่อนโรดแม็ปไปเรื่อย

ยิ่งอยู่ในช่วงขาลง คือ พูดอะไรแล้วคนไม่ค่อยเชื่อมั่น”

ฉะนั้น หากเกิดโหวตคว่ำมันจะเสียทั้งแม่น้ำ 5 สาย.

ทีมการเมือง