อัมพาพันธ์ ธเนศเดชสุนทร อดีตภริยาคนสุดท้ายของของพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กจ๊อด เปิดใจถึงการเข้ามาเล่นการเมืองด้วยการเตรียมตั้งพรรค พร้อมนั่งเป็นประธานผู้จัดตั้งกลุ่ม เพื่อชาติไทย...
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2561 นางอัมพาพันธ์ ธเนศเดชสุนทร อดีตภริยาของพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ หรือ "บิ๊กจ๊อด" อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ อดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ในนามประธานผู้จัดตั้งกลุ่มเพื่อชาติไทย บอกเล่าเรื่องราวกับทีมข่าวไทยรัฐทีวี ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจก้าวสู่สนามการเมืองด้วยการเตรียมตั้งพรรคว่า เนื่องจากช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ได้ผ่านพบกับความสุข ความทุกข์มามาก ช่วงหลังก็เลยหันมาทำการกุศล โดยร่วมเป็นที่ปรึกษาใหญ่กับมูลนิธิธรรมเสรี กับนายเอกชัย ฐปนานนท์ เราก็ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนมา เมื่อทำมูลนิธิ ก็คิดลึกขึ้นไปอีกว่า ถ้าเราได้เข้าไปถึงการเมือง การเมืองคือสิ่งที่ดีในความคิดของเรา คือสิ่งที่สวยงาม การที่เราจะให้ความยุติธรรมกับประชาชนต่อไป ทั้งนี้แม้สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันจะแตกต่างจากในอดีต แต่ก็ไม่หนักใจ เพราะเห็นว่า การเมืองในอดีตหนักกว่าสมัยนี้
ประธานผู้จัดตั้งกลุ่มเพื่อชาติไทย กล่าวต่อว่า คิดว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาในฐานะที่เป็นภรรยาของอดีต หัวหน้า รสช. แล้วอยู่ดีๆลุกขึ้นมาตั้งพรรค จนอาจถูกมองว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่เมื่อตัดสินใจมาอยู่จุดนี้แล้วก็ต้องอดทนให้ได้ ฝันฝ่าให้ได้ และเชิดหน้าที่จะรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้ได้
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าตั้งพรรคมาเพื่อสนับสนุนกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น นางอัมพาพันธ์ ระบุว่า ถ้าท่านมาโดยถูกกฎหมายเราก็ยินดีที่จะสนับสนุนท่าน พร้อมย้ำว่าการตั้งกลุ่มขึ้นมา ได้รวบรวมคนที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน ไม่มีใครให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หรือ เป็นนอมินีของฝ่ายไหน และเบื้องต้นยังไม่ได้วางตัวบุคคลใดมาเป็นหัวหน้าพรรค และส่วนตัวก็เป็นแค่ประธานผู้จัดตั้งพรรค ยังไม่ใช่หัวหน้าพรรค
...
ด้าน นายเอกชัย ฐปนานนท์ เลขานุการประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มเพื่อชาติไทย กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ทาบทามบุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคบ้างแล้ว มีทั้งนักการเมือง ทหาร และคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีอุดมการณ์และคุณธรรม แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร โดยการทาบทามมีผู้ใหญ่ไปดำเนินการ และเชื่อว่า นักการเมืองปัจจุบันจะออกมาอยู่กับกลุ่มเราไม่น้อยกว่า 10 % เป็นคนที่อยู่ทั้งพรรคใหญ่และพรรคขนาดกลาง เพราะเราเฟ้นหาคนที่มีคุณภาพตรงกับเรา และทุกคนก็อยากออกจากวังวนเก่าๆ
"ขณะนี้ นักการเมืองแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ นักการเมืองที่เป็นนายทุนใหญ่ สามารถคุมอำนาจทางการเงิน ต่อมา คือ นักการเมือง ที่เป็นนักวิชาการ แต่ฐานการเงินไม่ค่อยมี แต่มีอุดมการณ์มีแนวคิดที่ดีต่อบ้านเมือง และอีกส่วน คือ นักการเมืองที่มีอาชีพต่างๆ และฐานการเงินไม่แน่นหนา ต้อวอาศัยทุนใหญ่ ซึ่งกลุ่มเราก็จะดึงแต่ละส่วนในนี้ที่ผู้รู้เห็นในวันข้างหน้าค่อนข้างจะพอใจมาร่วม นอกจากนี้ก็จะมีทหารประมาณ 10 % รุ่นราวคราวเดียวกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เบื้องต้น บุคคลที่ถูกทาบทามก็ไม่เชิงตอบรับโดยตรง แต่เป็นลักษณะเอ็มโอยู แบบมองหน้ากันแล้วพอเข้าใจกัน เพราะมีคนกลางที่น่าจะมีบทบาทในการสร้างบ้านเมืองให้ดีเป็นผู้ประสานรึเปล่า" เลขานุการประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มเพื่อชาติไทย กล่าว
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายหลักของคะแนนเสียงที่กลุ่มวางไว้ อยู่ในภาคอีสาน เพราะประชาชนยากจนเยอะ เกษตรกร ขัดสน แร้งแค้น มีหนี้สิน เรารู้สภาวะของคนแถวนี้ดี จึงเชื่อว่าเหตุผลและแนวทางของเราจะทำให้เขายอมรับได้ อีกส่วนหนึ่งคือพื้นที่ที่อิทธิพลทางการเมือง โดยชูการเลือกผู้นำที่ถูกต้อง เพราะผู้นำต้องมีลักษณะพิเศษกว่าปุถุชน คือ ต้องไม่สะสมทรัพย์ ไม่ยึดติดในทรัพย์ ไม่ใช้อำนาจถวายทรัพย์ ไม่ใช้ทรัพย์ถวายอำนาจ เมื่อพลัดพรากจากของที่รัก ที่ชอบ ไม่คิดพยาบาท ไม่คิดประทุษร้าย เป็นกลาง จัดสรรทรัพยากรให้ประชาชนได้ใช้อย่างเสมอภาค ทั่วถึง และยุติธรรม ถ้าผู้นำมีลักษณะเช่นนี้นโยบายต่างๆ ก็จะง่ายมาก
เลขานุการประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มเพื่อชาติไทย กล่าวอีกว่า ในทางการเมืองปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องมีกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับพรรคของเรา หากจะถูกวิจารณ์ ว่าเป็นกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ก็น้อมรับ แต่ต้องเป็นกลุ่มที่ชอบด้วยคุณธรรมและกฎหมาย หากชอบ ก็คิดว่า ไม่ว่าจะบิ๊กตู่ บิ๊กไหน พ่อค้า นักธุรกิจไหน เราก็พร้อมรับและเข้าร่วมกลุ่ม อย่างไรก็ตามภายใต้กฎหมายเลือกตั้งใหม่ ก็มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 35 คน
เมื่อถามว่า ได้ทาบทามบุคคลมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วหรือไม่ นายนายเอกชัย กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่เราไปทาบทาม แต่ต้องบอกว่าคนที่ทาบทามเราตั้งพรรค ท่านจะเอายังไง ส่วนใครคือคนทาบทามให้ตั้งพรรคบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร บอกไม่ได้ว่าเป็นพลเรือนหรือ ทหาร เพราะจะเสียรูปคดี.